เปิด 5 เรื่องน่ารู้ “วาเลนไทน์” วันแห่งความรักที่ไม่ได้มีเรื่องรัก ๆ เพียงอย่างเดียว

วาเลนไทน์-ตำนาน
REUTERS/Isabel Infantes

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนสำรวจ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “วาเลนไทน์” วันแห่งความรักที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ “สุข-เศร้า-เคล้าน้ำตา” ซ่อนอยู่เบื้องหลังมากมาย

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 วันแห่งความรัก หรือ “วันวาเลนไทน์” (Valentine’s Day) เวียนมาบรรจบในศักราชใหม่อีกครั้ง แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นวันที่คู่รักหลาย ๆ คู่เลือกที่จะใช้เวลาในการทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ร่วมกัน แต่ในอีกมิติหนึ่งก็เป็นวันที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย

“ประชาชาติธุรกิจ” ร่วมเฉลิมฉลองในวันแห่งความรักผ่านการรวบรวม 5 เรื่องราวเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์จากเว็บไซต์ History ช่องโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลทีวีสัญชาติอเมริกันมาสรุปไว้ดังนี้

1. ตำนาน “เซนต์วาเลนไทน์”

หนึ่งในตำนานที่เป็นที่กล่าวขานมานาน คือช่วงศตวรรษที่ 3 ที่เป็นยุคสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งกรุงโรม (Emperor Claudius II) เป็นช่วงที่มีการทำศึกสงครามอย่างหนัก จักรพรรดิองค์ดังกล่าวจึงตัดสินใจออกกฎห้ามชายโสดแต่งงานกับหญิงสาวที่หมายปอง เพื่อให้ทุกคนทุ่มเทกับการรบอย่างเต็มที่

แต่เรื่องของความรักหรือการแต่งงานเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ “เซนต์วาเลนไทน์” (Saint Valentine) หรือ “วาเลนตินัส” (Valentinus) นักบุญที่อาศัยอยู่ในกรุงโรม จึงตัดสินใจจัดพิธีแต่งงานให้กับคู่รักหลาย ๆ คู่อย่างลับ ๆ จนกระทั่งเรื่องนี้ไปถึงหูของจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 และนำไปสู่การประหารชีวิตเซนต์วาเลนไทน์ในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งตำนานที่กล่าวขานกันมาว่า เซนต์วาเลนไทน์ที่เป็นต้นกำเนิดจริง ๆ ของวันวาเลนไทน์ คือเซนต์วาเลนไทน์แห่งแตร์นี (Saint Valentine of Terni) ที่จัดพิธีแต่งงานให้กับคู่รักชายหญิงในเขตใกล้ ๆ กรุงโรมเช่นกัน และมีจุดจบอันน่าเศร้าเป็นคำสั่งประหารชีวิตจากจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2

ADVERTISMENT

2. ที่มาของ “From Your Valentine”

“From Your Valentine” เป็นประโยคแสนคลาสสิกสำหรับลงท้ายในการ์ดหรือจดหมายที่ต้องการมอบให้คนรัก ซึ่งตำนานที่เป็นที่มาของประโยคนี้ คือการที่เซนต์วาเลนไทน์เขียนจดหมายฉบับสุดท้ายให้กับ “จูเลีย” บุตรสาวของผู้คุม “อัสเตริอุส” (Asterius) ที่คอยนำอาหารมาให้นักบุญและช่วยติดต่อผู้คนนอกคุกที่นับถือศาสนาคริสต์

โดยจดหมายฉบับดังกล่าวที่เขียนถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก มีการลงท้ายว่า “From Your Valentine” หรือ “จากวาเลนไทน์ (คนรัก) ของคุณ” จากนั้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เซนต์วาเลนไทน์ก็ถูกประหารชีวิตในที่สุด

ADVERTISMENT

3. จุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองในเดือนกุมภาพันธ์

หลายคนเชื่อว่าการเฉลิมฉลองในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นการรำลึกถึงวันครบรอบการเสียชีวิตของเซนต์วาเลนไทน์ แต่ก็มีบางตำนานที่เชื่อว่าเริ่มต้นจากการเฉลิมฉลองของกลุ่มคนนอกรีต “Lupercalia” เพื่ออุทิศให้กับ Faunus เทพเจ้าแห่งเกษตรกรรมของโรมัน รวมถึงผู้ก่อตั้งอาณาจักรโรมันอย่าง Romulus และ Remus ด้วย

โดยพิธีดังกล่าวจะเริ่มจากการรวมตัวของนักบวชชาวโรมันที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง เชื่อกันว่าเด็กทารกถือกำเนิดจาก Romulus และ Remus และได้รับการดูแลจากหมาป่าตัวเมียหรือ Lupa ซึ่งนักบวชจะถวายแพะเพื่อการเจริญพันธุ์ และถวายสุนัขเพื่อการชำระล้าง

จากนั้นจะฉีกหนังแพะเป็นเส้น ๆ จุ่มลงในเลือดบูชายัญแล้วแห่ไปตามถนนให้สตรีชาวโรมันได้สัมผัส ตามความเชื่อที่ว่าจะช่วยเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ ต่อมาหญิงสาวทุกคนในเมืองจะสลักชื่อของตนไว้ในโกศขนาดใหญ่ และให้หนุ่มโสดแต่ละคนเลือกชื่อหญิงสาวที่ชอบเพื่อจับคู่และแต่งงานครองรักกัน

4. ที่มาของการเป็น “วันแห่งความรัก”

ในปลายศตวรรษที่ 5 สมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุส (Pope Gelasius) ประกาศให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็น “วันวาเลนไทน์” แต่ยังไม่เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองในเรื่องความรัก จนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยุคกลาง ความเชื่อที่ว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นช่วงเริ่มต้นฤดูผสมพันธุ์ของนกแพร่กระจายไปทั่วฝรั่งเศสและอังกฤษ

ประกอบกับ “เจฟฟรีย์ ชอเซอร์” (Geoffrey Chaucer) กวีชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่บันทึกว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรักที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอันแสนโรแมนติก โดยบทกวีของเจฟฟรีย์เรื่อง “Parliament of Foules” ที่แต่งขึ้นในปี ค.ศ. 1375 มีการเขียนว่า “เพราะสิ่งนี้ถูกส่งไปในวันของเซย์นต์ วาเลนไทน์…” (“For this was sent on Seynt Valentyne’s day…”)

ปัจจัยรายล้อมที่เกิดขึ้นในยุคนั้นได้ทำให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์กลายเป็นวันแห่งความรักในที่สุด

5. วันวาเลนไทน์ไม่จำเป็นต้องเป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์

ตามบันทึกในประวัติศาสตร์มีนักบุญที่ใช้ชื่อว่า “วาเลนไทน์” ประมาณ 12 คน เนื่องจากเป็นชื่อเล่นที่ได้รับความนิยมระหว่างศตวรรษที่ 2 ถึง 8 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งนักบุญเจ้าของตำนานที่ทำให้เกิดการเฉลิมฉลองมาจนถึงปัจจุบัน คือเซนต์วาเลนไทน์แห่งโรม (Saint Valentine of Rome)

หมายความว่าวันวาเลนไทน์ของแต่ละคนสามารถเปลี่ยนไปตามความเชื่อ และวันสำคัญของเซนต์วาเลนไทน์ แต่ละคนได้ฉลองให้กับเซนต์วาเลนไทน์แห่งวิแตร์โบ (Saint Valentine of Viterbo) ในวันที่ 3 พฤศจิกายน หรือฉลองวาเลนไทน์แบบดั้งเดิมในวันของเซนต์วาเลนไทน์แห่งเรเทีย (Saint Valentine of Raetia) ซึ่งตรงกับวันที่ 7 มกราคม เป็นต้น