โกลบอลคอมแพ็กฯ ระดมแนวคิดเอกชนไทย สู่แผนปฏิรูปอาหารยั่งยืนยูเอ็น

REUTERS/Kai Pfaffenbach

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ระดมแนวคิดเอกชนไทย ส่งไปร่วมเสนอในการประชุม Food Systems Summit 2564 สร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตอบโจทย์สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ

สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand-GCNT) ได้จัดเสวนาออนไลน์เรื่อง “บทบาทภาคเอกชนไทยในการส่งเสริมการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน” ภายใต้กรอบการประชุมสุดยอดด้านระบบอาหารของสหประชาชาติ (UN Food Systems Summit 2564) ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ ในวันพุธที่ 21 ก.ค. 2564

เพื่อส่งเสริมการยกระดับการจัดการระบบอาหารที่ยั่งยืน จากภาคธุรกิจเอกชนไทยสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบการประชุมสุดยอดด้านระบบอาหารของสหประชาชาติ โดยได้รับเกียรติจากนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกล่าวเปิดงาน

สำหรับการเสวนาครั้งนี้มีผู้แทนองค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยประกอบด้วย บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด และบริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (Action Tracks) ใน 5 สาขา ที่สหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้กำหนดขึ้น ได้แก่ Action Track 1 อิ่มถ้วนหน้า, Action Track 2 อิ่มดีมีสุข, Action Track 3, อิ่มรักษ์โลก, Action Track 4 อิ่มทั่วถึง และ Action Track 5 อิ่มทุกเมื่อ

โดยข้อสรุปจากเสวนาครั้งนี้จะรวบรวมเป็นข้อเสนอแนะไปสู่การประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (UN Food Systems Summit 2021) ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ เพื่อพัฒนาระบบอาหารโลกให้เกิดความแข็งแรงและยั่งยืน โดยในงานมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม กว่า 100 คน

“ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์” รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ประสานงาน UN Food System Summit National Convener กล่าวว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการเสนอแนวทางพัฒนาการจัดระบบอาหารโลกให้ยั่งยืน โดยข้อเสนอแนะจากงานเสวนานี้จะนำไปเชื่อมโยงกับข้อเสนอของผู้ที่มีบทบาท และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบการผลิตในแต่ละภาคส่วนของไทย เพื่อนำไปเป็นแนวทางและข้อเสนอจัดทำนโยบายแผนงานการปฏิรูประบบอาหารและการเกษตรอย่างมั่นคงในการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก UN Food Systems Summit 2564 ที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.ย. 2564 ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปี 2573

“สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบความมั่นคง และเป็นจุดเปลี่ยนทางด้านอาหารโลก ที่หลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นครัวของโลกจะต้องนำประสบการณ์การจัดการระบบอาหารของประเทศภายใต้นโยบาย 3S คือ safety, security และ sustainability ไปใช้ในภาคเกษตรและระบบอาหารให้มีความยั่งยืน”

“นอกจากนั้น ผู้ประกอบการทางด้านภาคเกษตรจะต้องปรับตัว นำเทคโนโลยีมาใช้ต่อกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเน้นไปสู่รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ โดยมุ่งเป้าหมายด้าน zero waste (ลดขยะให้เป็นศูนย์) เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน พร้อมกับการพัฒนาอาหารในอนาคต (future food) ที่จะต้องเน้นในเรื่องของการพัฒนาสมุนไพรไทย และการพัฒนาอาหารจากพืช รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการอาหารสัตว์ ซึ่งจะเป็นการจัดการทั้งระบบของอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน”

“นพปฏล เดชอุดม” ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ในฐานะเลขาธิการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจเอกชนได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้ดำเนินการตามแนวทางพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน (food systems sustainability) ภายใต้กรอบของสหประชาชาติ ที่มีความท้าทายในเรื่องการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนต่อประชากรทั้งโลก 9 พันล้านคนภายในปี 2573

“ความท้าทายตั้งแต่การผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการจำนวนมาก ตลอดจนการผลิตและจัดการอาหารให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้มากที่สุด ซึ่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา แม้โลกจะพัฒนาด้านความยั่งยืนดีขึ้นหลายด้านตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal : SDGs) โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้พัฒนาตามแนวทาง SDGs เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน และอยู่ในลำดับต้น ๆ ของเอเชีย”

“แต่การจะบรรลุสู่เป้าหมาย SDGs ในปี 2573 ไม่ใช่เรื่องง่าย และขณะนี้เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนต่าง ๆ ถดถอย อาทิ เป้าหมายที่ 2 ของ SDGs คือ No Hunger ที่ผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนประชากรโลกที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารเพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตามสหประชาชาติได้พยายามสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนที่เป็นระบบมากขึ้นผ่าน UN Food Systems Summit ที่กำลังจะมีการจัดประชุมเร็ว ๆ นี้ และเล็งเห็นว่าประเด็นการจัดการอาหารโลกที่ยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญระดับโลกเช่นเดียวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

“ดร.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์” ผู้อำนวยการสำนักการเกษตรต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงภาพรวมของกระบวนการ UN Food Systems Summit ว่า เป็นการประชุมที่เน้นให้ความสำคัญการร่วมมือของทุกภาคส่วนในการร่วมกันจัดการระบบอาหารโลกตลอดห่วงโซ่อุปทานให้เกิดความยั่งยืน

โดยเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กฯ เป็นกลุ่มภาคเอกชนที่มีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่กับความยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือและข้อเสนอแนะจากไทยสู่การประชุมระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้กรอบแนวทางการพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืนทั้ง 5 แนวทางที่จะเป็นแนวทางสร้างเครือข่ายความร่วมมือยกระดับการเติบโตของภาคเกษตร การจัดการระบบอาหารไทยสู่ระบบอาหารโลกให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มธุรกิจจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย “อินทิรา พฤกษ์รัตนนภา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักพัฒนาและประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมเสวนาใน Action Track 1 อิ่มถ้วนหน้า โดยกล่าวว่า เครือ ซี.พี.และ ซีพี ออลล์ให้ความสำคัญกับระบบอาหารที่ยั่งยืน ทำให้ประชากรเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อช่วยลดอัตราการป่วยจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามยังมีประชากรบางกลุ่มประสบปัญหาทุพโภชนาการ ซึ่งการสร้างสุขภาพและสุขภาวะประชากรที่ดีต่อประชาชนในแต่ละประเทศ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศนั้น ๆ ดังนั้น ไทยในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมธุรกิจอาหารและเกษตรในภูมิภาคนี้ จึงมีส่วนสำคัญที่จะผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้ประเทศพัฒนา ซึ่งนโยบายของเครือซี.พี.และซีพี ออลล์ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

“เราร่วมสร้างระบบอาหารโลกที่ยั่งยืนตั้งแต่การสร้างสรรค์สินค้าที่มีโภชนาการที่ดี เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย และสร้างความมั่นคงอาหารให้ประเทศไทย โดยนำนวัตกรรมที่ได้ศึกษามาต่อยอดสร้างอาหารที่ถูกหลักโภชนาการมีความปลอดภัยตลอดจนร่วมสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานด้วยการบริหารจัดการคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”

ด้านบริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และผู้นำตลาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยว ได้รับเชิญเป็นตัวแทนภาคเอกชนไทยเพื่อพูดถึง Action Track 4 อิ่มทั่วถึง “รตินันทน์ วงศ์วัชรานนท์” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรและพัฒนาความยั่งยืน บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยวาดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์การพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ส่งเสริมความยั่งยืนตั้งแต่กระบวนการปลูกจนถึงมือผู้บริโภค (Creating Innovation and Sustainability from Farm to Shelf) ภายใต้เสาหลัก F4

โดยคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานอาหาร ตั้งแต่ F1 : Farm การพัฒนาเกษตรกร F2 : Factory โรงงานสีเขียว ปราศจากขยะ (zero waste) และการพัฒนาชุมชน F3 : Family การพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวไทยวา และ F4 : Food การวิจัยอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค

“เราจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อน SDGs ทั้ง 17 ข้อให้บรรลุภายในปี 2573 และร่วมพัฒนาระบบอาหารไปสู่ความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อภาพตามหลักโภชณาการ ลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนตลอดห่วงโซ่อุปทานอาหาร”

“ศิรภัสสร สกุลวิวรรธน์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ได้ร่วมเสวนาใน Action Track 5 อิ่มทุกเมื่อ กล่าวว่า ซีพีเอฟได้ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารมาโดยตลอดตามแนวทางอาหารมั่นคง สังคมมั่นคง ดินน้ำป่าคงอยู่ โดยเฉพาะการสร้างแหล่งอาหารให้ชุมชนที่ดำเนินการมากว่า 30 ปี

“การสร้างองค์ความรู้ให้ชุมชนมีศักยภาพผลิตอาหารได้ด้วยตัวเอง มีประโยชน์อย่างยิ่งในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ นอกจากนี้ยังได้นำองค์ความรู้เข้าสู่ชุมชนเพื่อร่วมพัฒนาระบบอาหารยั่งยืนผ่านหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน โครงการอิ่มสุขปลูกอนาคต โดยสร้างองค์ความรู้ให้เยาวชนได้เข้าใจการผลิตอาหารที่ถูกโภชนาการได้ด้วยตัวเอง และร่วมรักษาเสถียรภาพความมั่นคงในระบบห่วงโซ่อุปทาน แบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกับเกษตรกรรายย่อยโดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติตลอดจนดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ”