‘ภาคเอกชน’ ผนึกกำลังสนับสนุนบุคลากรแพทย์ และคนในชุมชน ต่อสู้กับโควิด-19 ในมิติต่าง ๆ ทั้งการมอบอาหาร อุปกรณ์ที่จำเป็น สมทบทุน และใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการคิวฉีดวัคซีน
สถานการณ์การแพร่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ มีบริษัทเอกชนจำนวนมากระดมกำลังสนับสนุนบุคคลากรด้านการแพทย์ ในมิติต่าง ๆ และหลายบริษัทได้เข้าไปช่วยเหลือชุมชนที่เป็นจุดเสี่ยง เนื่องจากชาวบ้านหลายคนมีอุปสรรคในการหารายได้เพื่อซื้อของอุปโภคบริโภคมาในช่วงที่สถานการรณ์ไม่ปกติเช่นนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” จึงรวบรวมตัวอย่างรูปแบบที่ภาคเอกชนยื่นมือช่วยเหลือสังคมในช่วงเดือน มิ.ย. 2564 ดังนี้
คาราวานผลผลิตเกษตร
สยามคูโบต้า จับมือ 5 วิสาหกิจชุมชน ทำกิจกรรม คูโบต้า…ฟาร์มส่งสุข จัดคาราวานรถบรรทุกผลผลิตการเกษตรและผลิตภัณฑ์จากชุมชน สู่ 5 โรงพยาบาล เพื่อผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ภายใต้โครงการ KUBOTA On Your Side ปีที่ 2
“วราภรณ์ โอสถาพันธุ์” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขของผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันโรงพยาบาลก็มีความต้องการอาหารที่เพียงพอ เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษาอย่างต่อเนื่องทุกวัน ในขณะเดียวกันกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
“เราจึงทำกิจกรรม คูโบต้า…ฟาร์มส่งสุข พร้อมปล่อยคาราวานครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อส่งมอบผลผลิตทางการเกษตรไปสู่โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลสนาม ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยได้รับความร่วมมือจาก 5 กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า ที่เราร่วมสร้างให้เกิดเป็นชุมชนต้นแบบทางการเกษตรที่มีความเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมการเกษตรมาตั้งแต่ปี 2555”
กิจกรรมในครั้งนี้ สยามคูโบต้าได้ให้การอุดหนุนผลผลิตที่มีคุณภาพของกลุ่มเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ผัก ผลไม้ น้ำดื่ม ผลิตภัณฑ์แปรรูปขึ้นชื่อของชุมชน และดำเนินการจัดส่งผลผลิตจนถึงมือผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมี 5 เส้นทาง ที่ส่งมอบเป็นที่เรียบร้อย ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ผักไหม จังหวัดศรีสะเกษ สู่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เส้นทางที่
2 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-เกษตรทิพย์ จังหวัดศรีสะเกษ สู่โรงพยาบาลสนามศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและฝั่ง จังหวัดชลบุรี เส้นทางที่ 3 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ห้วยตาดข่า จังหวัดอุดรธานี สู่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เส้นทางที่ 4 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-ตอนิมิตร จังหวัดแพร่ สู่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และเส้นทางที่ 5 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า-หนองผักบุ้ง จังหวัดเพชรบูรณ์ สู่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
ถุงปันยิ้มช่วยชุมชน 800 ครัวเรือน
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลัง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ทำโครงการ “ถุงปันยิ้ม” ช่วยเหลือด้านอาหารและสิ่งของที่จำเป็นให้กับชุมชนในเขตราชเทวี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
“สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของคน ทางบริษัทจึงร่วมกับสหพัฒนพิบูลนำส่งของกินของใช้ที่จำเป็นให้กับคนในชุมชน เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังกายและกำลังใจให้ดีขึ้น พร้อมต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19
“ครั้งนี้เราได้จัดกิจกรรมมอบถุงปันยิ้มให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตราชเทวี จำนวนกว่า 800 ครัวเรือน โดยได้รับการสนับสนุนอาหารและสิ่งของที่จำเป็นจากสหพัฒนพิบูล ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมเวเฟอร์ ปลากระป๋อง นมถั่วเหลือง และเจลแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ เมเจอร์ฯยังได้นำอาหารกลางวันจาก Blu-O และป๊อปคอร์น มามอบให้แก่เด็ก ๆ ในชุมชน โดยประสานกับสำนักงานเขต และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนในการลงพื้นที่ในการส่งมอบถุงปันยิ้มให้กับคนในชุมชนที่ต้องกักตัวภายในบ้าน”
อุดหนุน SME ส่งต่อให้คณะแพทย์
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สานต่อนโยบาย “Sansiri Care…เพราะเราห่วงใย” ช่วย 2 ต่อ โดยอุดหนุนสินค้าด้านอาหารของผู้ประกอบการ SMEs ไทย และมอบเป็นอาหารมื้อเย็นให้แก่คณะแพทย์ พยาบาล และทีมงานจิตอาสาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ตั้งแต่ปี 2563 แสนสิริร่วมสนับสนุนเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 กับกระทรวงสาธารณสุข ด้วยความหวังที่จะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว เริ่มจากการบริจาคเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาท ต่อมาได้มอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยหรือรถตรวจโควิด-19 จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 1.8 ล้านบาท เพื่อให้กรมควบคุมโรคได้ใช้ตรวจโควิด-19 เชิงรุกในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและภูเก็ต
และล่าสุดแสนสิริได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรคู่ค้า 29 บริษัท สร้างห้องอาบน้ำสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามเมืองทองธานี กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 380 ห้อง รวมมูลค่า 8 ล้านบาท โดยสร้างเสร็จภายในระยะเวลา 5 วัน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
มอบถุงขยะ 1.2 ล้านใบ
บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิตและจั
ล่าสุดบริษัทเดินหน้าบริจาคถุงขยะดำ ถุงขยะแดง และถุงซิปอเนกประสงค์กว่า 1.2 ล้านใบ ให้โรงพยาบาลรัฐที่ต้
“ทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล” กรรมการ บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เตรี
“ทุกครั้งที่มีสถานการณ์เร่งด่วน คิงส์แพ็คฯ ทำการช่วยเหลือสังคมมาโดยตลิด เช่น วิกฤตน้ำท่วมภาคอีสานปี 2562 เราได้มอบถุงขยะและถุงซิปผ่านหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผ่านคู่ค้าทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งใส่
ส่วนในปี 2563 ไทยเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ฮีโร่ได้บริจาคถุงขยะรวมกว่า 8 ล้านใบ ให้แก่ 125 องค์กรทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาล และหน่วยงานราชการที่ต้องติดต่อกั
“ทวี” กล่าวเพิ่มเติมว่า พลาสติกที่บริษัทผลิตและมอบให้กับลูกค้าหรือบริจาคให้กับสังคม เป็นพลาสติกที่ผ่านนวั
สำหรับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนามต่าง ๆ ที่ต้องการถุงฮีโร่ สามารถกรอกข้อมูลแจ้
สายด่วนแก้ปัญหาสุขภาพจิต
การรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสถานการณ์ปัจจุบันมีหลากหลายมิติ ทั้งมาตรการควบคุมการเดินทาง การจำกัดการใช้บริการพื้นที่สาธารณะ หรือแม้แต่มาตรการเว้นระยะห่าง การรณรงค์อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่อีกหนึ่งเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ในช่วงนี้คือ ปัญหาด้านสุขภาพจิตของคนไทย ในการรับมือกับข่าวสาร ภาวะเศรษฐกิจ การดำรงชีวิต จนบางครั้งทำให้เกิดความเครียดจนนำมาซึ่งปัญหาด้านสุขภาพจิต
จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ทีมอาจารย์พยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ AIS ในการเปิดสายด่วน “Are U OK ?” เพื่อให้บริการประชาชนในช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยประชาชนสามารถโทรเข้าปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้ที่ เบอร์ 02-078-9088
นอกจากนั้น AIS ยังนำบริการดิจิทัล (digital service) อย่างระบบ call center ที่ใช้ intelligence IVR มาบริหารจัดการคิวสำหรับประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลรามาธิบดีอีกด้วย
“รศ.ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์” ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต ซึ่งเราพบว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะถูกมองข้ามไป ทำให้ภาวะความเครียดส่งผลต่อการใช้ชีวิต จนบางครั้งหากมีความรุนแรงอาจถึงขั้นการคิดฆ่าตัวตายได้
ด้าน “สายชล ทรัพย์มากอุดม” หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าภารกิจสู้ภัยโควิด-19 ตามแนวทาง เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย ผ่านการนำเทคโนโลยี และศักยภาพขององค์กรในด้านต่าง ๆ ทั้งสัญญาณเครือข่าย เทคโนโลยี บริการดิจิทัล รวมถึงบุคลากรทุกส่วนงาน เข้าสนับสนุนการทำงานของภาคสาธารณสุขอย่างเต็มกำลัง
“สำหรับความร่วมกับโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งมิติ โดยเรามีความเชื่อว่า การทำงานแบบสอดประสานไม่ว่าจะในมิติไหนก็ตามจะช่วยทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี”
ในฐานะ Digital Life Service Provider ของ AIS นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลแล้ว เรายืนยันความพร้อมในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเทคโนโลยีสื่อสาร รวมถึง digital service ต่าง ๆ กับทุกภาคส่วน เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 เพื่อจะสามารถเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้เร็วที่สุด
ระดมพลังพนักงานจิตอาสา
ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2510 และได้ขยายกิจการจนกลายเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีรากฐานมั่นคงแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานในไทยราว 2,200 คน และได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ของพนักงานในองค์กร มาโดยตลอด
ทั้งในรูปแบบการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทุก ๆ ปี โดยร่วมมือกับองค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ เป็นการเสริมศักยภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการสร้างอาชีพ การส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจของชุมชนให้ดีขึ้น รวมถึงพนักงานซิตี้แบงก์ช่วยขับเคลื่อนแนวคิดด้านความเป็นผู้นำและนวัตกรรมให้คนในชุมชน
ล่าสุด ซิตี้แบงก์ จัดกิจกรรมจิตอาสาชื่อ “วันชุมชนซิตี้” (Citi Global Community Day) เพื่อส่งเสริมให้พนักงานรวมถึงคนในครอบครัวและเพื่อน ๆ ของพนักงาน ร่วมเป็นอาสาสมัครทำกิจกรรมหลากหลายที่จะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรด้านสาธารณสุขของไทยที่กำลังต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 ได้แก่
- เปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิตเป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดี
- บริจาคเลือด ช่วยกันเติมเลือดในคลังให้เพียงพอ เพราะตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ทำให้จำนวนคลังเลือดลดลง จนหลายครั้งไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเลือดเพื่อใช้ในการรักษา
- ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบเงินซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลศิริราช และศิริราชมูลนิธิ สำหรับใช้ในการต่อสู้กับโรคต่าง ๆ
- บริจาคเงินเพื่อนำไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นและขาดแคลน เช่น ชุด PPE หน้ากาก N95 ตามแต่ความต้องการของแต่ละโรงพยาบาลสนาม
- วิ่งสะสมระยะทาง เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินบริจาคเพื่อสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี
เพื่อสังคมในด้านต่าง ๆ เป็นประจำทุกปี โดยหัวใจสำคัญในการทำโครงการคือเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเสริมศักยภาพทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นไปที่การยกระดับสังคมในหลากหลายมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม รวมถึงด้านเยาวชน
“ทีบอร์ พานดิ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า Citi Global Community Day เป็นกิจกรรมที่ธนาคารซิตี้แบงก์จัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก โดยกิจกรรมปีนี้ในประเทศไทยมุ่งเน้นไปที่เรื่องการช่วยเหลือด้านโควิด-19
“การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบกับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขที่ถือเป็นด่านหน้า ที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างหนักในการดูแลรักษาผู้ป่วย และในฐานะที่เราทุกคนต่างเป็นหนึ่งสมาชิกของสังคม จึงมีหน้าที่ร่วมมือกันในการดูแลและหาทางออกของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”
หนุนภารกิจสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกันทั่วประเทศของประเทศไทยให้ลุล่วง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้บริจาคคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่า 2,306,096 บาท แก่ศูนย์วัคซีนโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สำหรับใช้ในการดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนภายในศูนย์ดังกล่าว ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
“นพ.ภาณุวัฒน์ ชุติวงศ์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศในการให้บริการการฉีดวัคซีน ทั้งในด้านการสื่อสารกับคนไข้โควิด-19 และผู้ป่วยด้วยโรคอื่น ๆ ด้านการลงทะเบียน และบันทึกข้อมูลของคนไข้ในระบบเพื่อติดตามอาการในภายหลัง
กระบวนการเหล่านี้ต้องมีการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการรักษาระยะห่าง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงใช้เผยแพร่ความรู้และประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการดูแลรักษาสุขภาพอนามัยของตนเองให้ปลอดภัยจากโรคนี้
“เมื่อบุคลากรทางการแพทย์มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยจากการสนับสนุนของทางเชฟรอน เหล่าบุคลากรทางการแพทย์จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การกระจายวัคซีนรวมถึงข้อมูลต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม”
ด้าน “อาทิตย์ กริชพิพรรธ” ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า เชฟรอนเดินหน้าสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับมือกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยการช่วยเหลือล่าสุดเรามองเห็นว่า บุคลากรทางการแพทย์มีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการให้บริการการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็ว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2563 เชฟรอนไม่เพียงมอบอุปกรณ์การแพทย์และสนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงานด้านสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น แต่ยังให้การสนับสนุนการสร้างสร้างศักยภาพในระยะยาวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น การสนับสนุนโครงการวิจัยการใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การสนับสนุนด้านองค์ความรู้ให้กับกรมควบคุมโรคในการพัฒนาและยกระดับการจัดการระบบข้อมูล ผ่านกระบวนการ design thinking หรือการคิดเชิงออกแบบ และการมอบคอมพิวเตอร์แบบพกพา 20 เครื่อง แก่สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินภารกิจฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น
หนุนงานวัคซีนกลุ่มบกพร่องทางปัญญา
ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา สถาบันราชานุกูลได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่กลุ่มบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มออทิสติก สมาธิสั้น และแอลดี ตลอดจนสมาชิกในครอบครัว ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ที่ทางสถาบันให้การดูแล
โดยสถาบันราชานุกูลเป็นองค์กรภายใต้การกำกับของกรมสุขภาพจิต เพื่อให้บริการโรงพยาบาลพิเศษเฉพาะทางแก่ผู้บกพร่องทางสติปัญญาแบบครบวงจร ตั้งแต่การตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา ส่งเสริมป้องกันและฟื้นฟูสมรรถภาพ พร้อมทั้งเป็นสถานที่ให้ความรู้ด้านภาวะปัญญาอ่อนแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุขทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด จึงร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของสถาบันราชานุกูล ด้วยการส่งมอบเสื้อสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่กลุ่มบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา กลุ่มออทิสติก สมาธิสั้น และแอลดี ตลอดจนสมาชิกครอบครัว
“ที่ผ่านมายูนิโคล่ทำงานร่วมกับสถาบันราชานุกูลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญา ด้วยการจัดทำหลักสูตรอบรมเพื่อพัฒนาทักษะด้านการทำงาน โดยตั้งศูนย์การศึกษาจำลองขึ้นที่สถาบันราชานุกูลเพื่อให้ผู้เข้าร่วมหลักสูตรได้เรียนรู้ตั้งแต่ทักษะพื้นฐานงานต่าง ๆ จากพนักงานอาสาของยูนิโคล่ รวมไปถึงเปิดโอกาสการจ้างงานเพื่อให้พวกเขาสามารถดูแลตัวเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างกลมกลืน
ส่ งกำลังใจไปยั งแพทย์
“ธนา ต่อสหะกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด ผู้ให้บริการอสังหาริ
“ในฐานะตัวกลางที่ทำงานกับลู
สำหรับแผนการดำเนินงานลำดับต่