ไทยร่วมประชุม ILO สวิตเซอร์แลนด์ กำหนดมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ

รมว.กระทรวงแรงงาน สุชาติ ชมกลิ่น ร่วมประชุมใหญ่ ILC สมัยที่ 110 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หารือด้านแรงงาน และกำหนดมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางเยือนนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน 2565 เพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Conference : ILC) สมัยที่ 110 พร้อมด้วยนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้แทนฝ่ายรัฐบาล รวมทั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง

การประชุมประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Conference : ILC) สมัยที่ 110 เป็นรูปแบบผสมผสาน (hybrid) ตามที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งองค์การ ตั้งแต่ พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) โดยในการประชุมในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีวาระเข้าพบ นายกาย ไรเดอร์ (Mr. Guy Ryder) ผู้อำนวยการใหญ่ไอแอลโอ เพื่อหารือข้อราชการด้านแรงงาน พร้อมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมใหญ่ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ด้วย

นายสุชาติกล่าวว่า สาระสำคัญของการประชุม ILC สมัยที่ 110 ในครั้งนี้ว่า การประชุมมีระเบียบวาระประจำ ได้แก่ การรายงานของผู้อำนวยการใหญ่ไอแอลโอ และรายงานของประธานคณะประศาสน์การ แผนงาน งบประมาณ และรายงานการอนุวัติการอนุสัญญาและข้อแนะ ระเบียบวาระจร ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานการฝึกงาน การอภิปรายหมุนเวียน เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์การจ้างงาน การอภิปรายทั่วไป งานที่มีคุณค่าและเศรษฐกิจสังคมสมานฉันท์ การบรรจุประเด็นสภาพการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดี
ในกรอบหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน และการแก้ไขประมวลข้อปฏิบัติของอนุสัญญา MLC

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถ้อยแถลงของผู้แทนไตรภาคี กิจกรรม World of Work Summit การรับรองมติที่ประชุมคณะกรรมการ และข้อสรุป รวมถึงการลงคะแนนเสียง โดยกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ จะนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย อนุสัญญา ข้อเสนอแนะ และพิธีสาร ปัจจุบันมีอนุสัญญาทั้งสิ้น 190 ฉบับ พิธีสาร 6 ฉบับ และข้อแนะ 206 ฉบับ

ทั้งนี้ นอกจากการประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILC) สมัยที่ 110 ในครั้งนี้แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ จะได้หารือข้อราชการด้านแรงงานกับเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เยี่ยมเยียนพบปะให้กำลังใจคนงานไทยที่ทำงานในสวิตเซอร์แลนด์
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือด้านแรงงาน เพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศอีกด้วย

นายสุชาติกล่าวด้วยว่า ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด Least Development Countries (LDC) ประสบกับความท้าทายในหลาย ๆ ด้าน ปัจจุบัน การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ยิ่งมีความยากลำบากมากขึ้น ประเทศไทยเป็นพันธมิตรและมีความร่วมมือกับประเทศอาเซียน รวมถึงภูมิภาคเอเชีย และแอฟริกา โดยเฉพาะด้านการประกันสังคม การพัฒนาทักษะอาชีพ และระบบมาตรฐานฝีมือแรงงาน

“ประเทศไทยขอสนับสนุนและแสดงความชื่นชมต่อความพยายามของนายกาย ไรเดอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ไอแอลโอ ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้ทุ่มเทในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นของ LDC และบรรจุลงในวาระสำคัญผลกระทบของโควิด-19 ทำให้เราต้องมีความยืดหยุ่น

ประเทศไทยในฐานะสมาชิกร่วมก่อตั้ง ILO มีพันธกิจในการส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม การจ้างงานอย่างมีผลิตภาพ และงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน และรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและยั่งยืน
ตัวอย่างการดำเนินการที่ดีของประเทศไทยในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้แก่ มาตรการร่วมกันระหว่างกระทรวงแรงงานและกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ในสถานที่ทำงาน โดยสามารถกระจายวัคซีนได้รวดเร็วขึ้น และเข้าถึงแรงงานทุกสัญชาติ เป็นผลให้แรงงานจำนวน 4 ล้านคนได้รับวัคซีนจากกระทรวงแรงงาน

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงมาตรการรักษาการจ้างงานสำหรับ SMEs สามารถที่จะสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กจำนวน 4 แสนแห่ง และรักษาการจ้างงานให้กับแรงงาน 5 ล้านคน รวมถึงสร้างงานใหม่อีกกว่า 6 หมื่นตำแหน่ง ที่สำคัญโครงการ Factory Sandbox ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับผลกระทบของโควิด-19

โดยสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและการสาธารณสุข ลูกจ้างในภาคการผลิตได้รับการคุ้มครองการจ้างงานและรายได้ ผ่านการตรวจ ฉีดวัคซีน และการแยกกักตัว โดยโครงการได้ให้การสนับสนุนสถานประกอบการ ป้องกันสุขภาพให้กับลูกจ้าง และทำให้ประเทศสามารถรักษาการจ้างงานได้มากกว่า 4 แสนตำแหน่ง และสร้างมูลค่าในการส่งออกสูงสุดในรอบ 30 ปี

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการฝึกงานที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการจ้างงานที่มีผลิตภาพและเต็มที่ ดังนั้นประเทศไทยจึงสนับสนุนการกำหนดมาตรฐานแรงงานใหม่ เรื่องการฝึกงาน

“ผมขอยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการร่วมมือกับ ILO และประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งไปสู่การฟื้นฟูหลังโควิด-19 โดยเราคาดหวังที่จะสร้างอนาคตที่มีการจ้างงานอย่างมีผลิตภาพ และงานที่มีคุณค่า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง” นายสุชาติกล่าวในท้ายสุด