สุจิตต์ วงษ์เทศ เผย เจ้านครอินทร์นำกรุงศรีอยุธยาสู่การค้าสากล

สุจิตต์ วงษ์เทศ

สุจิตต์ วงษ์เทศ เผย เจ้านครอินทร์เป็นผู้ที่นำกรุงศรีอยุธยาสู่การค้าสากล ดังนั้งจึงเป็นกษัตริย์ที่ประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่ควรลืม

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้เสวนาในหัวข้อ “Sujit’s Talk : เจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ จีนหนุน “ยึดอำนาจ” อยุธยา สร้างสรรค์การค้าสู่สากล” ภายในงาน “สมานมิตรฯ Return” #เปิดโกดังหนังสือดี ของสำนักพิมพ์มติชน ว่า สมเด็จพระอินทราชาธิราช หรือ เจ้านครอินทร์ หรือที่จดหมายเหตุจีนเรียกพระนามเมื่อก่อนครองราชสมบัติกรุงศรีอยุธยาว่า เจียวลกควานอิน เป็นกษัตริย์รัฐสุพรรณภูมิ ครองเมือง 15-17 ปี ประมาณพุทธศรรษวรรตที่ 20 มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว้างขวางทัดเทียมกับศูนย์กลางของรัฐละโว้ โดยทั่วไปประวัติศาสตร์ไทยมักด้อยค่าเมืองสุพรรณ แต่ความจริงแล้วเป็นเมืองใหญ่มหึมา และมีเครือข่าย ได้แก่ เมืองแพรกศรีราชา-เมืองสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท อำเภอเนินทางพระ ที่สามชุก สุพรรณบุรี และเมืองอู่ทอง ต่อเนื่องไปจนถึงนครศรีธรรมราช

งาน "สมานมิตรฯ Return"

รวมถึงพระองค์ยังเป็นกษัตริย์ของรัฐสุโขทัย เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชโอรสของขุนหลวงพะงั่ว และเป็นเชื้อสายสมเด็จพระร่วง เพราะพระมารดาเป็นเจ้าหญิงสุโขทัย ต่อมาจีนหนุนเจ้านครอินทร์ยึดอำนาจเป็นกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา โดยมีพระนามว่า สมเด็จพระนครินทราธิราช จากที่อยุธยาพูดภาษาเขมรก็เปลี่ยนมาพูดภาษาไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมสร้างสรรค์การค้าสู่สากลตามระเบียบการค้าโลก ทำให้กรุงศรีอยุธยามั่งคั่งใหญ่โต ทันสมัย และถูกเรียกจากนานาชาติว่า ราชอาณาจักรสยาม เป็นครั้งแรก ดังนั้น อยุธยาที่มั่งคั่งงดงามตามภาพของชาวยุโรปมีต้นตอจากการค้านานาชาติสมัยเจ้านครอินทร์ โดยมีจักรพรรดิจีนหนุน เพราะฉะนั้นเจ้านครอินทร์จึงไม่ใช่กษัตริย์ที่ควรจะลืม ทั้งนี้ พระองค์ทรงครองกรุงสรีอยุธยาเป็นเวลา 6 ปี ระหว่างปี 1952-1958 (คำนวณจากพระราชพงศาวดารไทยกับเอกสารจีน)

ส่วนเรื่องที่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าพระร่วงที่ไปเมืองจีน 2 ครั้ง คือ พ่อขุนรามคำแหง นั้น แท้จริงแล้วคือ เจ้านครอินทร์ เพราะจีนอุดหนุนรัฐสุพรรณภูมิ เนื่องจากใช้ภาษาไทยทางการค้า ทำให้เคลื่อนย้ายทรัพยากรมาค้าขายกับจีนได้เป็นจำนวนมาก และบริเวณรัฐสุพรรณภูมิเป็นผืนแผ่นดินที่ยื่นลงไปทางภาคใต้ที่เรียกว่าแหลมมลายู ซึ่งเป็นคาบสมุทร จีนต้องการค้าทางคาบสมุทร และต้องการคุมเส้นทางข้ามคาบสมุทร เพราะเป็นหัวใจในการค้าออกสู่ทะเลอันดามันไปยังอินเดียและตะวันออกกลาง เพราะฉะนั้นเจ้านครอินทร์หรือรัฐสุพรรณภูมิมีความชำนาญในการค้าทางทะเล มีเครือข่ายทั้งมลายูและจาม รวมถึงบรรดาชายฝั่งตั้งแต่อ่าวไทยถึงอ่าวเมาะตะมะ แต่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเอาพระร่วงไปให้เป็นพ่อขุนรามคำแหงว่าไปเมืองจีน

งาน "สมานมิตรฯ Return"

สำหรับกรณีที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เตรียมออกประกาศกระทรวงให้แยก วิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ออกจาก กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมตาม ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้มอบหมาย เพื่อบ่มเพาะให้นักเรียนภาคภูมิใจ รักความเป็นไทย หวงแหนสิ่งที่บรรพชนให้ไว้เป็นมรดกทางปัญญา รักษาสืบสานต่อยอด และนำมาปรับประยุกต์ในปัจจุบันนั้น สุจิตต์ มีความเห็นว่า ประวัติศาสตร์ไทยฉบับกระทรวงศึกษาธิการเป็นการยุให้เกิดการปฏิวัติ ไม่ใช่การเรียนประวัติศาสตร์สังคม แต่พูดถึงแต่การรบ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน รัฐบาลต้องการปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ แต่ก็เกิดปัญหา อย่างที่อุตรดิตถ์มีเจ้าพระฝางเป็นวีรบุรุษ แต่ในขณะเดียวกันเป็นผู้ร้ายในประวัติศาสตร์ส่วนกลาง ทำให้ครูไม่กล้าสอนเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นวิชาประวัติศาสตร์ที่สอนกันก็จะพูดถึงเรื่องของการรักชาติ ไทยรบกับพม่าเหมือนเดิม ไม่มีเรื่องของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น

“ถ้าหากทัศนะของรัฐบาลยังเป็นเผด็จการอำนาจนิยม ประวัติศาสตร์ไทยไม่มีทางพัฒนาได้ เพราะไม่มีใครกล้าทำ แม้ครูอาจารย์จะมีความรู้และความคิดก้าวหน้า” สุจิตต์ วงศ์เทศ กล่าว พร้อมแนะนำให้อ่านหนังสือของสำนักพิมพ์มติชน

งาน "สมานมิตรฯ Return"

สำหรับหนังสือ ‘เจ้านครอินทร์ เมืองสุพรรณ สร้างสรรค์อยุธยา ราชอาณาจักรสยาม’ ราคาปก 300 บาท ซื้อในงานเปิดโกดังมติชน เหลือเพียง 255 บาท

งาน "สมานมิตรฯ Return"

งาน "สมานมิตรฯ Return"