ซอฟต์พาวเวอร์ ขนมไทย 35 ร้านโชว์เมนูรับนักท่องเที่ยวภูเก็ต

ขนมไทย

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดกิจกรรม Dessert Hopping ที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แคมเปญ Thai Dishcovery Season 2 อันเป็นการต่อยอดจากกิจกรรม New Thai Dish for New Gen (อาหารไทยที่ออกแบบเพื่อคนรุ่นใหม่) ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา

โดยนำเสนอเมนูอาหารไทยตำรับโบราณที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่จาก 28 ร้านทั่วไทย เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักอาหารไทยโบราณมากขึ้น

สำหรับปีนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเล็งเห็นว่า นอกจากอาหารแล้ว ขนมหวานเป็นหนึ่งในเมนูที่คนไทยขาดไม่ได้ จึงร่วมกับ 35 ร้านทั่วประเทศนำเสนอเมนูขนมไทยรูปแบบใหม่เพื่อให้คนรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากปัจจุบันความนิยมของขนมไทยลดน้อยลงเพราะคนไทยมีทางเลือกในการบริโภคเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สายการบินไทยสมายล์ แอร์เวย์, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, เดอะ แบล็ค ไทฯ ธุรกิจรถบริการ และอีกหลาย ๆ พันธมิตรมาช่วยกันโปรโมตกิจกรรมผ่านหลากหลายช่องทาง

“เนตรนภางค์ ธีระวาส” ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริการลูกค้า สายการบินไทยสมายล์ แอร์เวย์ กล่าวว่า ดิฉันเชื่อว่าหนึ่งในความสุขของการท่องเที่ยว นอกจากไปสัมผัสความสวยงามของสถานที่แล้ว เรื่องของอาหารการกินก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะขนมไทยซึ่งมีหลากหลายมาก ทุก ๆ เมนูล้วนมีเอกลักษณ์ มีความสวยงาม และมีความประณีตอยู่ในตัว อีกทั้งแต่ละท้องถิ่นจะมีรสชาติแตกต่างกันออกไป แม้กระทั่งเมนูเดียวกันยังให้รสชาติต่างกัน

 

“ดิฉันเชื่อว่าขนมไทยจะเป็นส่วนหนึ่งมาช่วยเติมสีสันการเดินทางของนักท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ ในส่วนของสายการบินไทยสมายล์ แอร์เวย์ เราจะช่วยโปรโมตโครงการและพร้อมที่จะให้บริการนักท่องเที่ยวทุกคนได้ออกเดินทางไปสัมผัสเมนูขนมไทยทั่วประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่, กระบี่ หรือภูเก็ต โดยมีโปรโมชั่นส่วนลด The World of Smile Awaits ให้แก่สมาชิกของไทยสมายล์ แอร์เวย์ โดยสมาชิกจะได้รับส่วนลดการเดินทางมากถึง 15% ด้วย”

“วีระชัย ปรานวีระไพบูลย์” ประธานบริหาร Foto Hotel Phuket กล่าวว่า ขนมไทยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่วิจิตรบรรจงสร้างสรรค์รสชาติความอร่อยจากวัตถุดิบธรรมชาติมาปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอม และสีสันน่ารับประทาน แต่ด้วยกรรมวิธีที่ละเอียดซับซ้อน และวัฒนธรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้กระแสความนิยมขนมไทยในกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นลดน้อยลง

ตรงนี้จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่งว่าจะทำอย่างไรให้ขนมไทยซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติยังคงอยู่ และได้รับความนิยมต่อไปในทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น โครงการนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราจะทำให้ความนิยมของขนมไทยนั้นยังอยู่

“ถ้าหากพูดถึงขนมไทย หลาย ๆ คนคงนึกถึงแต่ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองเป็นอย่างแรก แต่สำหรับภูเก็ตเรามีขนมท้องถิ่นหลายชนิดมาก อย่างเช่น อาโป๊ง, บีโกหมอย, โอ้เอ๋ว ซึ่งฟังแค่ชื่อก็รู้สึกแปลกแล้ว แต่ทุกชนิดล้วนแต่มีเรื่องเล่า มีที่มาน่าสนใจ ซึ่งในฐานะเจ้าบ้านมองว่าการที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเล็งเห็นมิติอันหลากหลายทางวัฒนธรรมของขนมไทยที่จังหวัดภูเก็ต

ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสร้างให้เกิดซอฟต์พาวเวอร์ใหม่ เพราะแขกของโรงแรมส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ เราจึงพร้อมจะนำโครงการดี ๆ นี้ไปประชาสัมพันธ์ และแนะนำให้กับแขกที่เข้ามาพักในโรงแรม”

“กนกพรรณ ปรานวีระไพบูลย์” เจ้าของร้าน Good For Rest ภูเก็ต กล่าวเสริมว่า Good For Rest เริ่มต้นจากการเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีขนมเพียงไม่กี่อย่างประกอบด้วย เมนูกาแฟ น้ำหวาน ขนมหวาน เหมือนกับคาเฟ่ทั่ว ๆ ไป แต่ละปีเรามีการสรรหาเมนูใหม่ ๆ อยู่เสมอ

จนกระทั่งได้ออกแบบเมนูขนมเค้กผสมกับขนมไทยอย่าง “เค้กบีโกหมอย” กับ “เค้กกล้วยไข่เชื่อม” โดยเค้กบีโกหมอยคือข้าวเหนียวดำต้มใส่น้ำตาลทรายราดกะทิมาเป็นส่วนผสม ขณะที่เค้กกล้วยไข่เชื่อมก็เอาขนมกล้วยไข่ที่ต้มกับน้ำเชื่อมมาผสมกับเค้ก

“ทั้งสองเมนูขนมหวานที่เรานำมาออกแบบใหม่ เราไปรับซื้อจากชาวบ้านที่เขาทำขายอยู่แล้วมาเป็นส่วนผสมในเมนูเค้กของเรา เหตุผลที่ต้องรับซื้อมาเพราะอยากให้ได้รสชาติจากฝีมือคนท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย

เพราะคอนเซ็ปต์ของเราคืออยากให้เป็นร้านขนมหวานละแวกบ้าน คือทำมาจากฝีมือชาวบ้านที่เป็นคนภูเก็ตโดยแท้ เมื่อรับซื้อจากชาวบ้านมาก็นำมาครีเอตใหม่ แบ่งชั้นเลเยอร์เค้ก ออกแบบให้สวยงาม พร้อมกับปรับรสชาติให้หวานน้อยลง”

เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ไม่นิยมอาหารหรือขนมที่มีรสหวานมาก และส่วนตัวคิดว่าขนมหวานไม่จำเป็นต้องมีรสชาติหวานมากเสมอไป ซึ่งผลลัพธ์จากการนำมาวางจำหน่าย ปรากฏว่าได้รับความนิยมระดับหนึ่ง เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างขนมสมัยใหม่กับขนมโบราณ รสชาติจึงไม่แปลกมากสำหรับผู้ที่ไม่เคยกิน

“ปภัสรินทร์ ภัทรเมธีเศรษฐ์” เจ้าของร้านเปรม ภูเก็ต กล่าวว่า ร้านเราเป็นร้านเปิดใหม่ตั้งอยู่บนถนนย่านเมืองเก่า เป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยคอนเซ็ปต์ของเปรมคือต้องการนำเสนอขนมไทยประยุกต์ที่มีหน้าตาทันสมัย ซึ่งมีมากกว่า 60 ชนิด เช่น ขนมช่อม่วง, ช่อมะลิ, ขนมดาราทอง ฯลฯ

มะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

“ส่วนเมนูที่เข้าร่วมโครงการจะเน้นเมนูดับร้อนเพื่อให้ความสดชื่นแก่นักท่องเที่ยวที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานได้ผ่อนคลายขึ้น เช่น มะกรูดลอยแก้ว ซึ่งเป็นเมนูที่มีกรรมวิธีที่ค่อนข้างพิถีพิถันมาก ตั้งแต่เก็บมะกรูดจากสวนที่ชาวบ้านปลูก ก่อนที่จะนำมาปอกเปลือก คว้านเนื้อออกมานวด แช่ เอาความขมออก ซึ่งค่อนข้างใช้เวลาในการทำพอสมควร จาก 10 ลูกที่เก็บมา ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้หมดทุกลูก จากนั้นก็ทำเป็นขนมลอยแก้ว”

โอ้เอ๋ว น้ำผึ้งพระจันทร์
โอ้เอ๋ว น้ำผึ้งพระจันทร์

อีกเมนูคือ โอ้เอ๋ว น้ำผึ้งพระจันทร์ เมนูนี้เราทำจากส่วนผสมของธรรมชาติทั้งหมด โดยใช้วุ้นจากเมล็ดโอ้เอ๋ว ซึ่งเป็นพืชจำพวกมะเดื่อ ส่วนน้ำผึ้งพระจันทร์ก็เป็นน้ำผึ้งป่า ด้วยแนวคิดอยากจะให้คนเมืองเข้าใกล้ธรรมชาติผ่านอาหารการกิน ทั้ง 2 เมนูนี้เป็นเมนูใหม่ โดยเฉพาะโอ้เอ๋ว น้ำผึ้งพระจันทร์ที่เพิ่งเปิดตัวมาเพียงครึ่งปี และกำลังอยู่ในช่วงดัดแปลงรสชาติให้เข้าถึงคนทั่วไปมากขึ้น เพราะถ้าไม่ใช่คนท้องถิ่นอาจจะไม่คุ้นเคยรสชาติ

“พรทิพย์ เปี่ยมวิวัตติกุล” ผู้บริหาร บริษัท พรทิพย์ (ภูเก็ต) จำกัด กล่าวว่า พรทิพย์เป็นร้านของฝากที่เปิดบริการตั้งแต่ปี 2534 ปัจจุบันขยายธุรกิจจนมีสินค้าของฝากมากกว่า 1,000 รายการ ล่าสุดเปิดคาเฟ่ภายในโชว์รูมของฝาก จำหน่ายเมนูเครื่องดื่มทั่วไป และมีขนมท้องถิ่นของภูเก็ตหลายชนิดพร้อมเสิร์ฟ โดยเฉพาะเมนูโอ้เอ๋ว พุดดิ้ง บีโกหมอย ซึ่งเป็นการนำวุ้นจากโอ้เอ๋ว 100% มาอยู่บนถ้วยเดียวกับข้าวเหนียวดำน้ำกะทิและพุดดิ้ง

เต้าส้อไก่ฮ้อง
เต้าส้อไก่ฮ้อง

“นอกจากนั้น ก็มีเต้าส้อ ไก่ฮ้อง ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นภูเก็ตจากจีนฮกเกี้ยน ซึ่งเมนูเหล่านี้เป็นเมนูทานง่ายไม่มีความซับซ้อน เพราะเราต้องการจับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่รุ่นเด็กยันผู้สูงวัย คาดว่าจะได้รับความนิยมแก่นักท่องเที่ยวต่อเนื่อง”

สำหรับผู้สนใจกิจกรรม Dessert Hopping สายการบินไทยสมายล์ แอร์เวย์จะมีโปรโมชั่นส่วนลดการเดินทางให้ ขณะที่ร้านขนมทั้ง 35 ร้านทั่วไทยมีการจัดราคาพิเศษสำหรับผู้สนใจ ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่เฟซบุ๊ก ThaiDishcovery