มะนาลี ในซอกหลืบหิมาลัย มีดีกว่าเมืองทางผ่าน

แดงน้อย : เรื่อง-ภาพ

มะนาลี (Manali) เป็นเมืองหนึ่งในรัฐ Himachal Pradesh ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย อยู่ในหุบเขาซอกเล็กซอกหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย เป็นเมืองทางผ่านไปลาดักห์ (Ladakh) หนึ่งในเดสติเนชั่นที่ได้รับความนิยมในช่วงปีหลัง ๆ มานี้ มะนาลีมีกลิ่นทิเบตเบา ๆ กลิ่นมาซาล่าเบา ๆ ในเมืองเต็มไปด้วยสวนแอปเปิล และสิ่งที่ดึงดูดคนเมืองร้อนก็คือมีหิมะ

คนต่างชาติส่วนใหญ่คงจะเริ่มต้นทริปที่เมืองหลวงนิวเดลี การเดินทางจากนิวเดลีไปมะนาลี ถ้าไปเองต้องขึ้นรถบัสที่ Kashmiri Gate เหมือนสถานีขนส่งหมอชิตบ้านเรา แต่ถ้าไปแบบสบายใจและสบายหน่อยก็ต้องซื้อทัวร์ นอกจากความสบายใจแล้ว เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ค่อนข้างห่างกัน การซื้อทัวร์น่าจะคุ้มค่าคุ้มเวลากว่าการไปจ้างรถเอาเอง

ทัวร์ราคา 5,500 รูปี ราคานี้ประกอบด้วยค่าเดินทางจากนิวเดลีไปมะนาลีโดยรสบัสแอร์ โรงแรมที่พัก 2 คืน แท็กซี่ไปสถานที่ท่องเที่ยว อาหารเช้าและเย็น 2 วัน

จากนิวเดลีถึงมะนาลี ใช้เวลานั่งรถ 14 ชั่วโมง จอดพักให้กินข้าวหนึ่งครั้ง เมืองมะนาลีแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ ๆ ก็คือ เมืองใหม่ (New Manali) กับเมืองเก่า (Old Manali) อากาศที่เมืองนี้เย็นมาก กลางวันประมาณ 20 องศานิด ๆ กลางคืนประมาณ 13-14 องศา

โรงแรมที่ทัวร์นี้จัดให้ถือว่าดีงามมาก เป็นโรงแรมอินดี้อยู่ในสวนแอปเปิล โซนกลาง ๆ ระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ มองเห็นทิวเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

วันแรกช่วงบ่าย ๆ เราเริ่มโปรแกรมใน Old Manali ที่วัดน้ำพุร้อน Vashist Hot Water Springs and Temple ซึ่งต้องขับรถออกจากเมืองไปประมาณ 3 กม.

คำว่าวัดที่มะนาลีเป็นอะไรที่ง่าย ๆ มีเทวรูปสักหนึ่งองค์ก็เรียกว่าวัดได้แล้ว วัดนี้เป็นไม้แกะสลัก ด้านในมีเทวรูป และมีบ่อน้ำร้อนขนาดเท่าสระว่ายน้ำเล็ก ๆ ก่อซีเมนต์ แยกโซนชาย-หญิงชัดเจน ถ้าใครเอาชุดไปเปลี่ยนก็สามารถแช่น้ำอุ่นได้เลย กิจกรรมสุดฮิตของคนที่มาวัดนี้คือการไปถ่ายรูปที่ก้อนหินกลางแม่น้ำ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลแรงมาก ๆ

ออกจากวัดนี้จุดหมายต่อไปก็ยังเป็นวัด ก็คือ Hidimba Devi Temple หรือเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Hadimba Temple วัดทิเบตที่มีหลังคาเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันหลายชั้น เป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งในเมืองมะนาลี

เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่หลายชนิด และวัดนี้ก็ล้อมรอบไปด้วยป่าสน ในวัดมีบริการให้เช่าชุดชาวทิเบต และมีกระต่ายให้อุ้ม ค่าชุด 100-200 รูปี แล้วแต่ความสามารถในการต่อรอง

เช้าวันต่อมาฟินตั้งแต่ตื่นขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหิมะเกาะอยู่ตามทิวเขา รู้สึกคุ้มค่ากับการนั่งรถเหนื่อยมา 14 ชั่วโมง

จุดหมายของวันนี้เป็นไฮไลต์ของการเที่ยวมะนาลีก็คือ โรห์ทัง พาส (Rohtang Pass) ภูเขาสูงซึ่งเป็นเส้นทางผ่านไป เลห์ ลาดักห์ ซึ่งไม่รวมอยู่ในทัวร์ ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 4,000 รูปี

โรห์ทัง พาส อยู่ห่างจากเมือง 50 กม. ใช้เวลาเดินทางนานมาก รถค่อย ๆ ไต่ขึ้นเขา โดยมีวิวระหว่างทางที่สวยมาก ๆ ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า ภูเขาขนาดใหญ่มาก ๆ เกินจินตนาการ สีเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา

ผ่านช่วงทิวเขาสวย ๆ มาสักพักก็ถึงด่านตรวจคนขึ้นโรห์ทัง พาส ซึ่งจำกัดจำนวนรถยนต์ที่จะขึ้นไป รถทุกคันต้องทำ permit ก่อน 2 วันที่จะขึ้น โดยทำผ่านเว็บไซต์ จ่ายค่าธรรมเนียม พรินต์เอกสารมายื่นที่ด่านนี้ เอเย่นต์ทัวร์บอกว่า ต้องแจ้งก่อนวันที่จะขึ้นไป 2 วัน ห้ามเร็วกว่า เพราะเจ้าหน้าที่อาจจะลืม แต่ช้ากว่านั้นก็ไม่ได้ เพราะจะทำไม่ทัน

ที่ด่านมีห้องน้ำสภาพโอเค พอไหว แนะนำว่าควรเข้าห้องน้ำก่อนเดินทางต่อ เพราะถ้าปวดข้างบนโน้นคงลำบากน่าดู

ทางที่เรากำลังเดินทางคือ เลห์ ไฮเวย์ (Leh Highway) ที่จะไปลาดักห์ (Ladakh) นั่นเอง ใครที่จะไปลาดักห์โดยการเดินทางทางบกต้องใช้เส้นทางนี้เท่านั้น ขอเตือนว่าไฮเวย์เส้นนี้ยังเป็นถนนดิน ฝุ่นคลุ้งตลบ หิน หลุม และเหว

ด้วยความที่เราต้องไต่ความสูงของภูเขา รถต้องวิ่งตามไหล่เขาวนไปเรื่อย ๆ เพื่อจะไปจุดที่สูงที่สุด ถนนแคบ ๆ หักศอกซิกแซ็ก และต้องหลีกกับรถที่สวนทาง ซึ่งมีทั้งรถบรรทุก รถบัส ทำเอาหัวใจแทบจะหลุดกลิ้งลงไปในหุบเหว คำแนะนำสำหรับคนที่จะไปคือควรทำประกันชีวิตการท่องเที่ยวก่อนออกเดินทาง

นั่งรถมานานแสนนาน โยกซ้าย โยกขวา หัวคลอนไปสามแสนครั้ง ในที่สุดก็มาถึงจุดชมวิวครึ่งทางที่สวยมาก มองลงไปด้านล่างเป็นทิวเขาใหญ่โตมโหฬาร และมองเห็นเมืองมะนาลีอยู่ข้างล่าง เล็กจนเป็น SimCity

จากจุดชมวิวครึ่งทางนั่งกันไปอีกด้วยความรู้สึกเดิม ในที่สุดก็ถึง โรห์ทัง พาส ซึ่งต่างจากจินตนาการไว้มาก ๆ แม้ว่าจะเป็นฤดูที่ไม่มีหิมะขาวโพลน แต่สิ่งที่เห็นก็สวยงามจนบรรยายไม่ถูก ตอนนั้นรู้สึกว่าเราไม่ต้องไปถึงลาดักห์ก็ได้นะ ตรงนี้ก็เติมเต็มแล้ว รู้สึกอิ่มเอมใจจนลืมสนิทไปเลยว่าระหว่างที่นั่งรถมานั้นเมารถขนาดไหน

ระหว่างที่เดินเล่นซึมซับความสวยงามนั้นรู้สึกเหนื่อยมาก ซึ่งมารู้ทีหลังว่า ตรงที่เดิน ๆ อยู่นั้นระดับความสูงเหนือกว่าน้ำทะเลตั้ง 4,000 เมตร อากาศน้อยก็เลยทำให้เหนื่อยง่าย อยู่ตรงนั้นจนอิ่มอกอิ่มใจก็โบกมือบ๊ายบาย ขากลับโยกหัวคลอนกลับลงมาเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะเป็นการเดินทางที่เหนื่อย แต่พอไปถึงจุดหมายก็คุ้มค่า หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เป็นหนึ่งวันที่ดีมาก ๆ และคงจะเสียดายมากถ้าทริปอินเดียครั้งนี้ไม่มีโรห์ทัง พาสอยู่ในโปรแกรม

แม้ว่ามะนาลีเป็นเมืองทางผ่านนอกสายตาสำหรับคนที่มีเป้าหมายจะไป ลาดักห์ แต่ถ้าได้แวะพักและเที่ยวที่นี่สักสองวัน คุณจะไม่เสียใจ เพราะมะนาลีมีดีกว่าความเป็นเมืองทางผ่าน