รายงานเผยอีก 13 ปี หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งาน 375 ล้านตำแหน่ง แนะเร่งพัฒนาทักษะใหม่รับงานในอนาคต

สถาบันแมคคินซีย์ โกลบอล ได้เปิดเผยรายงานเตือนคนทำงาน 375 ล้านคน ว่าจะต้องเปลี่ยนหมวดอาชีพภายในปี 2030 หรืออีก 13 ปีข้างหน้า เนื่องจากหุ่นยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่แทน

โดยงานที่เสี่ยงต่อการถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่มากที่สุด คืองานทางกายภาพที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดการณ์ได้ เช่น งานที่ปฏิบัติงานกับเครื่องจักร หรืองานเตรียมอาหาร นอกจากนี้จากการเก็บข้อมูลและประมวลผลพบว่าอาชีพอื่นๆ ที่อาจได้รับผลกระทบด้วย เช่น ผู้ช่วยทนายความ, นักบัญชี และผู้ดูแลระบบประมวลผลหลังบ้าน

และเพื่อให้ยังคงอยู่ได้ คนทำงานอาจจะต้องเข้าฝึกอบรมในสาขาที่แตกต่าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและบริษัทจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านที่ยากลำบากนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

“โมเดลเดิมที่ผู้คนใช้เวลา 20 ปีแรกของชีวิตเพื่อศึกษาเล่าเรียน จบมาทำงานต่ออีก 40-50 ปี คงจะใช้ต่อไปไม่ได้แล้ว” ซูซาน ลันด์ หุ้นส่วนของสถาบันแมคคินซีย์ โกลบอล และหนึ่งในผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ ระบุ และว่า เรากำลังก้าวไปสู่การที่ต้องคิดเกี่ยวการเรื่องการเรียนรู้และการฝึกอบรมอาชีพให้กับพนักงาน

ทั้งนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในระดับที่ไม่เห็นตั้งแต่ต้นยุค 1900s ที่แรงงานเปลี่ยนจากภาคเกษตรไปสู่ภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงความจำเป็นที่รัฐและเอกชนจะต้องออกมาตรการในระดับเดียวกับการใช้แผนการมาร์แชล หรือแผนการฟื้นฟูยุโรป ที่สหรัฐให้กู้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างยุโรปตะวันตกอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ซึ่งแผนการรองรับนี้ก็อาจจะรวมถึงการลงทุนขนาดใหญ่จากภาคเอกชนและภาครัฐ ในโครงการฝึกอบรมใหม่ๆ และโครงการเปลี่ยนแรงงาน

อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก แต่รายงานก็ระบุถึงแนวทางที่แรงงานจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ อย่างในยุค 1980s ที่มีการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและบอกว่าจะกำจัดงานบางอย่างออกไป แต่ก็สร้างตำแหน่งงานอีกหลายบทบาท คนที่ตั้งใจจะพัฒนาทักษะใหม่ก็จะสามารถหางานใหม่ได้

“แม้การคาดการณ์ว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่จะเป็นเรื่องน่าตกใจ แต่เชื่อว่าจะมีตำแหน่งงานเพียงพอสำหรับทุกคนแน่นอน” ลันด์กล่าว

ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวไม่ได้คาดการณ์ว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่งานเกี่ยวข้องกับการจัดการคน, การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หรืองานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ อาชีพตัดแต่งสวน, ช่างประปา, ผู้ดูแลเด็กหรือคนชรา ก็อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยที่หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่