เรื่อง : รณดล นุ่มนนท์ ภาพ : วิทยา เทียมเศวต
ย้อนหลังไป 4 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ผมได้ต้อนรับเพื่อนร่วมงานคนใหม่มานั่งทํางาน ที่ห้องตรงข้ามกัน
เรียกว่า ถ้าเปิดประตูพร้อมกันจะเกิดการประจันหน้าแบบหลบไม่ทัน เพื่อนร่วมงาน คนใหม่นี้ไม่ใช่คนอื่นไกล คือ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ (ผู้ว่านก) ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนปัจจุบัน
ผมรู้จักท่านมาตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นอบรมหลักสูตร “ธนาคารคู่บ้านคู่เมือง” ในปี 2527 ซึ่งตอนนั้น เรายังอยู่ในวัยละอ่อนเรียนปริญญาตรีปี 3 ที่สหรัฐ และกลับมาประเทศไทยในช่วงปิดเทอม
ตลอดเวลาที่ทํางานด้วยกัน เราจะเดินเข้าออกสลับห้องกันหารือ ใช้เวลาในห้องประชุมที่อยู่ด้านข้างแบบเช้าจดบ่าย และเจอะเจอกันตรงหน้าห้องแทบทุกวัน
เรียกได้ว่าสนทนากันทั้งเรื่องงาน ที่ค่อนข้างเคร่งเครียด ไปจนถึงได้พูดคุยกันในเรื่องอื่น ๆ อย่างออกอรรถรสและเป็นกันเอง
หลายคน อาจจะมองผู้ว่านกว่ามีมาดนักเรียนนอก เคร่งขรึม เอาจริงเอาจัง พูดจาแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ทุ่มเท กับภารกิจและงานที่รับผิดชอบ ดูผิวเผินจะคิดว่าเป็นคนเข้าถึงยาก
แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าท่านมีมุมที่น่ารักและจริงใจ มีความ Caring ตรงไปตรงมา และใส่ใจในรายละเอียดของงานในทุกแง่มุม
ทุกคนได้ค้นพบตัวตนของท่านมากขึ้นในช่วง Press Trip เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เพราะท่านได้แปลงร่างเป็นจิตรกรตาม Theme งาน “อาชีพในฝัน” แต่ที่แปลกใจผู้เข้าร่วมงานมากกว่า นั่นคือ ในช่วงพักเบรก ได้ตั้งโต๊ะชงกาแฟ นํากระเป๋าที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ ตั้งแต่เครื่องชง เครื่องบด เครื่องชั่งน้ำหนัก ไปจนถึงเมล็ดกาแฟที่คัดสรรมาชงให้ดื่ม
ทําให้หลายคนทึ่งไปตาม ๆ กัน ถือว่าชีวิตของผู้ว่านก ไม่ธรรมดา มีมิติมากกว่าที่หลายคนคิด ทั้งกิจกรรมและงานอดิเรกที่รักและผูกพันมาตั้งแต่วัยเด็ก
ผมและน้อง ๆ หน้าห้องได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านถึงกิจกรรมและงานอดิเรกในช่วงชีวิตที่ผ่านมา อย่างเป็นกันเองเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ท่านเริ่มเกริ่นนําว่า ด้วยความเป็นลูกชายนักการทูต จึงเติบโตมาท่ามกลาง “การเดินทาง” ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท เพราะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศตามภารกิจของคุณพ่อ
แต่วิกฤตได้กลายเป็นโอกาส เพราะทําให้ได้มีเพี่อนที่หลากหลาย ได้มีโอกาสเรียนรู้ ปรับตัว กับสิ่งแวดล้อมใหม่ตลอดเวลา และช่วยให้อยากลองทําในสิ่งแปลกใหม่
โดยเฉพาะการได้ไปอยู่ในประเทศที่รอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติ อย่างประเทศออสเตรเลีย และประเทศในแถบทวีปยุโรป ทําให้ถูกปลูกฝังให้เป็นคนรักธรรมชาติ และรักสัตว์มาตั้งแต่เด็ก
เมื่อเห็นสัตว์เลี้ยงจะอดไม่ได้ ที่จะเดินเข้าไปหา และได้เลี้ยงกระต่ายคู่เพศผู้เพศเมียตอนที่ครอบครัวอยู่ที่อินเดีย จนทําให้ได้เลี้ยง กระต่ายเป็นฝูงสมใจ แต่เมื่อย้ายบ้านจําใจต้องให้คนอื่นดูแลแทน
จากนั้นจึงได้เลี้ยงสุนัขและแมว ตอนทํางานที่ธนาคารโลก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้เลี้ยงแมว 2 ตัว สุนัข 1 ตัว ที่นําไปด้วยทุกที่ มีความรักความผูกพันกับสัตว์ทุกตัวที่ได้เลี้ยงดู จดจําชื่อได้หมดจนถึงทุกวันนี้ แม้จะลาจากกันไปแล้ว โดยเฉพาะโครน่า คาลัว สุนัขพันธุ์บีเกิ้ล และเเมววิเชียรมาศ ที่เพิ่งสูญเสียไป
ปัจจุบัน ผู้ว่านกเลี้ยงสุนัขไร้บ้านที่รับมาจากสถานสงเคราะห์สัตว์ ซึ่งกว่าจะได้รับเลี้ยงสุนัข มีขั้นตอนสัมภาษณ์ท่านและภรรยา ในตอนแรกจะขอรับมาเลี้ยงเพียงตัวเดียว แต่เมื่อสถานสงเคราะห์ทราบว่าที่บ้านไม่มีคนคอยดูแลในช่วงกลางวัน จึงขอให้รับมาเลี้ยง 2 ตัว เพื่อที่จะได้เป็นเพื่อนกัน
พร้อมตั้งชื่อว่า เฉาก๊วย และเต้าฮวย ถือเป็นครั้งแรกที่เลี้ยงสุนัขพร้อมกัน 2 ตัว จนเห็นว่าการที่สุนัขอยู่ด้วยกัน ทําให้ไม่โดดเดี่ยว วิ่งเล่นกันสนุกสนานรอบบ้าน
เรียกว่ากลับจากที่ทํางาน ได้มาเล่นกับ เฉาก๊วยและเต้าฮวย ช่วยให้หายเหนื่อยและคลายเครียดได้เป็นอย่างดี
นอกจากนิสัยรักสัตว์แล้ว ท่านยังได้รับการปลูกฝังให้รักการวาดรูป ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจาก ญาติฝั่งคุณแม่ (นามสกุลเดิม “สถาปิตานนท์”)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากญาติ คือ คุณนิธิ สถาปิตานนท์ ที่เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะสถาปัตยกรรม ผู้ว่านกเริ่มต้นวาดภาพจากหนังสือการ์ตูน ก่อนมา วาดภาพลายเส้นขาวดํา ทั้งภาพคน ทิวทัศน์และธรรมชาติ
และเมื่อเห็นภาพวาดแกะสลักซุ้มประตู นครวัด นครธม พวกเราได้เข้าถึงอารมณ์ความเป็นจิตรกร และไม่แปลกใจที่เป็นอาชีพในฝันของท่าน
อย่างไรก็ดี ผู้ว่านกยอมรับว่าในช่วงรับตําแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติ ไม่มีเวลาวาดรูปเหมือนแต่ก่อน เพิ่งได้มีโอกาสวาดรูปธรรมชาติ ช่วงไปร่วมงานสัมมนาวิชาการที่สํานักงานภาคเหนือ เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการเลี้ยงสัตว์และการวาดรูปที่เป็นกิจกรรมที่โปรดปรานแล้ว ท่านยังชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก หัดเล่นกีฬาทุกชนิดที่ใช้มือและลูก สมัยเรียนที่อินเดีย ติดทีมโรงเรียนแข่งเบสบอล และเทนนิส ด้วยเป็นคนถนัดมือซ้าย จึงทําให้คู่ต่อสู้จับทางลําบาก
ปัจจุบันยังคงเล่นเทนนิสทุกสัปดาห์ เพราะสามารถช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดได้ดีที่สุด เนื่องจากต้องใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการตี และที่ไม่ธรรมดา คือยังจ้างโค้ชสอน โดยมี โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เป็นไอดอล
แต่กิจกรรมที่ถือว่าแอบชอบมานานตั้งแต่วัยเยาว์ คือการต่อโมเดลรถ โดยเฉพาะต่อโมเดลรถ Tamiya เพราะถือเป็นการฝึกฝนทั้ง Art and Craft ต้องวางแผนการประกอบทีละส่วน พ่นสีให้กลมกลืนกัน
เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ในการต่อครบครัน เมื่อเริ่มต่อแล้วจะลืมทุกสิ่ง ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ตรงหน้า ต่อได้เป็นชั่วโมง ๆ
แม้ตอนนี้ไม่ได้มีโอกาสได้ต่อแล้ว แต่ยังชอบที่จะซื้อโมเดลมาสะสมไว้ โดยหวังว่าช่วงหลังเกษียณจะได้นํามาต่อ ตอนนี้ก็ได้เพียงแต่พินิจพิเคราะห์โมเดลที่เคยต่อไว้สังเกต ในส่วนที่เห็นว่าจะนําไปปรับปรุงสําหรับโมเดลคันต่อ ๆ ไป
สําหรับเรื่องกาแฟ ไม่ต้องพรรณนามาก เพราะหลงรักเสน่ห์ในรสชาติและกลิ่นหอมกรุ่น ของกาแฟมานานแล้ว จนเกือบตัดสินใจจะยึดอาชีพเป็นบาริสต้า ศึกษาอย่างจริงจังถึงกาแฟพันธุ์ต่าง ๆ วิธีการชงที่ทําให้รสชาติแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์เดียวกัน
โดยเฉพาะการ Drip เพราะการชงมีหลากหลายวิธี บดกาแฟให้ละเอียดพอดี ชั่งน้ำหนักผงกาแฟให้ตรงมาตรวัด รวมทั้งอุณหภูมิของน้ำร้อนที่ผิดไม่ได้แม้องศาเดียว ซึ่งผู้ว่านกยังบ่นเสียดายว่า ตอนไป Press Trip อุณหภูมิ ในกระติกน้ำร้อนไม่คงที่ รสชาติจึงไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้
นอกจากกาแฟที่เป็นเครื่องดื่มที่โปรดปรานแล้ว ท่านยังมีความสนใจในเรื่องราวของเครื่องดื่มอย่างวิสกี้และไวน์ ที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ในตัวเอง และมีประวัติความเป็นมายาวนานไม่ต่างจากกาแฟ
ท้ายสุดความชอบของผู้ว่านกคงหนีไม่พ้นการเป็นหนอนหนังสือ นอกจากหนังสือด้านวิชาการแล้ว ยังชอบหนังสือประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะมีจุดพลิกผันในหลายช่วงเวลา ที่มีผลต่อเหตุการณ์ในตอนจบ
เช่น ยุทธการที่เดิงแกร์ก (Battle of Dunkirk) ที่นาซีเยอรมันไม่เผด็จศึก ปล่อยให้ทหารอังกฤษหนีจากชายฝั่งทะเลฝรั่งเศสลงเรือข้ามกลับไปยัง เกาะอังกฤษ นอกจากนั้น ยังชอบอ่านหนังสือแบบ Hard Copy ที่ได้อรรถรสกว่าการอ่านผ่าน e-Book และจะสั่งหนังสือจากสํานักพิมพ์แห่งหนึ่งในอังกฤษ ที่ใช้กระดาษที่มีคุณภาพ ถนอมสายตา มีกลิ่นหอม และการออกแบบปกที่สวยงาม ทําให้เพลิดเพลินไปกับการอ่าน
จากกิจกรรมของผู้ว่านกที่หลากหลาย ไล่เรียงตั้งแต่เลี้ยงสัตว์ เล่นเทนนิส จิตรกร หนอนหนังสือ จนถึงมือดริปกาแฟ ทําให้ผมหยอดคําถามว่า “ผู้ว่าทําเพื่ออะไร” ท่านนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนตอบกลับว่า การทํากิจกรรมและงานอดิเรกทั้งหมด คือ ความสุขทางใจ ที่ได้เห็นการพัฒนาตนเอง เช่น การชงกาแฟ การวาดรูป การต่อโมเดลรถ ล้วนแล้วแต่ทําให้เห็นถึงจุดที่ต้องทําให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
อย่างการต่อโมเดลรถ จะหยิบรถที่ต่อเสร็จแล้วขึ้นมาดู พร้อมสังเกตถึงจุดไหนที่ทําได้ดีแล้ว และจุดไหน ยังทํา ไม่ได้ดี ดังนั้น “เราทําอะไรแล้วดีขึ้น พัฒนาได้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก”
หัวใจสําคัญคือสามารถนํามาปรับปรุงการทํางาน ถอดบทเรียนที่พบเห็น อะไรที่เราทําได้แล้ว จะจดจําไว้ ตรงไหนที่ทําได้ไม่ดี เอามาทําให้ดีขึ้นในครั้งหน้า แล้วใช้เป็น “เข็มทิศของตัวเราเอง เพื่อไม่ให้เราหลงทาง”
เพราะบางครั้งการทําตามความรู้สึกของคนอื่น เราอาจไขว้เขวได้ง่าย เช่น เราเตรียมบรรยายมาอย่างดี คิดอย่างครบถ้วน แต่เราไม่มีทางทราบว่า คนฟังวันนั้นจะมีอารมณ์พร้อมรับฟังมากน้อยแค่ไหน แต่เรารับรู้และมั่นใจได้ว่าเราเตรียมตัวมาดีแล้ว
กิจกรรมและงานอดิเรกข้างต้นเป็นมุมหนึ่งที่ไม่ลับของผู้ว่าการ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ สะท้อนถึงความใส่ใจในทุก ๆ เรื่องที่รักและผูกพัน ถือเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นบ่งบอกถึงตัวตนของท่านได้อย่างชัดเจน