“Clare Island Lighthouse” จากประภาคารเก่าสมัยศตวรรษที่ 19 บนเกาะแคลร์ ประเทศไอร์แลนด์ สู่โรงแรมวิวมหาสมุทรแบบพาโนรามา มูลค่า 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่อาจถูกขายไปเป็นบ้านพักตากอากาศในไม่ช้า
INSIDER เผยเรื่องราวของ “Clare Island Lighthouse” หรือประภาคารเกาะแคลร์ นอกชายฝั่งตะวันตกของประเทศไอร์แลนด์ ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1806 จากนั้นเกิดไฟไหม้เสียหายอย่างหนักในปี 1816 ก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ในอีก 2 ปีต่อมา
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
Roie McCann ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเผยว่า หลังจากเลิกใช้ในปี 1965 ประภาคารนี้ก็ถูกครอบครองโดยบุคคล 3 ฝ่าย ก่อนที่เจ้าของคนปัจจุบันจะซื้อมาในปี 2008 และเปลี่ยนเป็นโรงแรมในปี 2013 ด้วยขนาด 3,799 ตารางฟุต ซึ่งอยู่เหนือหน้าผา 120 เมตร และมีทัศนียภาพแบบพาโนรามาของมหาสมุทร โดยมี 9 ห้องนอนพร้อมอาหารเช้า ปัจจุบันมีมูลค่าการซื้อขายถึง 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายในเวลา 4 ปี แห่งการปรับปรุงเป็นโรงแรมต้องรื้อพื้นไม้กระดานทั้งหมดและเปลี่ยนใหม่ รวมถึงจัดการกับปัญหาหนู และสัตว์มีพิษที่เข้ามาอาศัยในตัวประภาคาร
McCann กล่าวว่า เดิมทีเธอได้รับการว่าจ้างให้ช่วยตกแต่งอาคารเมื่อปี 2012 เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยทำงานด้านการออกแบบภายในและงานที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ บนโจทย์ที่ต้องการให้โรงแรมสะดวกสบายและเรียบง่าย ด้วยคอนเซ็ปต์การผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัย เช่น การติดตั้งเตาผิงในศตวรรษที่ 19 และการทำให้ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัว
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะแคลร์ เกาะเล็ก ๆ ที่ยาว 5 ไมล์ และกว้างเพียง 3 ไมล์ นอกชายฝั่งตะวันตกของไอร์แลนด์ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 160 คน โดยสามารถเข้าถึงได้ด้วยเรือข้ามฟาก 20 นาทีจากท่าเรือ Roonagh และเฮลิคอปเตอร์ผ่านลานจอดส่วนตัวของประภาคาร
เกาะแคลร์มีประวัติศาสตร์ของการอยู่อาศัยอันยาวนานย้อนหลังไปถึง 3,500 ปีก่อนคริสตกาล และเชื่อกันว่า “ราชินีโจรสลัด เกรซ โอมอลลีย์” ได้รับศีลล้างบาป แต่งงาน และฝังไว้ยังที่แห่งนี้ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16
แม้เจ้าของโรงแรมจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ McCann และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อาศัยอยู่ที่ประภาคาร เพราะเป็นสถานที่ที่สวยงาม และยังสนุกกับการพบปะผู้คนใหม่ ๆ ที่มาเที่ยวบนเกาะอีกด้วย
“คุณสามารถพบเจอผู้คนที่น่าสนใจตลอดเวลา คนที่มาที่นี่มักจะชอบการผจญภัย ดังนั้น มันจึงเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป” McCann กล่าว
ภายในโรงแรมมีห้องครัว 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร เรือนกระจก ห้องน้ำสำหรับแขก และที่พักพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งประกอบไปด้วย เตียงคู่ พรม หน้าต่างบานใหญ่สองบานที่มองออกไปเห็นทะเล
นอกจากนี้ ยังมีห้องเซาน่า ที่เดิมเป็นอาคารเรือนนอกของประภาคาร แต่ปัจจุบันถูกดัดแปลงให้มีระบบทำความร้อนใต้พื้น และกลายเป็นห้องเซาน่าสุดหรู
อย่างไรก็ตาม เจ้าของมีแผนที่จะขายโรงแรมสำหรับคนที่ต้องการซื้อไปเป็นที่อยู่อาศัยเร็ว ๆ นี้ แต่โรงแรมจะยังคงเปิดอยู่ โดยเริ่มหลังจากฤดูหนาวในวันที่ 17 มีนาคม 2566 และมีแผนที่จะรับจองไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าจะขายประภาคารนี้เมื่อใด
ทั้งนี้ โรงแรมมีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้ซื้อจากต่างประเทศ หรือในท้องถิ่นที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศ หรือสถานที่แปลกใหม่สำหรับทำงานจากระยะไกล ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากตลาดสหรัฐอเมริกา
ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักที่จะได้รับทรัพย์สินขนาดใหญ่บนเกาะที่มีความเป็นส่วนตัว ปลอดภัย และอยู่ในสภาพดีเช่นนี้