มูลนิธิแอ็พคอม มอบรางวัล ฮีโร่ อวอร์ด เชิดชูบุคคลและองค์กร รวมถึงผลักดันสิทธิความเสมอภาคในความหลากหลายทางเพศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 มูลนิธิแอ็พคอม (APCOM Foundation) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย จัดงานมอบรางวัลฮีโร่อวอร์ด 2022 (HERO Awards 2022) ครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิดเอกภาพในความหลากหลาย “Unity and Diversity” เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโอกาสให้ชุมชนที่ความหลากหลายทางเพศจากนานาชาติ องค์กรไม่แสวงหาประโยชน์ (NGO) สถานทูต ภาครัฐ และเอกชน ได้มารวมตัวกัน โดยมีคุณโจ้ ชลวิศว์ และคุณแอนชิลี สก็อต-เคมมิส มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ประจำปี 2564 เป็นพิธีกร
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- BITE SIZE : ขึ้นค่าแรง 10 จังหวัด-ปรับเงินเดือนข้าราชการ เพิ่มขึ้นเท่าไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
คุณแอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กล่าวว่า สถานทูตออสเตรเลียภูมิใจที่ได้จัดงานมอบรางวัลฮีโร่อวอร์ด 2022 ที่ช่วยยกย่องและเชิดชูผลงานที่โดดเด่นของคนทำงานด้านสิทธิของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ เราเชื่อว่าสิทธิของกลุ่มนี้เป็นสิทธิมนุษยชน ซึ่งเราจะยืนยัดต่อสู้ต่อไปในทุกเวที
งานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและกลุ่มประชาสังคมอย่างมูลนิธิแอ็พคอมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนสิทธิของคนกลุ่มนี้ทั่วทั้งภูมิภาค
สำหรับฮีโร่อวอร์ด เป็นงานมอบรางวัลที่จัดขึ้นทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชิดชูผลงานอันโดดเด่นของผู้อุทิศตนในการต่อต้านเชื้อเอชไอวีและผลักดันสิทธิความเสมอภาคให่กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยภายในงานได้มีการระดมทุนให้กับมูลนิธิแอ็พคอม เพื่อร่วมต่อสู้กับปัญหาในประเด็นดังกล่าว
รางวัลฮีโร่ อวอร์ด ทั้ง 11 สาขา
คุณมิดไนท์ พูนเกษตรวัฒนา ผู้อำนวยการมูลนิธิแอ็พคอม กล่าว ว่าผู้ที่ได้รับรางวัลฮีโร่ อวอร์ดของเราต่างได้บอกเล่าถึงเรื่องราวอันทรงพลังของการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ ด้วยการสร้างสังคมที่เสมอภาค เท่าเทียม และยุติธรรมมากขึ้น แม้จะมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สิ่งที่ทำก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก
สำหรับฮีไร่ อวอร์ด มีด้วยกัน 11 สาขา ซึ่งคัดเลือกโดยแอ็พคอมกับ 3 องค์กรเครือข่าย ได้แก่ APN+ APTN และ ILGA Asia ดังนี้
1.รางวัลสาขาพันธมิตรธุรกิจดีเด่น (Business Ally) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Foodpanda ประเทศไทย บริษัทที่ไม่ปิดกั้นเรื่องความแตกต่างทางเพศ ให้พนักงานทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่
2.รางวัลสาขาพันธมิตรชุมชนดีเด่น (Community Ally) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Tebeio Tamton จากประเทศคิริบาส ที่ปรึกษาและผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร Boutokaan Inaomataia ao Mauriia Binabinaine Association (BIMBA)
3.รางวัลสาขา “ฮีโร่” ชุมชนดีเด่น (Community Hero supported by ILGA Asia) ผู้ที่ได้รับรางวัลคือ Rosanna Flamer-Caldera จากประเทศศรีลังกา ผู้ก่อตั้งองค์กร EQUAL GROUND ที่สนับสนุนเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นจริงในประเทศศรีลังกา
4.รางวัลสาขาองค์กรชุมชนดีเด่น (Community Organisation) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Blue Sky Society Company Limited จากประเทศเวียดนาม โดยให้บริการที่จำเป็นต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศ ที่ต้องการการรักษาแต่ไม่กล้าลงทะเบียนในระบบสาธารณสุขของรัฐ
5.รางวัลสาขา “ฮีโร่” โควิด-19 ดีเด่น (COVID-19 Hero) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Association of People Living with HIV/AIDS (APL+) จากประเทศลาว ช่วยเหลือผู้ที่สัมผัสกับเชื้อเอชไอวี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
6.รางวัลสาขาสุขภาพและสุขภาวะดีเด่น (Health and Wellbeing) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Dr Wong Chen Seong จากประเทศสิงคโปร์ ที่ก่อตั้งองค์กรเครือข่ายของชุมชนโดยมีจุดประสงค์เพื่อฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถสื่อสารและบริการผู้ป่วย LGBTQ+ อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ
7.รางวัลสาขา “ฮีโร่” ด้านเอชไอวีดีเด่น (HIV Hero supported by APN+) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Yasir Ali Khan จากประเทศปากีสถาน ในฐานะนักเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีในปากีสถาน
8.รางวัลสาขาความยุติธรรมทางสังคมดีเด่น (Social Justice) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ นาดา ไชยจิตต์ จากประเทศไทย ที่ปรึกษาในการรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน และช่วยสร้างแบบอย่างสำหรับหลักกฎหมายเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศ รวมถึงการแสดงออกในประเทศไทย
9.รางวัลสาขา “ฮีโร่” คนข้ามเพศดีเด่น (Transgender Hero supported by APTN) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Rully Mallay จากประเทศอินโดนีเซีย อาสาสมัครที่ชุมชน Transpuan ในเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียที่ช่วยจัดระเบียบชุมชน และสร้างเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจโดยเพิ่มความยืดหยุ่นของชุมชนจากความเปราะบางต่าง ๆ
10.รางวัลสาขาคนรุ่นใหม่กับความสำเร็จดีเด่น (Young Achiever) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Jeremy Tan จากประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เป็นผู้สนับสนุนการเสริมสร้างองค์กรด้านสุขภาพในมาเลเซียให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
11.รางวัลสาขาชีพอนันดา คาน เพื่อเชิดชูความสำเร็จยอดเยี่ยม (“Shivananda Khan Award” for Extraordinary Achievement) ผู้ที่ได้รับรางวัล คือ Senator Risa Hontiveros จากประเทศฟิลิปปินส์ วุฒิสมาชิกผู้สนับสนุนด้านสุขภาพและสิทธิสตรีที่เป็นทั้งนักเคลื่อนไหวและผู้สนับสนุนกลุ่มคนชั้นล่าง
2 คนไทยที่ได้รับรางวัล
คุณนาดา ไชยจิตต์ กล่าวว่า เราทำเรื่องความเป็นธรรมในสังคมมานานถึง 17 ปีแล้ว เวลาคน LGBTQ+ ถูกเลือกปฏิบัติหรือถูกทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็จะเดินทางมาให้ช่วย เรารู้สึกดีใจที่ได้ตอบแทนชุมชนนี้ และรู้ดีว่าปัญหายังอีกยาวไกลในเรื่องความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย
หวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นประจักษ์พยาน หลายครั้งที่เธอถูกฟ้องดำเนินคดี นั่นเเสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมฟังเสียง LGBTQ+ น้อยมาก ซึ่งทำให้คนไม่กล้าลุกขึ้นมาทำอย่างที่เราทำ เพราะเขาไม่มีอำนาจและชื่อเสียงมากพอ
สุดท้ายอยากฝากถึงรัฐบาลว่า จริง ๆ เราใช้ทุกขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อพุดคุยและเสนอแนะกับรัฐบาลมาโดยตลอด อยากให้รัฐบาลมาทำงานร่วมกัน และเลิกมองประชาชนเป็นศัตรู
ทุกคนต้องตื่นได้แล้ว ความจริงของสังคมไทยคือทุกคนไม่ได้รัก LGBTQ+ ขนาดนั้น ในขณะที่เรากำลังยินดีกับรางวัลนี้ เราต่างรู้ดีว่าเบื้องหลังมันคืออะไร มันไม่เท่ากับสิ่งที่ชุมชนของความหลากหลายทางเพศต้องเจอ คุณนาดา กล่าว
คุณโกโก้ เทีมไสย์ ในนามของฟู้ดแพนด้า กล่าวว่า เราขับเคลื่อนนโยบายเพื่อประโยชน์ของคนข้ามเพศมาโดยตลอด ที่สำคัญเช่น การอนุญาตให้คนข้ามเพศลาไปแปลงเพศได้ ซึ่งทำเป็นที่แรก
กลุ่มคนข้ามเพจถูกกีดกันจากสังคมมากที่สุด แม้ในกลุ่ม LGBTQ+ เองก็ตาม ทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้เสียโอกาสต่าง ๆ ไปเยอะมาก
เราเองได้ไปบรรยาและอบรมในประเด็นความหลากหลายทางเพศให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งมหาลัย และบริษัท รวมถึงพนักงานของตนเองให้เข้าใจเรื่องความหลากหลาย และการถูกคุกคามทางเพศในทุกรูปแบบ
การคุกคามทางเพศต่อ LGBTQ+ และผู้หญิง ยังมีอยู่ เพราะมุมมองในสังคมไทยที่ยังไม่มีความเข้าใจว่าการคุกคามคืออะไร ผู้ถูกคุกคามอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกคุกคาม ซึ่งไม่ใช่แค่การแตะเนื้อต้องตัวเท่านั้น
ที่สำคัญคือต้องเริ่มที่การศึกษานโยบายรัฐที่เข้มแข็ง และผู้บริหารต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บางนโยบายสวยหรูแต่ปฏิบัติไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นต้องทำจากบนลงล่างและล่างขึ้นบนไปพร้อมกัน เนื่องจากทุกคนไม่ได้มีสิทธิที่จะพูดหรือกล้าพูดเมื่อถูกคุกคาม ดังนั้นเราต้องสร้างช่องทางให้ทุกคนได้มากที่สุด