“ไทยออยล์” ยกระดับเกษตรกรใช้นวัตกรรม-จ้างเด็กจบใหม่เป็นนักพัฒนา

ไทยออยล์หนุนโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม (Smart Farming) ฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยเหลือชุมชนพร้อมจ้างงานนักศึกษาจบใหม่มาเป็นนักพัฒนาโครงการผ่านโครงการ Restart Thailand

วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทยออยล์ ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. สนับสนุนโครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม (Smart Farming) ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ โครงการปลูกผักสวนครัวและผักที่มีมูลค่าสูง ณ เรือนจำกลางชลบุรี ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

โครงการปลูกผักสวนครัว ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และโครงการศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบเพาะปลูกใบบัวบกอินทรีย์ อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยเหลือชุมชนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมจ้างงานนักศึกษาจบใหม่มาเป็นนักพัฒนาโครงการผ่านโครงการ Restart Thailand

นายวิโรจน์ มีนะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกำกับองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม (Smart Farming) เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 เน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตและการเพาะปลูก พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานไปสู่การผลิตสินค้าเกษตรวิถีใหม่

โดยโครงการในพื้นที่ อ.บางพระ จ.ชลบุรี มุ่งเน้นในการพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ ภายใต้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ โดยพัฒนาพื้นที่ให้มี 2 โรงเรือนภายใน และ 6 แปลงปลูกภายนอกโรงเรือน และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชประเภทผักสลัด

ส่วนโครงการที่เรือนจำกลาง ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีพื้นที่เพาะปลูก 5 โรงเรือน เน้นด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพ สร้างโอกาสให้กับผู้ต้องขัง ได้ฝึกทักษะฝึกอาชีพด้านการเกษตรเพื่อให้ผู้ต้องขังที่เป็นนักโทษชั้นดี ใกล้ได้รับการพ้นโทษออกไป สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพต่อได้

และโครงการที่ อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี และบริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) เป็นโรงเรือนแบบเปิด 1 หลัง 6 โต๊ะ เน้นให้การสนับสนุนเกษตรกรในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน ให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการผลผลิตได้อย่างมีคุณภาพ มีมาตรฐาน มีตลาดรองรับ และมีการบริหารจัดการได้อย่างยั่งยืน และอนาคตตั้งเป้าหมายให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมต่อไป

“ทั้ง 3 โครงการเน้นการนำความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและพลังงานของกลุ่มไทยออยล์มาช่วยเหลือและพัฒนาโครงการ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ครอบคลุมการออกแบบและการวิเคราะห์ปัจจัยทางการเกษตรตามบริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตได้อย่างมั่นคง มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและมีการบริหารจัดการกิจการได้อย่างยั่งยืน

รูปแบบในการดำเนินการจะเป็นการปลูกสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพร้อมเทคโนโลยี เช่น การใช้ระบบ IOT บริหารจัดการน้ำ ที่ประกอบด้วยเซ็นเซอร์รดน้ำอัตโนมัติ ตั้งเวลาเปิด-ปิดน้ำ วัดอุณหภูมิ วัดความชื้นในอากาศ วัดความชื้นในดิน บันทึกข้อมูลการเพาะปลูกของเกษตรกร และทำปุ๋ยสั่งตัด (tailor-made fertilizer) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังช่วยด้านการตลาดด้วยการจำหน่ายผลผลิตที่ได้ให้กับพนักงาน ผ่านการตลาดออนไลน์

ในอนาคตจะจัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้ทั้ง 3 พื้นที่ โดยเกษตรกรจะเป็นผู้สอนและเป็นโค้ช ถ่ายทอดให้กลุ่มต่อไปที่ต้องการทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเพื่ออาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ชุมชน ทั้งนี้ ยังได้สนับสนุนการจ้างงานผ่านโครงการ Restart Thailand โดยจ้างนักศึกษาจบใหม่มาเข้าเป็นนักพัฒนาโครงการด้วย”

ผศ.ดร.รัตนากร กฤษณชาญดี หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ (มทร.) ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า มทร.ได้สนับสนุนพื้นที่ 5 ไร่ ที่ ต.บางพระ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกับไทยออยล์ โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนไทยราชมงคลฟาร์มมิ่ง เป็นกลุ่มเกษตรกรหลักดูแลพื้นที่

“พืชเป้าหมายคือ ผักสลัดและผักสวนครัว อาทิ กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก เคล คะน้า ผักกาด กวางตุ้ง เป็นต้น ส่วนที่เรือนจำกลางมีพืชเป้าหมาย คือ ผักสลัด ผักสวนครัว เช่น เคล กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ค โขมเขียว โขมแดง ผักชี ต้นหอม โหระพาและเมล่อน โดย มทร.ทำหน้าให้องค์ความรู้ และเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเพาะปลูก ไปจนถึงวิธีการจัดเก็บผลผลิตเพื่อออกสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพ”

โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม (Smart Farming) จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ ไม่เฉพาะเกษตรกร ยังรวมไปถึงนักศึกษาจบใหม่ในโครงการ Restart Thailand สามารถสร้างรายได้ในช่วงวิกฤตของการแพร่ระบาดโควิด-19 อาจเริ่มจากกลุ่มเล็กก่อนแล้วขยายต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เฉพาะแค่ในพื้นที่ เกษตรกรที่อยู่นอกพื้นที่ที่สนใจเรื่องเกษตรอินทรีย์สามารถเข้าร่วม นับได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเหมาะสมในการทำการเกษตร สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเอง สร้างรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป