“ต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ขิงแก่ในโลกโซเชียล

สมถวิล ลีลาสุวัฒน์ – เรื่อง

ไม่มีใครรู้หรอกว่า “เวลาที่ผ่านมา” กับ “เวลาที่เหลืออยู่” อย่างไหนจะมีมากกว่ากัน

เมื่อเกิดมาแล้ว จงใช้ “เวลา” ให้มีค่าและคุ้มค่าที่สุด เหมือนผู้ชายวัย 62 ปีคนนี้ที่ใช้เวลากับ “งาน” มากกว่า 24 ชั่วโมง จนกลายเป็น “ภาพจำ” ในฐานะ “พิธีกรจอมพลัง” ที่ไม่ยอมหลับยอมนอน ชีวิตทำแต่งานและคิดตลอดเวลา

วันที่โลกเปลี่ยนไป โลกใหม่ถาโถม “ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ยิ่งไม่หยุดนิ่งและกำลังปรับตัวสุดแรงเกิด เพื่อให้รายการ “ครัวคุณต๋อย” และ “ช่อง 3” มีที่ยืนและมีมูลค่าเพิ่ม ท่ามกลางสถานการณ์

ที่เหนื่อยหนักของอุตสาหกรรมทีวีที่แข่งขันดุเดือด

ประสบการณ์จากโลกใบเก่า ทำให้เขาเหมือนเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

…วันนี้ถ้าถามเรื่องไลฟ์สไตล์ นอกจากตีกอล์ฟและอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าแล้ว ผมก็มีแต่เรื่องงานที่ต้องคิด “ต่อยอด”

…ถ้าถามถึงเรื่องธุรกิจ ผมบอกเลยว่า ยึดมั่นอยู่กับ 3 ข้อ

1.รู้จักตัวเอง – เราต้องมองตัวเองให้ออก ให้รู้เราเป็นใคร เป็นสิ่งแรกที่สำคัญสุด เป็น Knowledge ขั้นพื้นฐาน เพราะการรู้จักตัวเองจะทำให้เรารู้จัก capacity รู้จัก ability คือรู้ว่า เรามีความสามารถอะไร จะใช้ได้อย่างไร

อย่างตัวผมอยู่ในธุรกิจบันเทิง อยู่กับทีวีก็ต้องรู้ว่า เราเจ้าใหญ่หรือเจ้าเล็ก แน่นอน “ช่อง 3” เจ้าของช่องคือเจ้าใหญ่ แต่เราเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ก็ต้องคิดละว่า “จะทำยังไงให้รอดในยุคนี้”

ในยุคที่สถานีโทรทัศน์มี 20 กว่าช่อง คนดูมีเรตติ้งเบี้ยหัวแตก กระจายทั่วทุกทิศทาง เป็นยุค “ส่ายเซ” จริง ๆ

“เราต้องถามตัวเองว่าอยากทำมั้ย ทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ก็รีบทำซะ อย่าช้า” อย่างครัวคุณต๋อยปัจจุบันเป็นเรตติ้งรายการครัวสูงที่สุดในประเทศ ที่เราคิดต่อยอดด้วยหนังสือ แต่โลกปัจจุบันหนังสือโอเคไม่เท่ากับแอปพลิเคชัน ไม่เท่ากับโลกโซเชียล เพราะคนเปลี่ยนวิธีการเสพแล้ว คนยังรักการอ่านอยู่ แต่เปลี่ยนช่องทางใหม่ ไม่น่าเชื่อคนแก่วัย 40-50 ปี เสพแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ ผมนี่รีบทำแอป ทำมาปีที่ 3 พบว่ามียูสเซอร์เยอะมากแต่ละวันแอ็กทีฟประมาณ 3 หมื่น ต่อไปก็ทำเว็บไซต์เราเอง และคิดทำทีวีอินเทอร์เน็ตต่อยอดที่ไม่ใช่ทีวีแบบช่อง เพราะทุกคนเห็นแล้ว

ธุรกิจทีวีแตกกระเจิง เละไปหมด ช่อง 3 ช่อง 7 ต้องจ่ายหนัก อินเทอร์เน็ตทีวีคิดไว้สองปีไม่ทันไร เฟซบุ๊กออกมา ยูทูบ อินสตาแกรมจากภาพนิ่ง ตอนนี้เคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊ก ๆ ทุกอย่างเร็วมาก พัฒนาตลอด คุณไล่ตามทันหรือเปล่า ?

“จริง ๆ แล้ว ตัวผมไม่ need แต่ลูกน้อง need ครัวคุณต๋อยเป็นความมหัศจรรย์ที่ลูกน้องอยากให้ทำ เหมือนจัด Event ใหญ่ จึงตั้งชื่อครัวคุณต๋อยเอ็กซ์โป เรามี goal ชัด จัดครั้งแรกที่เอ็มควอเทียร์ พื้นที่เล็กนิดเดียว 5,000 ตร.ม. มี 80 ร้านค้า จัด 3 วัน”

แต่คนเข้างาน 3-4 แสนคน เยอะมากจนห้างตกใจ เราเองก็ตกใจ ของหมดเร็วเกิน มาปีที่สองเราตัดสินใจมาที่ “ฮอลล์ 9 เมืองทอง” ซึ่งเป็นฮอลล์ปราบเซียนอยู่สแตนด์อะโลน เขาให้มาก็ดีอกดีใจ ไม่วุ่นวายกับใคร จนกระทั่งคนมาบอกอย่างนั้นอย่างนี้ (เสียงสูง)

“แต่โทษทีครับ จัด 4 วัน คนมางาน 8 แสน มากกว่าทุก ๆ มหกรรมที่เคยจัดที่นั่น เฉลี่ยเกือบ 2 แสนคนต่อวัน 200 ร้านค้าแฮปปี้ เจ้าของมาเองหมดเพราะเขาเชื่อถือเรา คนมางานก็อร่อย”

ข้อแม้รายการผมมีอย่างเดียวคือคุณต้องบอกสูตร และแบ่งปัน บางคนบอกว่า “อาต๋อยทำตามสูตรแล้ว ทำไมยังไม่อร่อย เป็นไปได้ว่า บอกสูตรไม่หมด ผมนี่ไม่ได้นะ ถ้าเขี้ยวมาก็เจอเขี้ยว (หัวเราะ ตาหยี เห็นฟัน) คุณต้องบอกชัด ๆ ว่าใส่อะไร เท่าไหร่”

“ที่ถามกันเยอะ ผมเตี๊ยมหรือเปล่า โทษทีครับ บางท่านที่ออกรายการเพิ่งเจอผมครั้งแรก ความเป็นตัวของตัวเองคือเสน่ห์ของคน บางคนประหม่าเราก็แหย่ รายการมันถึงสนุกไง”

แล้วเรื่องใช้ศัพท์คิดแล้วก็ขำ เช่น เราถามว่า ร้านตั้งที่ไหน เค้าตอบ “ร้านตั้งบนถนน…ตาย ๆๆๆๆ ตั้งบนถนนเลยเหรอ” หรือแซวเรื่องใส่ทอง “บางคนคิดว่าเราจะไปเอาของเขาจริง ๆ ปัดโธ่ ดูไม่ออกเลยเหรอว่าเขาเล่นกัน” (ยิ้ม)

มาถึงข้อที่ 2 – รู้โลก เรื่องนี้สำคัญมาก เราต้องรู้ว่า “โลกนี้ไปถึงไหนแล้ว โลกใหม่พูดภาษาอะไรกัน สื่อสารทางไหน แบบไหน”

ข้อที่ 3 – รู้กลุ่มเป้าหมาย เราต้องรู้ว่า ใครคือคนดู ใครคือลูกค้า เรื่องนี้สำคัญมาก ๆ “ซึ่งผมมีเป้าหมายชัดเจนคือเน้นเรื่องอาหารที่อยู่คู่กับมนุษย์ เป็นปัจจัยสี่ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายผมคือทุกคนที่อยากได้ความเป็นเลิศในการกิน ไม่จำกัดอายุ เพศ วัย รวย จน”

แล้วคำว่า “ถ้าไปต่างจังหวัด ไม่กินร้านนี้แล้วถือว่าผิด” ก็เป็นการสร้างจุดขาย เดิมไม่มีใครเห็นด้วย นายก็ว่า เซ็นเซอร์ก็ว่า แต่ผมขอต้องประโยคนี้ เพราะนี่คือครีเอทีฟไอเดียเหมือน “สิบคะแนนเต็ม ๆๆ” ที่โก๊ะตี๋พูด คนชอบนะ พวกผมแรงมาก ใช้ภาษาอำกันตลอด อย่างโก๊ะตี๋เป็นคนอ่างทอง บ้านนอกแท้ ๆ ก็อำว่า เกิดที่แพรีส (Paris) แต่ถ้าเรื่องจริง ผมมีกฎเหล็กว่า ห้ามโกหกเด็ดขาด

เรื่องจดหมายผมต้องการสื่อสารแบบ “ทูเวย์ คอมมูนิเคชั่น” อ่านให้สนุก เช่น คุณอาขา…

แต่ทุกอย่างบอกเลยว่า “เราผ่านกระบวนการคิดที่ละเอียดมาก เป็นรายการที่ตกผลึกแล้วถึงทำ ไม่ใช่ทำแล้วรอตกผลึก”

“ใจผมอยากบอกว่า นักเขียนกับนักพูดต่างกันนะ นักเขียนมีเวลาร้อยเรียง แต่นักพูดต้องมีบทในสมอง มีคำพูดอยู่ในหัวใจ ผมสอนลูกน้องเสมอ…สิ่งที่ง่ายที่สุด อย่าทำให้ยากที่สุด นิ้วมีห้านิ้ว จำอะไรก็ได้ที่จะพูด แต่อย่าให้เกิน 5 อย่าง เพราะสมองคนจำได้เท่านี้ ถ้าจำ 10 อย่าง ผมว่าผิดแล้ว”

ทุกวันนี้ “ไตรภพ” ยังเป็นคนบ้างาน ขี้เก๊ก และขี้เล่น นอนวันละแค่ 4 ชั่วโมง ถ้าว่างช่วงไหนเขาจะทำ “สมาธิ” ทันที ไม่ว่าจะอยู่บนรถ อยู่บ้าน ในสวน หรือในห้องนอน

แล้วชอบตื่นตอนตีสองตีสาม เพราะเป็นเวลาที่เขาคิดว่า “เงียบสงบและน่าทำงานที่สุด”

เขาบอกว่า “ในชีวิตนี้ไม่เคยกลัวอะไรเลย”

จะยอมรับความจริงทุกอย่าง เพราะตั้งแต่อายุ 8 ขวบก็อ่านหนังสือพุทธทาสแล้ว เป็นหนังสือที่หนาเท่ากับเยลโล่ เพจเจส สมัยนั้นยังเด็กก็ไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อได้อ่าน ได้ฝึกเกลา ทำให้เรารู้ เราเข้าใจ สิ่งใดจริง สิ่งใดเพ้อฝัน

ทุกวันนี้ “ไตรภพ” ยังคงเป็น “เสาหลัก” ของครอบครัว เพราะพ่อเสียตั้งแต่อายุ 5 ขวบ แม่เลี้ยงลูกถึง 4 คน ครั้นเมื่อตัวเองแข็งแรงก็ดูแลน้องต่อ 3 คน เป็นความภูมิใจลึก ๆ ของพี่ชายคนโต

วันนี้ “ขิงแก่ไตรภพ” แม้จะสู้กับงานหนักในโลกใบใหม่ แต่อีกมุมเขากำลังมีความสุขที่สุดกับครอบครัวตัวเอง มีภรรยาที่รู้ใจคุยกันได้ทุกเรื่อง และลูก 2 คน ชาย-หญิง ต่างออกเรือนแล้ว ทำให้หน้าที่ของพ่อครบสมบูรณ์

ล่าสุดกำลังเป็น “คุณปู่” ที่หลงหลาน นี่คือชีวิตบั้นปลายของขิงแก่วัยเกษียณที่ไม่ยอมเกษียณ