JobsDB เผยผลสำรวจที่มีข้อมูลเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการทำงานต่างประเทศ และอันดับประเทศที่คนนิยมมากที่สุด
วันที่ 15 กันยายน 2564 คนไทยหลายคนมองหาโอกาสการทำงานในต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเทศที่เจริญกว่าทั้งด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และประเทศมีค่าตอบแทนที่มากกว่า แต่การย้ายไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางมากมาย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ JobsDB ได้นำผลการสำรวจของ Global Talent Survey (GTS) ปี 2020 มาเผยแพร่พบว่า คนไทยมีความต้องการไปทำงานต่างประเทศมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศในแถบเอเชียอื่น ๆ โดยตั้งแต่ปี 2014 คนไทยต้องการไปทำงานต่างประเทศอยู่ที่ 95% แต่ในปี 2020 ตกมาอยู่ที่ 46% โดย 3 กลุ่มอาชีพที่มีความต้องการไปทำงานต่างประเทศมากที่สุด ได้แก่ งานด้าน social care งานด้านสื่อและข้อมูล และงานด้านศิลปะและครีเอทีฟ ตามลำดับ
ทั้งนี้ ย้อนไปดูงานศึกษาวิจัยประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการไปทำงานต่างประเทศในปี 2018 ที่ JobsDB ทำร่วมกับ Boston Consulting Group and The Network และ Jobsteet.com (ซึ่งสำรวจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) พบว่ามีอันดับดังนี้
- สหรัฐอเมริกา (รั้งประเทศที่คนอยากไปทำงานมากที่สุดมาตั้งแต่ปี 2014)
- เยอรมัน
- แคนาดา
- ออสเตรเลีย
- สหราชอาณาจักร
- สเปน
- ฝรั่งเศส
- สวิตเซอร์แลนด์
- อิตาลี
- สวีเดน
อย่างไรก็ตาม เทรนด์การทำงานแบบที่ไหนก็ได้ (remote work), การทำงานจากบ้าน (work from home), การทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วย (workation) และการทำงานเสมือนอยู่ในที่ทำงาน (virtual work) ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของคนทำงาน (world of workforce) และเพิ่มโอกาสให้คนได้ทำงานกับองค์กรในต่างประเทศจากทางไกลผ่านเทคโนโลยีได้ โดยที่ข้อจำกัดในยุคโควิด-19 ไม่เป็นอุปสรรค
JobsDB ได้พูดถึงผลการวิจัย COVID Customer Mindset and Needs Barometer ของบริษัทรี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่นส์ ที่ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนทั่วโลกต้องหันมาใช้ดิจิทัลมากถึง 84% ขณะที่ใช้เพื่อการทำงานเป็นหลัก โดยเฉพาะเพื่อการประชุมออนไลน์ 62% ใช้เรียนออนไลน์ 41% ทำให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี
ซึ่ง JobsDB ได้จัดอันดับอาชีพ virtual มาแรง ที่สามารถใช้เป็นข้อมูลหางานทำกับบริษัทในต่างประเทศได้ ดังนี้
- อาชีพ virtual assistant ผู้ช่วยเสมือน ส่วนใหญ่จะเป็นงานประเภทฟรีแลนซ์ แต่ทำหน้าที่เหมือนพนักงานประจำทั่วไป หน้าที่หลักคือ คอยเช็กและตอบอีเมล ทำนัดหมายต่าง ๆ กรอกข้อมูล ตอบข้อสงสัยในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
- อาชีพ website tester นักทดสอบเว็บไซต์ เป็นอาชีพที่เหมาะมากกับคนที่ชื่นชอบการท่องเว็บ สามารถอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เป็นเวลานาน ๆ โดยจะต้องทำหน้าที่ทดสอบการใช้งาน เว็บไซต์ที่องค์กรพัฒนาขึ้นมา ว่าใช้งานได้ง่าย มีปัญหาตรงส่วนใดบ้าง
- อาชีพ virtual tutor ติวเตอร์เสมือน อาชีพนี้ต้องมีทักษะความสามารถและความชำนาญในวิชาที่จะให้ความรู้ และไม่จำเป็นต้องเป็นการเรียนด้านวิชาการเสมอไป เช่น วิชาภาษาอังกฤษ หรือคณิตศาสตร์ แต่อาจเป็นความชำนาญด้านวิชาชีพ เช่น สอนเย็บปักถักร้อย
ในขณะที่ 10 ประเทศที่คนไทยอยากทำงานด้วยแบบ virtual มากที่สุดมีดังนี้
- อันดับ 1 ญี่ปุ่น
- อันดับ 2 ออสเตรเลีย
- อันดับ 3 สิงคโปร์
- อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา
- อันดับ 5 สหราชอาณาจักร
- อันดับ 6 ไต้หวัน
- อันดับ 7 แคนาดา
- อันดับ 8 สวิตเซอร์แลนด์
- อันดับ 9 จีน
- อันดับ 10 เกาหลีใต้
JobsDB ระบุว่า ประเทศที่คนไทยอยากทำงานด้วยอยู่ในแถบเอเชียครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นจากทวีปต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการด้านสวัสดิการแรงงาน และค่าตอบแทนของเอเชีย ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฝั่งยุโรปและอเมริกา หากอยากทราบข้อมูลแบบละเอียด
การทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลกหรือระดับนานาชาติ ที่มีคนทำงานมาจากหลายประเทศอาจทำมีหลายเรื่องที่น่ากังวล ทั้งวัฒนธรรม ภาษา และวิถีชีวิต แต่อย่างไรก็ตามมีข้อดีมากมาย โดย JobsDB ได้สรุปไว้ดังนี้
- เป็นโอกาสในการพัฒนาฝีมือการทำงาน เพราะได้ทำงานร่วมกับคนที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั้งเรื่องของทักษะ ความสามารถทางภาษา และความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ฉะนั้นหากได้รับโอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศก็ยิ่งเป็นประวัติการทำงานที่ดีที่จะนำมาประดับไว้บนแฟ้มสะสมผลงาน (portfolio) ของเราได้
- โอกาสเติบโตในสายงาน การทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลกนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นประวัติการทำงานที่มาประดับบนแฟ้มสะสมผลงานของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ส่งเสริมให้เราได้รับโอกาสในการเติบโตในสายงานที่ทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอยู่ที่ต่างประเทศหรือการกลับมาทำบริษัทในไทย ไม่ว่าจะทางไหนก็เป็นเส้นทางที่คุ้มค่าแก่การทำงานทั้งนั้น
- ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่มากกว่าบริษัทในไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ได้รับจากนายจ้างเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในการไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบกว่าการทำงานในประเทศไทยค่อนข้างมาก ไม่เพียงแค่เงินเดือนเท่านั้น แต่ยังมีในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และการคุ้มครองระยะเวลาการทำงานที่มากกว่า ในบางที่อาจมีโควตาสำหรับผู้ติดตามอย่างสามี ภรรยา และลูก ๆ ให้ติดตามไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันขณะทำงานที่ต่างประเทศได้อีกด้วย
- ได้เรียนรู้ระบบงานและวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทต่างชาติ ถือเป็นโอกาสอันดีที่สำหรับการได้ร่วมงานกับบริษัทระดับโลก เพราะระบบการทำงานรวมไปถึงวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพงานที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองในการทำงาน การวางแผน และการมองโลกในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเสียจนยากจะตามทัน ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรและระบบการทำงานนี้ส่วนใหญ่จะแตกต่างกันไปตามประเทศที่ตั้ง หรือตามนโยบายของสำนักงานใหญ่ที่กำหนดมา