Win Win WAR ซีซั่น 4 เรียลลิตี้โชว์ หานักธุรกิจยั่งยืน ชิงทุน 2 ล้านบาท

Win Win WAR Thailand ซีซั่น 4 เรียลลิตี้โชว์เฟ้นหานักธุรกิจแบ่งปัน ที่สร้างรายได้และสร้างสังคมเติบโต พร้อมเปิดตัวรายการใหม่ Win Win WAR OTOP Junior

วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ศูนย์ C asean หนึ่งในบริษัทในเครือของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด  (มหาชน) ประกาศเฟ้นหาสุดยอดนักธุรกิจนักธุรกิจที่ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน (Social Enterprise) ผ่านรายการเรียลริตี้โชว์ Win Win WAR Thailand Season 4 ชูแนวคิด “ธุรกิจแบ่งปัน” และยึดหลักว่า ธุรกิจต้องโดดเด่นด้านสร้างรายได้ และสร้างการเติบโตให้กับสังคมในมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหาความหิวโหย หรือแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำทางสังคม เป็นต้น

โดยเปิดโอกาสให้คนไทยรุ่นใหม่ที่มีความฝันและความสามารถ สมัครเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งสุดยอดนักธุรกิจแบ่งปัน รับเงินรางวัล 2,000,000 บาท เพื่อนำไปสร้างธุรกิจแบ่งปันที่เติบโตไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน ในซีซั่นนี้ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับความรู้ คำแนะนำ จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มากความสามารถที่จะมาให้คำปรึกษากับผู้เข้าแข่งขันรอบด้าน

นอกจากนั้น ยังเปิดตัวรายการน้องใหม่ Win Win WAR OTOP Junior ที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักเรียนอายุระหว่าง 9-14 ปี ใช้ความรู้ในห้องเรียนผสมกับภูมิปัญญาและวัสดุท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ สร้างเป็นสินค้าและบริการที่เอื้อประโยชน์ให้กับสังคม ทีมชนะจะได้รับทุนการศึกษามูลค่ากว่า 450,000 บาท ทั้ง 2 รายการจะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 17:00 – 18:00 น. เริ่มวันแรก เสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2565 ช่อง อมรินทร์ทีวี 34HD

นางต้องใจ ธนะชานันท์ กรรมการผู้จัดการ C asean เจ้าของรายการและกรรมการในรายการ กล่าวว่า ที่มาของรายการ Win Win WAR Thailand ฟังเหมือนเป็นเกมที่ห้ำหั่นกันเพื่อหาผู้ชนะ แต่ว่าแท้จริงแล้ว มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่า โดย Win-Win คือ ชนะทั้งสองฝ่าย โดย Win ที่ 1 ธุรกิจมีกำไร และ Win ที่ 2 สังคมและสิ่งแวดล้อมได้ประโยชน์

“ส่วน WAR ไม่ได้มาจากคำภาษาอังกฤษที่แปลว่าสงคราม แต่มาจากตัวย่อของคำว่า W-A-R ที่ย่อมาจาก Willing ความมุ่งมั่นและอยากที่จะทำ Able ทักษะความสามารถที่มีพร้อมพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และ Ready ความพร้อมที่จะสร้างกำไรและเอื้อประโยชน์ให้กับสังคมหรือสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น WAR ยังเป็นการแบ่งรอบการทดสอบของรายการ เพื่อค้นหาสุดยอดนักธุรกิจแบ่งปัน

ตลอดระยะเวลา 4 ปี มียอดผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 4,000 ทีม สร้างโอกาสให้กับธุรกิจเพื่อสังคมมากกว่า 100 ธุรกิจ ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำประจำปี 2561 ได้รับรางวัลทีวีสีขาวประจำปี 2562 และซีซั่นล่าสุดมียอดผู้เข้าชมรวมกว่า 24 ล้านครั้ง

ด้านความสำเร็จหลังจบรายการ เราได้ทำงานและให้คำปรึกษากับทีมผู้เข้าแข่งขันในแต่ละซีซั่นต่อเนื่อง มีหลายโปรเจคที่สร้างอิมแพคด้านสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะถุงพลาสติกได้ปีละ 150 ตัน ด้านเศรษฐกิจ ลดต้นทุนการซื้อน้ำมันได้ 30% ต่อลิตรและเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน พร้อมขยายผลไปยังขยะอาหารที่มักจะมาพร้อมกับขยะพลาสติก ผลิตเป็นปุ๋ย ไบโอแก๊ส เรียกว่า win-win และอยู่ต่อได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ”

นางต้องใจกล่าวด้วยว่า ความพิเศษในปีนี้มีเปิดตัวรายการน้องใหม่ Win Win WAR OTOP Junior เปิดโอกาสให้น้อง ๆ นักเรียนที่มีอายุระหว่าง อายุ 9-14 ปี สมัครเข้าร่วมแข่งขันเพื่อเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ โดยใช้ความรู้ในห้องเรียนผสมกับภูมิปัญญาและวัสดุท้องถิ่นมาประยุกต์ สร้างเป็นสินค้าและบริการที่เอื้อประโยชน์ให้กับสังคม

“รายการดังกล่าวจุดประกายจากความสำเร็จของการประกวด OTOP Junior ที่ริเริ่มขึ้นจากความร่วมมือของกรมการพัฒนาชุมชนและไทยเบฟ เพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้เรื่องการทำมาค้าขาย เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทุกวัย ทุกภาคส่วน ตลอดจนบ่มเพาะ ความรู้ความเข้าใจ ทักษะของการทำมาค้าขาย การเป็นผู้ประกอบการ การเริ่มต้นและกลไกการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับเด็ก ๆ เพื่อให้ตื่นรู้และก้าวทันการดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน”

นายกิติกร เพ็ญโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Heliconia H Group ที่ปรึกษารายการ กล่าวถึงรูปแบบรายการว่า Win Win WAR Thailand ซีซั่นนี้จะเข้มข้นกว่าเดิม โดยรอบแรกเป็นรอบทดสอบความมุ่งมั่น ทุกทีมมีเวลาแค่ 3 นาที ในการนำเสนอรายละเอียดธุรกิจที่เอื้อประโยชน์กับสังคม ในระหว่างผู้เข้าแข่งขันนำเสนอคณะกรรมการ 100 คนในรายการสามารถกดปุ่มเพื่อลดเงินรางวัลได้คนละ 1 ครั้ง

“คณะกรรมการหลัก 4 ท่าน สามารถซักถามคำถามเข้มข้นกว่าเดิม และสามารถกดปุ่มเพิ่มจำนวนเงินรางวัล หรือลดเงินรางวัล และสำหรับ 10 ทีมสุดท้ายนำเสนอธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อสังคมในรูปแบบ full pitch โดยผู้ที่ได้รับรางวัลสุดยอดนักธุรกิจแบ่งปันรับเงินรางวัล 2 ล้านบาท

ส่วนรายการ Win Win WAR OTOP Junior จะเป็นลักษณะของการปรับรูปแบบให้เข้ากับกลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่เป็นคนรุ่นใหม่ น้อง ๆ อายุ 9-14 ปี โดยออกแบบให้รายการเป็นลักษณะการให้กำลังใจ แต่ละรอบการแข่งขันมีการคะแนน และคำแนะนำในการพัฒนา เพื่อให้รายการเปรียบเสมือนพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้แสดงศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ พรสวรรค์ และความสามารถในการนำเสนอสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ได้เต็มที่

ทีมใดที่สะสมคะแนนได้จำนวนสูงสุด 10 อันดับแรก จะได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ในรอบสุดท้ายจะเป็นการวัดความรู้ความสามารถในรูปแบบการตอบคำถาม เช่น การเงิน การตลาด โดยทีมชนะจะได้รับทุนการศึกษามูลค่ากว่า 450,000 บาทและโอกาสในการเข้าชมและศึกษานวัตกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ