คนดังแห่ร่วมยูนิเซฟ ร้องกลุ่ม G7 แบ่งวัคซีนโควิดให้ประเทศยากจนทันที

"เดวิด เบ็คแฮม" อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ที่มาภาพ: UNICEF

คนดังระดับโลกแห่ร่วมยูนิเซฟ เรียกร้องแต่ละประเทศในกลุ่ม G7 บริจาควัคซีนโควิด 20% ให้ประเทศยากจนที่กำลังขาดแคลนวัคซีนกว่า 190 ล้านโดส โดยทันที เพื่อช่วยลดการระบาดและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส

วันที่ 11 มิถุนายน 2564 ยูนิเซฟ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G7) จะเริ่มในวันนี้ (ศุกร์ที่ 11 มิ.ย.) ที่คอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ ทูตสันถวไมตรียูนิเซฟและผู้สนับสนุน ร่วมออกจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ให้คำมั่นที่จะแบ่งปันวัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่อย่างน้อยร้อยละ 20 ในประเทศตนเอง เพื่อช่วยลดการระบาดและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส และให้เกิดการกระจายวัคซีนแก่ประเทศที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ที่ขาดแคลนวัคซีนรวมกว่า 190 ล้านโดส โดยทันที

เหล่าคนดังที่มาร่วมสนับสนุนยูนิเซฟกว่า 36 คน ได้แก่ รามลา อาลี, เฟร์นันโด อาลอนโซ, เดวิด เบ็คแฮม, ซานจีฟ บาสการ์, ออร์แลนโด บลูม, โฮเซ่ มานูเอล คาลเดอรอน, โซเฟีย คาร์สัน, เจ็มม่า ชาน, ปริยังกา โจปรา โจนาส, โอลิเวีย โคลแมน, บิลลี ไอลิช, พาว กาซอล, วูปี โกลด์เบิร์ก, เซเลน่า โกเมซ, เดวิด แฮร์วูด, คีลีย์ ฮอว์ส, เซอร์คริส ฮอย, แองเจลีก คิดโจ, เทีย เลโอนี, เจเรมี หลิน, ลูซี หลิว, ฮวน มานูเอล โลเปซ อิตูร์เรียกา, ยวน แม็คเกรเกอร์, อลิสซา มิลาโน, แอนดี้ เมอร์เรย์, เลียม นีสัน, เลียม เพย์น, เคที เพร์รี, พิงก์, เซร์ฆิโอ ราโมส, คลอเดีย ชิฟเฟอร์, ลิลลี่ ซิงห์, เทเรซ่า วีโจ และเลวิสัน วูด

ที่มาภาพ: UNICEF

เนื้อความท่อนหนึ่งในจดหมายระบุว่า ทั้งโลกใช้เวลาปีครึ่งเพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19  แต่ไวรัสก็ยังคงระบาดอยู่ในหลายประเทศ และกำลังกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง สถานการณ์นี้อาจจะพาพวกเราทุกคนถอยหลังกลับไปยังที่เดิม นั่นหมายความว่าจะมีการปิดเรียนเพิ่มขึ้น เกิดความโกลาหลในระบบสาธารณสุข และเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น ซึ่งคุกคามความเป็นอยู่และอนาคตของเด็กและครอบครัวทั่วทุกหนแห่ง

จดหมายฉบับดังกล่าวยังเตือนด้วยว่าโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือทั่วโลกในการสนับสนุนประเทศยากจนให้เข้าถึงวัคซีน กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนวัคซีนอยู่จำนวน 190 ล้านโดส และขอเสนอให้กลุ่มประเทศ G7 บริจาควัคซีนร้อยละ 20 ของประเทศตนเอง ในระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม จำนวน 150 ล้านโดส เพื่ออุดช่องว่างและแก้ปัญหาการขาดแคลนครั้งนี้

จากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดจัดทำโดยแอร์ฟิ​นิตี (Airfinity) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยด้านชีววิทยาศาสตร์ โดยได้รับการสนับสนุนจากยูนิเซฟในประเทศอังกฤษ ระบุว่า กลุ่มประเทศ G7 สามารถบริจาควัคซีนจำนวนนี้ได้โดยไม่กระทบแผนการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนของตนเอง

ในจดหมายเปิดผนึกยังให้เหตุผลว่า การประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญให้ทุกท่านได้ตกลงยินยอมให้ความช่วยเหลือเพื่อให้พื้นที่ ๆ จำเป็นที่สุดได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด และขอให้บรรดาผู้นำจัดทำแผนกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกเมื่อโลกมีปริมาณวัคซีนเพิ่มขึ้น โดยมีการคาดคะเนว่าอาจจะมีวัคซีนถึง 1 พันล้านโดสให้บริจาคได้ภายในสิ้นปีนี้

“เดวิด เบ็คแฮม” ทูตสันถวไมตรี องค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า ในฐานะทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ ผมเชื่อในประโยชน์ของการฉีดวัคซีน และวิกฤติโควิด-19 จะไม่จบจนกว่าการระบาดจะสิ้นสุดลงในทุกพื้นที่ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกชุมชนทั่วโลกจะได้เข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียมโดยทันที

“ปริยังกา โจปรา โจนาส” ทูตสันถวไมตรี องค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า วิกฤตในอินเดียและทั่วทวีปเอเชียใต้ก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งร้ายแรง จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสถานพยาบาลทั่วอินเดีย เตียงในโรงพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์ และออกซิเจนขาดแคลน

“ปริยังกา โจปรา โจนาส” นางงามและนักแสดงชาวอินเดีย ที่มีชื่อเสียงมากในสหรัฐอเมริกาและในนานาประเทศ ที่มาภาพ: UNICEF/UN0315365/Prinsloo

“พวกเราทุกคนที่ยูนิเซฟรู้สึกกังวลใจเมื่อได้เห็นข่าวเด็ก ๆ ล้มป่วยจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ พร้อม ๆ กับที่หลายคนที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ ถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง และตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพที่จำเป็น วัคซีน และการศึกษาได้”

“วิกฤตในอินเดียทำให้เห็นว่าทำไมเราจึงต้องเร่งดำเนินการทันทีเพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ของไวรัส ที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางทั่วโลก ยูนิเซฟและพันธมิตรโครงการ COVAX กำลังเร่งจัดส่งวัคซีนไปยังกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดของโลกอยู่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตามลำพัง”

“ทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้คือให้ประเทศ G7 แบ่งปันวัคซีนโควิด-19 ส่วนเกินให้แก่ประเทศที่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรกลุ่มเปราะบางจำเป็นต้องได้รับวัคซีนมากที่สุดโดยทันที และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ดิฉันมาร่วมกับทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟท่านอื่น ๆ ลงนามในจดหมายฉบับนี้ เพื่อขอร้องให้ผู้นำประเทศ G7 ให้คำสัญญาในการประชุมสุดยอดที่อังกฤษในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อให้เด็กและครอบครัวในทุกที่ทั่วโลกปลอดภัยจากโควิด-19”

“เฮนเรียตตา โฟร์” ผู้อำนวยการบริหารองค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ไม่ควรต้องเลือกว่าจะสู้กับโรคร้ายนี้ที่ประเทศของตนหรือช่วยประเทศอื่น ๆ ต่อสู้ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำไปพร้อม ๆ กันและทำอย่างเร็วที่สุด ซึ่งพวกเราสามารถทำได้

“ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19 ขณะที่เหล่าผู้นำมาพบกันเพื่อจัดลำดับความสำคัญว่าจะจัดการกับวิกฤตโควิด-19 อย่างไรในเดือนต่อ ๆ ไปที่กำลังจะมาถึง ดิฉันยินดีที่ได้เห็นผู้สนับสนุนยูนิเซฟจำนวนมากออกมาร่วมเรียกร้องให้เกิดการสนับสนุนโครงการโคแวกซ์อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เราสามารถต่อสู้กับวิกฤตนี้ได้ในทุกที่ทั่วโลก เพราะท้ายที่สุดแล้วการระบาดไม่ได้จำกัดเส้นกั้นพรมแดน การต่อสู้กับเชื้อไวรัสและการกลายพันธุ์จึงไม่ควรต้องจำกัดพรมแดนเช่นกัน”

หากไม่เกิดความยุติธรรมและเท่าเทียมกันในการเข้าถึงวัคซีนโดยทันทีแล้ว โลกจะยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงของการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส เช่นเดียวกับการระบาดระลอก 2 ที่กวาดชีวิตผู้คนอย่างมหาศาลในประเทศอินเดีย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียใต้ เช่น เนปาล ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน