ไทย ลีฟ เตรียมเปิดตัวเครื่องดื่ม-อาหารเสริม-เวชสำอางจากสาร CBD ในกัญชง

ยิ่งยศ จารุบุษปายน ไทย ลีฟ
นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด

ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี ผนึกความร่วมมือพันธมิตรธุรกิจ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม อาหารเสริม และเวชสำอาง จากสารสกัด CBD ในกัญชง 

วันที่ 30 มกราคม 2566 หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศให้เริ่มมีการศึกษาเกี่ยวกับกัญชา-กัญชง โดยให้ภาครัฐภาคเอกชนร่วมมือกัน รวมทั้งออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ในขณะนั้น นายยิ่งยศ จารุบุษปายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด มีความสนใจเรื่องกัญชง ประกอบกับภูมิหลังของครอบครัวทำกิจการทางด้านฟาร์มาซูติคอล ดำเนินกิจการผลิตยากว่า 70 ปี

ขณะเดียวกัน นายเฉลิม เทร็ลส์ ประธาน บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด มีประสบการณ์การทำธุรกิจด้านการเกษตร จึงทำให้ผู้บริหารทั้ง 2 ท่านได้พูดคุยเกี่ยวกับกัญชา-กัญชง โดยมีความคิดเห็นตรงกันว่า สาร CBD ของกัญชงให้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงตัดสินใจร่วมมือกันก่อตั้งบริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ขึ้นมาในเดือนมกราคม 2564

เสริมแกร่งด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร

ไทย ลีฟ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจด้วยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ 1.มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเชี่ยวชาญการทำวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา-กัญชงมากว่า 30 ปี มีแผนกวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา โดยไทย ลีฟ ได้ร่วมวิจัยกับคอร์เนลล์ ในการดำเนินธุรกิจนำเข้าเมล็ดพันธุ์ เพาะ สกัด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสาร CBD จากกัญชง 2.บริษัท คานาร์ฟามา อินเวสต์เมนต์ส จำกัด บริษัทการลงทุนจากแคนาดา ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจกัญชาในแคลิฟอร์เนีย แคนาดา และจาเมกา มีศักยภาพในธุรกิจกัญชาทางการแพทย์ เทคโนโลยีการเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพระดับโลก

3.บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ในเครือ บริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของไทย และ 4.บริษัท เอราเลียน แคปิตอล จำกัด บริษัทการลงทุนขนาดใหญ่จากสิงคโปร์ ที่ผสมผสานความรู้ความชำนาญสู่การผลิตภัณฑ์ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั่วโลก

นายยิ่งยศ จารุบุษปายน เผยว่า ไทย ลีฟนำ knowhow จากสหรัฐอเมริกา แคนาดา อิสราเอล และออสเตรเลียมาใช้ โดยไทย ลีฟ ทำธุรกิจแบบต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง ปลูกและสกัดเอง ซึ่งไทย ลีฟมีโรงงานสกัดขนาด 5,000 ตารางเมตร ที่ จ.นครนายก บนพื้นที่ 50 ไร่ โดยนำเข้าเครื่องมือที่ใช้สกัดจากสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี เพื่อสกัดสาร CBD จากกัญชงแบบบริสุทธิ์ถึง 90% ที่สำคัญโรงงานของไทย ลีฟ เป็น zero waste เครื่องจักรจะนำทุกอย่างกลับมาใช้ใหม่ ส่วนกากใยที่เหลือก็สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยได้ เพราะฉะนั้นจึงนับว่าไทย ลีฟได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

นอกจากนี้ ไทย ลีฟได้ร่วมมือกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือบริษัทใหญ่ในประเทศไทยหลายบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสาร CBD จากกัญชง ซึ่งบริษัทที่ไทย ลีฟเซ็นสัญญาความร่วมมือพัฒนาโปรดักต์ ได้แก่ บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โอสถ อินเตอร์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยาในเครือสหพัฒน์ และบริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จํากัด (มหาชน) บริษัทเกี่ยวกับเครื่องสำอางในเครือสหพัฒน์

ขณะเดียวกัน ไทย ลีฟมีห้องแล็บสำหรับวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชงร่วมกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้กัญชงสายพันธุ์ไทย โดยคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนได้ในปี 2567

กัญชง-ไทยลีฟ
บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด

แผนธุรกิจปี 2566

ในปี 2566 ไทย ลีฟวางแผนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ CBD จากกัญชง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.เครื่องดื่ม 2.อาหารเสริม 3.เวชสำอาง ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปีจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์จาก CBD ทั้งหมด 6 อย่าง โดยจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารและขนมก่อนจำนวน 3 อย่าง ในช่วงไตรมาส 2

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ไทย ลีฟเตรียมเปิดตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บาล์มหรือครีมที่ใช้บรรเทาอาการปวด โดยใช้บาล์มที่มีคุณสมบัติในการดูดซับผ่านผิวหนังได้ดี ผสมผสานกับสารสกัด CBD ที่มีความเข้มข้นถึง 90% ทำให้ได้ผลลัพธ์ในการใช้แก้ปวดได้เร็ว และเห็นผลนานถึง 4-6 ชั่วโมง จากที่ปกติเห็นผลเพียง 1-1.30 ชั่วโมง และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 4 ชนิด ได้แก่ คลีนเซอร์ โทนเนอร์ เซรั่ม และมอยส์เจอไรเซอร์ในไตรมาส 2 เนื่องจากสารสกัด CBD มี่ส่วนช่วยเรื่องริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง นอกจากนี้ ไทย ลีฟคาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม CBD ช่วงปลายปี 2566

กัญชง-ไทยลีฟ
บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด

ภาพรวมตลาดกัญชงไทย

ภาพรวมตลาดกัญชงในประเทศไทยปี 2565 สถาบันการเงินหลายสถาบันคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 3,800-7,200 ล้านบาท แต่หลังจากมีการประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ โดยกำหนดให้ “ทุกส่วนของกัญชา” ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด และสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC หรือ CBD ไม่เกิน 0.2% ไม่ถือเป็นยาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ทำให้ความกังวลของผู้บริโภคไปกดมูลค่าตลาดให้ต่ำลง จึงคาดว่าตลาดกัญชงปี 2565 มีมูลค่า 4,000 กว่าล้านบาท ขณะที่ปี 2566 คาดว่าตลาดกัญชงในประเทศไทยจะมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท เนื่องจากหลายบริษัทเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันไทย ลีฟมีสัดส่วนลูกค้าเป็นชาวไทย 70% และชาวต่างชาติ 30%

พัฒนากัญชงสายพันธุ์ไทย

จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า ไทย ลีฟร่วมมือมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์วิจัยและพัฒนากัญชงให้ได้สายพันธุ์ไทย ทั้งนี้เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการปลูกในประเทศ เนื่องจากกัญชงแต่ละสายพันธุ์ของแต่ละประเทศจะเติบโตได้ดีก็เมื่อปลูกในดินที่มีสภาพดิน ภูมิอากาศ และแสงแดดที่เหมาะสม โดยกัญชงเป็นพืชที่ชอบแดดแต่ไม่ชอบน้ำ ในปัจจุบันที่เราใช้กัญชงสายพันธุ์ต่างประเทศเราต้องมีการติดไฟ LED เพื่อเพิ่มแสงให้กับพืช แต่หากเราสามารถพัฒนาสายพันธุ์ไทยซึ่งเหมาะสมกับสภาพอากาศของไทยได้แล้ว จะทำให้ไม่ต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ เสริม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ในระยะยาว

กัญชง-ไทยลีฟ
บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด

การใช้กัญชงทางสุขภาพ

ขณะนี้ไทย ลีฟได้มีการพูดคุยกับเวลเนสเซ็นเตอร์หลายแห่ง ในเรื่องของการนำผลิตภัณฑ์ไปช่วยดูแลเรื่องการนอนไม่หลับ เนื่องจากปัจจุบันคนไทย 30% จากจำนวนประชากรทั้งหมดมีอาการนอนไม่หลับ หรือที่เรียกว่า Sleep Disorders ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแพนิกและโรคซึมเศร้า โดยสารสกัด CBD จะเข้าไปช่วยลดความเครียดลง ทำให้รู้สึกรีแลกซ์มากขึ้น เมื่อใช้ในการรักษาก็จะทำให้สามารถนอนหลับได้ดี ซึ่งดีกว่าการใช้ยานอนหลับ

“กัญชงมีประโยชน์มากมาย อยากให้เข้าใจว่ากัญชงกับกัญชาไม่ใช่พืชตัวเดียวกัน จริง ๆ แล้วกัญชาก็มีประโยชน์เพียงแต่คนส่วนใหญ่ยังคงมองในเรื่องของสันทนาการเพียงอย่างเดียว ซึ่งผมมองว่าเราควรจะให้ความสำคัญกับประโยชน์ของพืชชนิดนี้จริง ๆ และมาร่วมพัฒนาให้ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชงมีความยั่งยืน เพราะจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและเกษตรกรไทยที่ปลูกพืชชนิดนี้ คาดว่า 2-3 ปีข้างหน้า ธุรกิจกัญชงจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก” นายยิ่งยศกล่าวทิ้งท้าย

กัญชง-ไทยลีฟ
บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด