กระทรวงแรงงานเปิด 3 แนวทาง แก้ปัญหาขาดแรงงาน รองรับฟื้นฟูประเทศ

โค้งสุดท้ายลงทะเบียนต่างด้าว

กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เชิญภาคเอกชนรับฟัง 3 แนวทางหลัก แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน รองรับการฟื้นฟูประเทศ

วันที่ 23 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศ วานนี้ (22 กรกฎาคม 2565) โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธาน เชิญภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบ

อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย มารับทราบแนวทางการแก้ไขข้อขัดข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน พร้อมเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการแรงงานในระยะต่อไป ณ ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน

นายไพโรจน์กล่าวว่า ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานได้เสนอมาตรการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานของภาคธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเปิดจดทะเบียนใหม่ การต่ออายุใบอนุญาตทำงาน การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างตาม MOU และการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน ตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560

โดยล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เสนอต่อ ครม.และมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ยังมีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้อง ให้สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งหากประสงค์จะทำงานต่อไป สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568

โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทย และประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ที่มีสถานะถูกต้อง ซึ่งได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แล้ว แต่ประสงค์ทำงานต่อไปอีก ก็สามารถอยู่และทำงานได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเริ่มดำเนินการหลังประกาศกระทรวงมหาดไทย และประกาศกระทรวงแรงงาน มีผลบังคับใช้แล้วเช่นกัน

อธิบดีกรมการจัดหางานให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ได้มีการชี้แจงการดำเนินการของกระทรวงแรงงาน เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน ตลอดระยะเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วย

1.ด้านการเปิดจดทะเบียนใหม่ ได้แก่

มติ ครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่เปิดโอกาสให้ขึ้นทะเบียนกลุ่มแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีสถานะไม่ถูกต้อง ที่ประสงค์จะทำงานและมีนายจ้าง สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

และเมื่อได้รับอนุญาตทำงานและตรวจลงตราถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แล้ว หากประสงค์จะทำงานต่อไป สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยขออนุญาตให้อยู่และทำงาน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ปี ครั้งที่ 1 ไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ 2567 ครั้งที่ 2 ไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทย และประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง

มติ ครม.เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 และมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยจะอยู่ และทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งจะไปสอดรับกับมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565

2.ด้านการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ได้แก่

มติ ครม.เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่เห็นชอบให้แรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ที่มีสถานะถูกต้องที่ประสงค์จะทำงานต่อไป ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มคนต่างด้าวตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 มติครม.เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 มติ ครม.เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 จำนวนประมาณ 1,690,000 คน ให้อยู่และทำงานได้ไม่เกิน 13 กุมภาพันธ์ 2568 โดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด

นอกจากนี้ยังมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 และมติ ครม.เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ที่มีการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ให้อยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

3.การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างตาม MOU และการนำเข้าแรงงานตามมาตรา 64 (ทำงานแบบไป-กลับ) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 และมีการปรับลดมาตรการมาอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ ตามคำสั่งของ ศบค.