ไทย – กัมพูชา กระชับความร่วมมือ จ้างแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย ขับเคลื่อนภาคการผลิตส่งออก เตรียมทำเอ็มโอยูพิเศษ นำเข้าแรงงาน ซึ่งแรงงานที่เข้ามาต้องฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง
วันที่ 20 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายซก ซกกรดทะยา (Dr.Sok Sokrethya) ที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จอัครมาหเสนาบดี เดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
พร้อมด้วย รศ.สังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา และคณะ เข้าพบ รมว.แรงงาน เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือการดูแลแรงงานกัมพูชาในไทย และการส่งเสริมให้มีการจ้างแรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่ม โดยมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน
นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้รับความช่วยเหลือจากแรงงานกัมพูชาในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานที่มาช่วยเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรตามแนวชายแดน ที่ผ่านมารัฐบาลไทย โดยท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจส่งออก ก่อสร้าง สิ่งทอ อาหารแช่แข็ง
“กระทรวงแรงงานได้จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งการนำคนต่างด้าวผิดกฎหมายมาทำให้ถูกต้อง โดยการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล ตรวจสุขภาพและออกใบอนุญาตทำงาน การแก้ไขปัญหาผิดนายจ้างและนำเข้าสู่ระบบประกันสังคม การตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุกในสถานประกอบการ การรักษาโควิดแก่ผู้ติดเชื้อ การตรวจเชิงรุก การฉีดวัคซีน และมอบข้าวกล่องแคมป์คนงานตามโครงการปันน้ำในจากร้านค้าสู่แรงงาน”
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานยังเตรียมทดลองทดสอบทำเอ็มโอยู (MOU) พิเศษในการนำเข้าแรงงานในกิจการบางประเภท ซึ่งแรงงานที่เข้ามาจะต้องผ่านการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง และกักตัวแล้ว เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แรงงานและให้คนงานสามารถปฏิบัติงานได้ มีรายได้ มีความมั่นคงในชีวิต รวมทั้งเป็นการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจต่อประชาชนทั่วไปอีกด้วย