“บริดจสโตน” ขับขี่ปลอดภัย นำร่องเพิ่มทักษะเยาวชน 4 จังหวัด

บรรยากาศของกิจกรรมสันทนาการภายในงาน

ตามรายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนนขององค์การอนามัยโลก (WHO-World Health Organization) อุบัติเหตุกว่าครึ่งคร่าชีวิตผู้คนบนท้องถนน ทั้งคนเดินเท้า นักปั่นจักรยาน และผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ดังนั้น บริษัท ไทยบริดจสโตน จํากัด ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จึงจัดทำโครงการ Bridgestone Global Road Safety ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัทบริดจสโตนทั่วโลกตามนโยบาย Our Way to Serve โดยนำร่องที่ไทยเป็นประเทศแรก

ทั้งนั้นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พร้อมส่งเสริมให้เป็นเยาวชนแชมเปี้ยนด้านความปลอดภัยบนท้องถนนของบริดจสโตน (Bridgestone Road Safety Youth Champions) เพื่อส่งต่อสังคมขับขี่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน ประกาศเปิดโครงการครั้งแรก ณ โรงเรียนกะทู้วิทยา จ.ภูเก็ต

“เคอิจิ ชูมะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวว่า นโยบาย Our Way to Serve มี 3 เสาหลัก คือ mobility (ยานยนต์), environment (สิ่งแวดล้อม) และ people (คน) เพื่อเสริมสร้างสังคมขับขี่ปลอดภัย ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของกลุ่มบริษัท

เคอิจิ ชูมะ
เคอิจิ ชูมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด

“สำหรับโครงการล่าสุด Bridgestone Global Road Safety เป็นการร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรเครือข่าย มูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน (Global Road Safety Partnership) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่ภายใต้สหพันธ์สภากาชาด และสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (International Federation of the Red Cross and Red Crescent Societies-IFRC) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างขีดความสามารถและการฝึกอบรมแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยทางถนน”

“ทั้งยังมีส่วนร่วมในการรณรงค์ และประสานงานโครงการความปลอดภัยทางถนนในระดับโลก เพื่อเป็นแหล่งความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนที่เป็นที่ยอมรับ”

“โครงการนี้จะมีประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากที่สุด เพราะจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ในปี 2558-2560 นับเป็นอันดับ 2 ของโลก และในปี 2561 ถูกปรับลดลงเป็นอันดับ 9 ของโลก”

“เคอิจิ ชูมะ” กล่าวต่อว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างต่อเนื่องยาวนาน และสมควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยการสนับสนุนกระบวนการจัดการการเรียนรู้ในสถานศึกษาในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อการสร้างจิตสำนึกในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และความสำคัญของการรักษากฎวินัยจราจรสู่เด็กและเยาวชน

“เราจึงมุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่ขับขี่จักรยานยนต์เป็นประจำ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ อิงผลจากงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมในแต่ละพื้นที่ พร้อมแนวทางปรับปรุงสภาพแวดล้อมรอบโรงเรียนให้ปลอดภัย”

“รวมทั้งประเมินพื้นที่รอบ ๆ เพื่อให้แนวทางปรับปรุงถนนรอบโรงเรียนให้มีความปลอดภัยแก่นักเรียน คุณครู ผู้ปกครองและผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่โดยรอบตามมาตรฐานของ International Road Assessment Programme (iRAP) หน่วยงานการกุศลที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศในกลุ่มยุโรป ที่กำหนดเกณฑ์นานาชาติเพื่อยกระดับถนนให้มีความปลอดภัยภายใต้เกณฑ์มาตรฐานที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถเข้าใจตรงกันทุกประเทศ”

“ผ่านมาโครงการนี้ประสบความสำเร็จเพราะความร่วมมือของภาคีในพื้นที่ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลเมือง โรงเรียน และพันธมิตรทางธุรกิจของบริดจสโตน เป็นต้น การดำเนินงานในครั้งแรกนี้มุ่งเป้าไปที่ 4 โรงเรียนในเมืองใหญ่ของแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ ภูเก็ต, นครสวรรค์, เชียงราย และขอนแก่น ทั้งยังตั้งเป้าดำเนินโครงการนี้ให้ได้ปีละ 4 โรงเรียนตลอดระยะเวลา 5 ปี”

“ธนารักษ์ กาญจนขันธกุล” ผู้จัดการฝ่ายสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคม บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด กล่าวถึงกิจกรรมในครั้งนี้ว่า โครงการ Bridgestone Global Road Safety ครั้งแรกนี้ มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่กันยายน 2564-เมษายน 2565 ซึ่งวัตถุประสงค์ และกิจกรรมหลัก ๆ ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ

ธนารักษ์ กาญจนขันธกุล
ธนารักษ์ กาญจนขันธกุล ผู้จัดการฝ่ายสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคม บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด

หนึ่ง school-base education การจัดแผนการเรียนรู้ และเพิ่มพูนทักษะตามหลักสูตรความปลอดภัยทางถนนที่ออกแบบให้สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อมด้านการจราจรในแต่ละพื้นที่โรงเรียน

สอง empowerment เพิ่มขีดความสามารถของเยาวชนที่เปี่ยมด้วยพลังและความกระตือรือร้นในฐานะผู้สนับสนุนความปลอดภัยทางถนนในชุมชนท้องถิ่นของตน สร้างเยาวชนแชมเปี้ยนด้านความปลอดภัยของบริดจสโตนรุ่นแรก เพื่อปลูกฝังภาวะผู้นำและความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนน

โดยจะคัดเลือกนักเรียน 2 คนจากโรงเรียนเป้าหมายแต่ละแห่ง รวม 8 คนเข้าร่วมหลักสูตรอบรมเร่งรัดเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนในกรุงเทพฯ

สาม road safety assessments (RSAs) การประเมินเขตความปลอดภัยของโรงเรียนในเชิงลึกโดยเครื่องมือและมาตรฐานของ iRAP และใช้หลักความรู้ด้านวิศวกรรมจราจรที่โรงเรียนเป้าหมาย เพื่อกำหนดการปรับปรุงที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยบนทางเท้าและการจราจรในละแวกใกล้โรงเรียนให้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการประเมินความปลอดภัยของถนนโดยใช้เครื่องมือการให้คะแนนระดับดาวสำหรับโรงเรียน (star rating for school-SR4S) ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกด้วย

โดยการประเมินระดับความปลอดภัยบนท้องถนนมีมาตรฐานระดับดาวคือ 0-5 ดาว ซึ่งจะพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ของถนน ประกอบกับสภาพของการจราจร โดยพิจารณาจากมิติของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ผู้ใช้จักรยาน และคนเดินเท้า โดยบริดจสโตนจะเลือก 1 โรงเรียนในทุกปี เพื่อทำการปรับปรุงพื้นที่บริเวณโดยรอบโรงเรียน ให้ได้มาตรฐาน 3 ดาวขึ้นไป

สี่ local engagement หลังจากการประเมินเขตความปลอดภัยแล้วจะมีการประสานงานกับภาคีในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานในโรงเรียนเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยการใช้ถนนในฐานะส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างยั่งยืน

“ธนารักษ์” กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน Road Assessment Programmes ถูกนำไปใช้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยหน่วยงานที่ให้ทุนสนับสนุนในการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน เช่น United Nations Road Safety Trust Fund หรือ World Bank ต่างให้ความสำคัญที่จะสนับสนุนก่อสร้างเส้นทางใหม่ หรือปรับปรุงเส้นทางเดิมให้มีค่า star rating ตั้งแต่ 3 ดาวขึ้นไป (3-star or better)

“มีหลายประเทศที่สามารถลดการชนทางถนนลงเหลือหนึ่งในสาม หรือหนึ่งในสี่ ระหว่างปี 2523 ถึงปี 2556 เช่น อังกฤษ, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, เดนมาร์ก ได้ใช้แนวคิดระบบที่ปลอดภัย หรือ safe system ซึ่งถือว่าร่างกายมนุษย์เปราะบางต่อแรงกระทบกระแทกจากการชน และมนุษย์มีความผิดพลาดได้เสมอ”

ดังนั้น ระบบ safe system จึงสร้างปัจจัยปลอดภัยที่เอื้อต่อคน รถ ถนน ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการจัดการให้เกิดความเร็วที่ปลอดภัยกับบริบทของพื้นที่ โดยมีมาตรการด้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งให้การศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย การมียานพาหนะปลอดภัย

ซึ่งปัจจุบันมีมาตรฐานที่เรียกว่า New Car Assessment Programme (NCAP) สำหรับด้านถนนปลอดภัย International Road Assessment Programme (iRAP) เป็นมาตรการสำคัญที่จะทำให้ถนนปลอดภัยมากขึ้น