“คนไทยไม่ทิ้งกัน” 7-11 มอบเครื่องตรวจโควิดให้ รพ.รามาฯ

มอบเครื่องตรวจโควิดให้ รพ.รามาฯ

นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ภาคธุรกิจให้ความสำคัญ และสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อช่วยแก้ปัญหาโควิด-19 ให้กับประชาชน ซึ่งเหมือนกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่นำโดยผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น และเซเว่นดีลิเวอรี่ ที่อยู่เคียงข้างสังคมไทยในทุกวิกฤต ทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภารกิจของบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงทำการมอบเครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 ด้วยตัวอย่างน้ำลายจากประเทศญี่ปุ่น ให้กับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชน

เบื้องต้น “สุวิทย์ กิ่งแก้ว” ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า ตั้งแต่โควิด-19 ระบาดในประเทศไทย บริษัทดำเนินโครงการ “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ร่วมสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตลอดจนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ ในการป้องกันการแพร่ระบาด และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ รวมทั้งบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ

“ซึ่งการร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดียิ่งในการเดินตามค่านิยม 3 ประโยชน์ ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร ที่สำคัญ ปณิธานร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสคือสิ่งที่เรายึดมั่นเสมอมา

ในห้วงเวลาที่สังคมไทยได้รับความเดือดร้อน เราจึงอยากให้ความช่วยเหลือ ด้วยการให้บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ในกลุ่มซีพี ออลล์ ประสานความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการจัดหาเครื่องตรวจเชื้อโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพสูง”

มอบเครื่องตรวจโควิดให้ รพ.รามาฯ

“ผลตรงนี้จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกัน และส่งมอบโอกาสการเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ โอกาสได้รับการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพแก่พี่น้องประชาชน อันจะเป็นโอกาสในการลดอัตราการแพร่ระบาด ทั้งยังเป็นโอกาสที่จะให้สังคมไทยผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก และกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง”

ขณะที่ “ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา” คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า การตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ถือเป็นหนึ่งในหน้าที่อันสำคัญที่ทางคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการตรวจคัดกรองให้แก่ประชาชน

และด้วยการนำเทคนิควิธีในการตรวจหาเชื้อมาใช้ ทั้งเทคนิควิธี RT-PCR ที่ใช้จากการนำสารคัดหลั่งจากการตรวจทาง Nasopharyngeal Swab และการตรวจทางน้ำลาย ซึ่งเป็นวิธีการที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คิดค้นและพัฒนารูปแบบเทคนิคการตรวจมาอย่างต่อเนื่อง

“การมอบเครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 ด้วยตัวอย่างน้ำลาย จากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จะช่วยสร้างประโยชน์ในวงกว้างแก่ประชาชน เพื่อช่วยคัดกรองการได้รับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงที โดยใช้เวลาในการตรวจตัวอย่างน้ำลายที่จัดเก็บไว้เพียง 35 นาที จากเทคนิคที่มีความไว 98% และความจำเพาะ 100% ก็นับว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการคัดกรองอย่างแท้จริง”

สำหรับเครื่องตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 แบบอัตโนมัติ Lumipulse G1200 เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้มีในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย จุดเด่นคือสามารถทำการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างในแต่ละรอบมากถึง 120 ตัวอย่าง โดยใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ทั้งยังสามารถตรวจวิเคราะห์แอนติเจนต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 โดยใช้ตัวอย่างจากโพรงจมูก และตัวอย่างน้ำลาย

ซึ่งสามารถทำการเก็บตัวอย่างน้ำลายได้ด้วยตนเอง อันเป็นการลดความเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล จึงเหมาะกับการตรวจคัดกรองในพื้นที่เสี่ยงที่มีคนจำนวนมาก เช่น สถานประกอบการต่าง ๆ โรงงาน หรือโรงเรียน ตัวอย่างส่งตรวจสามารถเก็บรักษาได้ก่อนตรวจถึง 48 ชั่วโมง

ที่สำคัญ มีราคาที่เข้าถึงได้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทั่วไป เพราะตัวเครื่องนอกจากสามารถรายงานผลการติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 แล้ว ยังมีความสามารถในการแสดงถึงปริมาณเชื้อที่มีอยู่ในแต่ละบุคคลได้ด้วย และเมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับอาการทางคลินิกอื่น ๆ ของผู้ติดเชื้อ ก็จะช่วยให้แพทย์ผู้รักษาสามารถเลือกวิธีการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น