รมว.สุชาติ นำทีมศึกษาระบบกองทุนสำนักงานประกันสังคมสิงคโปร์ ประชากรกว่า 80% มีบ้านเป็นของตนเอง จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาสิทธิประโยชน์นี้ให้กับผู้ประกันตนไทย
วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมประชุมเพื่อรับทราบสถานการณ์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการกองทุนของสำนักงานประกันสังคม ณ อาคาร Marina One ประเทศสิงคโปร์ พร้อมด้วยนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
นายสุชาติ กล่าวว่า จากการศึกษาระบบการลงทุนอสังหาริมทรัพย์และการบริหารจัดการกองทุนของสำนักงานประกันสังคมสิงคโปร์ พบว่า สาธารณรัฐสิงคโปร์มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกลาง หรือ Central Provident Fund (CPF) ซึ่งมีภารกิจและการดำเนินงานเหมือนกับกองทุนประกันสังคมของไทย
ทั้งนี้ CPF ถูกจัดอันดับให้เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ดีที่สุดในเอเชีย และลำดับ 7 ของโลก โดยดูแลสิทธิประโยชน์ให้กับคนทำงาน มีการเก็บเงินสมทบจากนายจ้าง และลูกจ้าง
อัตราขึ้นอยู่กับเงินเดือนและอายุของลูกจ้าง ที่ประมาณร้อยละ 37 ของเงินเดือน (นายจ้างร้อยละ 17 และลูกจ้างร้อยละ 20) และลดลงแบบขั้นบันไดเมื่ออายุเกิน 55 ปี โดยจะแบ่งสิทธิประโยชน์ เป็น 3 ส่วน คือ 1) บัญชีทั่วไป (ordinary account) วัตถุประสงค์เพื่อที่พักอาศัย การลงทุน และการศึกษา 2) บัญชีพิเศษ (special account) เพื่อการเกษียณอายุและการลงทุนหลังเกษียณ และ 3) รักษาพยาบาล (medisave account)
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานให้ความสนใจกับเรื่องการสนับสนุนให้ประชาชนมีที่พักอาศัย โดยประชากรของสิงคโปร์กว่าร้อยละ 80 มีบ้านเป็นของตนเอง กระทรวงแรงงานจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาสิทธิประโยชน์ในเรื่องนี้ให้กับผู้ประกันตน โดยศึกษาจากแนวทางของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งอนุญาตให้ใช้เงินบางส่วนในบัญชีประกันสังคมทั่วไป เพื่อใช้ในการซื้อที่พักอาศัย
รวมทั้งมีโครงการบ้านจากรัฐบาลที่ราคาไม่แพงให้สามารถเลือกซื้อได้ โดยกระทรวงแรงงานจะนำข้อมูลที่ได้ในครั้งนี้ไปศึกษาเพื่อปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนและคนทำงาน เป็นการสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายของคนทำงาน ที่ต้องผ่อนชำระค่างวด โดยไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และส่งต่อให้ทายาทได้