ดีมานด์แรงงานไทย ไปอิสราเอลพุ่ง เกษตร-ร้านอาหาร รายได้ครึ่งแสน

กระทรวงแรงงงาน ส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลต่อเนื่องใน 4 อุตสาหกรรม นายจ้างมีความต้องการเพิ่มอีกพันคน รับรายได้กว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือน

วันที่ 25 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแรงงานไทยจำนวน 142 คน ที่กำลังจะเดินทางไปทำงานในภาคเกษตรที่ประเทศอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

นายสุชาติกล่าวว่า การไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างมาก เพราะมีรายได้ดี ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กระทรวงแรงงานประสานงานกับอิสราเอล เจรจาเชิงการทูต เพื่อจัดสรรโควตาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันนายจ้างอิสราเอลก็มีความต้องการจ้างแรงงานไทยเพิ่มจากโควตาเดิมด้วย โดยยังต้องการแรงงานไทยเข้าไปทำงานอีก 1,000 คน

“ท่านนายกฯกำชับเรื่องความปลอดภัยของแรงงานอย่างมาก เพราะเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วในอิสราเอลมีเหตุการสู้รบภายในประเทศทางตอนเหนือ แต่ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งเราส่งแรงงานของเราไปทางตอนใต้ จึงไม่ได้รับผลกระทบ และแรงงานเองก็ไม่มีความกังวลใจ เพราะหลายคนรับข่าวสร้างจากเพื่อนที่อยู่ที่อิสราเอลต่อเนื่อง”

“ทั้งนี้ แรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศเปรียบเป็นฮีโร่ เพราะเป็นส่วนที่นำรายได้เข้าเมืองไทยจำนวนมาก และถึงแม้เรามีอีกฝั่งที่เป็นการนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน คือ เมียนมา กัมพูชา และลาว แต่เมื่อเทียบกับการส่งออกแรงงานไทยที่ถึงแม้จำนวนน้อยกว่าแรงงานนำเข้า แต่ว่าสร้างเม็ดเงินเข้าได้มากกว่า”

นายสุชาติกล่าวด้วยว่า การไปทำงานต่างประเทศไม่เพียงได้ประโยชน์ทางด้านรายได้ แต่แรงงานสามารถเพิ่มพูนความรู้ และนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจหรือการเกษตรของตนเองในประเทศไทย เป็นต้นทุนประกอบอาชีพในอนาคต

“กระทรวงแรงงาน โดยกรมจัดหางานก็พยายามจะขยายตลาดการส่งออกแรงงานมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากอิสราเอล เรามีส่งแรงงานไปประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน สวีเดน และฟินแลนด์อย่างต่อเนื่อง”

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า วันนี้มีแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล จำนวน 142 คน โดยแรงงานเหล่านี้จะเดินทางด้วยเที่ยวบินของสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 088 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทยเวลา 23.55 น. และมีกำหนดถึงปลายทางกรุงเทลอาวีฟ เวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

“คนงานเหล่านี้จะต้องกักตัว 14 วัน เมื่อครบกำหนดจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ตามมาตรการรัฐอิสราเอล ในแต่ละปีประเทศไทยได้รับโควตาในการจัดส่งปีละ 5,000 คน สำหรับปีงบประมาณนี้มีการจัดส่งไปแล้วจำนวน 5,440 คน ไม่นับรวมที่เดินทางวันนี้ 142 คน และวันที่ 30 สิงหาคมนี้อีก 200 คน ซึ่งถือว่าจัดส่งได้มากกว่าเป้าหมาย เป็นไปตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอิสราเอล”

มีระยะเวลาการจ้างงานครั้งแรก 2 ปี และสามารถทำงานได้ไม่เกิน 5 ปี 3 เดือน ขึ้นอยู่กับการต่ออายุใบอนุญาตการจ้างแรงงานต่างชาติของนายจ้างและวีซ่าการทำงานตามกฎหมายรัฐอิสราเอล โดยแรงงานไทยจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,300 เชเกลอิสราเอล หรือประมาณ 54,590 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น)

ปัจจุบันรัฐบาลอิสราเอลมีนโยบายลดการนำเข้าแรงงานต่างชาติ เนื่องจากอัตราการว่างงานในประเทศสูง จึงอนุญาตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยกำหนดประเภทงานที่อนุญาตให้แรงงานต่างชาติสามารถทำได้ 4 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคเกษตรกรรม ภาคบริการร้านอาหาร/ภัตตาคาร ภาคการดูแลคนชรา/คนพิการ และภาคก่อสร้าง

ซึ่งมีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลทั้งสิ้น 25,000 คน โดยนายจ้างอิสราเอลยังมีความต้องการจ้างแรงงานไทยเพิ่มจากโควตาปี 2564 อีก 1,000 คน ส่วนหนึ่งเพราะแรงงานไทยมีฝีมือและมีความสื่อสัตย์จนเป็นที่ต้องการของนายจ้าง

นายไพโรจน์อธิบายต่อว่า กระบวนการจัดส่งของกรมการจัดหางาน มีการคัดเลือกที่โปร่งใสตั้งแต่การรับสมัคร การสัมภาษณ์ การทำสัญญาจ้างงาน และการตรวจสอบข้อมูลจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเดินทางแรงงานไทยทั้งหมดจะได้รับการอบรมเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในประเทศและการปฏิบัติตัว วิธีเดินทางออกและกลับเข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมาย สัญญาจัดหางาน สัญญาจ้างงาน ช่องทางการติดต่อขอความช่วยเหลือหน่วยงานราชการไทยในต่างประเทศ และสิทธิประโยชน์กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ

“ผู้สนใจเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลสามารถติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว