ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ ขึ้นแท่นกวีซีไรต์หญิงคนที่สองของไทย

ผศ.ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์
ผศ.ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์

ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ คว้ากวีซีไรต์ ปี 2565 จากเรื่อง “จนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้ ขึ้นแท่นกวีนิพนธ์หญิงคนที่ 2 ต่อจาก จิระนันท์ พิตรปรีชา

วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีการแถลงข่าวประกาศผลการตัดสินรางวัลซีไรต์ ประเภท “กวีนิพนธ์” ประจำปี พ.ศ.2565 โดยมีหนังสือกวีนิพนธ์ที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก (Shortlist) จำนวน 7 เล่ม ดังนี้

  1. จนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้ โดย ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ จัดพิมพ์โดย ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์
  2. ดวงตากวี โดย รินศรัทธา กาญจนวตี จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ ออน อาร์ต
  3. นาฏกรรมจำนรรจ์ โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ จัดพิมพ์โดย ผจญภัยสำนักพิมพ์
  4. ประเทศในเขาวงกต และบริบทอื่นๆ โดย ศิริวร แก้วกาญจน์ จัดพิมพ์โดย ผจญภัยสำนักพิมพ์
  5. เมื่อพระอาทิตย์หลับ ฉันก่อไฟปลุกพระจันทร์ โดย ภิรเดช แก้วมงคล จัดพิมพ์โดย กากะเยียสำนักพิมพ์
  6. สองฝั่งแม่น้ำเก่า โดย ลอง จ้องรวี จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์โรงนาบ้านไร่
  7. สะพรั่งบานในสถานการณ์ไม่ปกติ โดย รังสิมันต์ จุลหริก จัดพิมพ์โดย สำนักกวีน้อยเมืองนคร

ซึ่งผลการตัดสินในปีนี้ คณะกรรมการตัดสินให้หนังสือเรื่อง “จนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้” โดย ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ ได้รางวัล

นางชมัยภร บางคมบาง ประธานกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)  กล่าวว่า คณะกรรมการตัดสินรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2565 ประเภทกวีนิพนธ์ พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า กวีนิพนธ์เรื่อง จนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้  ของ ปาลิดา ผลประดับเพ็ชร์ นำเสนอภาพชีวิตของผู้คนในยุคสังคมพลิกผันที่เผชิญหน้ากับโรคระบาดครั้งใหญ่ ปัญหาอาชญากรรม สิ่งแวดล้อม และจริยธรรมสื่อ

บทกวีแต่ละบทนำเสนอฉากชีวิตและพฤติการณ์ของคนธรรมดาสามัญ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชายขอบ ผู้คนในเมือง และในชนบทที่ยากจนและถูกเบียดขับกดทับ ตลอดจนตั้งคำถาม กับโลกยุคเก่า และวิพากษ์โลกยุคใหม่อย่างแยบยล

อีกทั้งกวียังมุ่งนำเสนอสารสำคัญว่า แม้ชีวิตจะต้องเผชิญกับความโหดร้าย ความรุนแรง ความพลิกผัน และความล่มสลาย ขอเพียงเรายังมีความเอื้ออาทรต่อกัน โอบกอดกันด้วยความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจกัน

นางชมัยภรกล่าวต่อว่า กวีเล่าเรื่องชีวิตของผู้คนอย่างละคร แบ่งบทตอนอย่างมีสัมพันธภาพ ใช้ท่วงทำนองโรแมนติกตัดกับสัจนิยม ด้วยน้ำเสียงประชดเสียดสี เพื่อเร้าอารมณ์และกระตุ้นความนึกคิด ถ้อยคำในบทกวีน้อยแต่มาก ง่ายแต่งาม ลึกซึ้งทั้งความหมายและอารมณ์ความรู้สึก  รวมทั้งยังใช้ศิลปะสองแขนง คือ บทกวีกับภาพวาดมาสอดประสานกันเพื่อนำเสนอความคิดร่วมสมัยและสากล สื่อน้ำเสียงที่มีความหวัง มุ่งยกระดับจิตใจให้ใคร่ครวญถึงความอ่อนโยนที่โลกพึงมีต่อเราและเราพึงมีต่อโลก

คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้กวีนิพนธ์เรื่องจนกว่าโลกจะโอบกอดเราเอาไว้ ของปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)  ประจำปีพุทธศักราช 2565

ซีไรต์

กวีซีไรต์หญิงคนที่ 2

สำหรับ “ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์” ถือเป็นนักเขียนหญิง ประเภทกวีนิพนธ์ คนที่ 2 ต่อจาก “จิระนันท์ พิตรปรีชา” ที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)  ประเภทกวีนิพนธ์ เมื่อปี 2532 จากเรื่อง ใบไม้ที่หายไป

ประวัติส่วนตัว

ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ เกิดที่แม่กลอง พ.ศ. 2529 เติบโตที่เพชรบุรี จบปริญญาตรี รัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ปัจจุบันอยู่กับครอบครัวที่ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมา 8 ปี ตีพิมพ์บทกวีนิพนธ์เล่มแรกของตัวเองหลังลาออกได้ 10 เดือน ปัจจุบันปาลิดากำลังทดลองใช้ชีวิตเป็นอิสระจากงานประจำ

ผลงานที่ผ่านมาได้แก่ บทกวีเรื่อง แล้วเธอล่ะเป็นใครในเมืองนี้, มิได้อุทธรณ์, ดำเนินทราย, คนถางทาง,จนกว่าชีวิตจะนิทรา และเราอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว


ซีไรต์ 2