
ผู้เขียน : ปดิวลดา บวรศักดิ์
“เยาวราช” เป็นย่านเก่าแก่ที่ไม่มีวันหลับใหล เต็มไปด้วยความพิเศษมากมาย ทั้งวิถีชีวิตของผู้คน ศาสนสถานอันเลื่องชื่อ รวมไปถึง “อาหาร” รสเลิศที่หากินไม่ได้ทั่วไป ไม่ว่าคนไทยหรือต่างประเทศ หากมาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ จะต้องมีชื่อเยาวราชติดโผอยู่ในลิสต์ที่ต้องมาเยี่ยมเยียนให้ได้อย่างแน่นอน
“ศิลปวัฒนธรรม” ผู้นำคอนเทนต์ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปะ และวัฒนธรรม ในเครือมติชน ต้องการเชื่อมโยงอาหารเข้ากับมิติประวัติศาสตร์ จึงจัดงานใหญ่ส่งท้ายปี SILPA SAVOURY “ชิมประวัติศาสตร์ เยาวราชครบรส” เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่ร้านจกโต๊ะเดียว ตำนานร้านเด็ดแห่งเยาวราช สานต่อความสำเร็จของ SILPA SAVOURY “ชิมประวัติศาสตร์ผ่านปลาร้า น้ำปลา กะปิ” เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ประสบความสำเร็จมาก

รวมทั้ง “เฮียจก” สมชาย ตั้งสินพูลชัย (กลาง) ให้การต้อนรับสมชาย แซ่จิว (ขวา)
และนิวัต วงศ์พรหมปรีดา (ที่ 2 จากซ้าย)
SILPA SAVOURY “ชิมประวัติศาสตร์ เยาวราชครบรส” ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากซอสภูเขาทอง “เพราะทุกจานมีเรื่องราว” โดย บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) พาทุกคนลัดเลาะเยาวราช ชุมชนที่มีพัฒนาการตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อวลด้วยประวัติศาสตร์ทุกอณู ทั้งยังโดดเด่นเรื่องอาหารที่เป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” อันทรงพลังของประเทศ

ภายในงานมีผู้บริหารเครือมติชน อาทิ สุรพล พิทยาสกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาด ศรวิษฐ์ บุญเกื้อ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณา และ “เฮียจก” สมชาย ตั้งสินพูลชัย ผู้ก่อตั้งร้านจกโต๊ะเดียว ร้านที่ได้ชื่อว่าเป็นเชฟ เทเบิล แห่งแรก ๆ ของไทย ให้การต้อนรับผู้ร่วมงาน
อาทิ นิวัต วงศ์พรหมปรีดา ที่ปรึกษาฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) ศศิเพ็ญ ไตรโสภณ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักยุทธศาสตร์ข้อมูลและการสื่อสาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผศ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ฯลฯ
เต็มอิ่ม 3 กิจกรรมที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี เรียกได้ว่ามางานนี้งานเดียว ได้สัมผัสบรรยากาศเยาวราชแบบครบรสสมชื่องาน !

TOUR “ขอพรสุดปัง 2 ศาล ยี่กอฮง-ย่าแฟง”
ท่ามกลางความคึกคักของเยาวราช “สมชาย แซ่จิว” ผู้เชี่ยวชาญวัฒนธรรมจีน นำผู้ร่วมทริปมูเตลู 2 ศาลดัง

เริ่มต้นที่ “ศาลพ่อปู่เจ้ายี่กอฮง” บนสถานีตำรวจพลับพลาไชย ที่ขึ้นชื่อเรื่องโชคลาภ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงยี่กอฮง นายอากรบ่อนเบี้ย ผู้มีส่วนร่วมก่อตั้งคณะเก็บศพไต้ฮงกง ที่ต่อมาคือ “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง”
ปิดท้ายที่ “ศาลย่าแฟง” ภายในวัดคณิกาผล วัดที่ย่าแฟง เจ้าสำนักโสเภณีชื่อดังแห่งเยาวราชเป็นผู้สร้าง ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรความรักและโชคลาภ

TALK “ไฟทำอะไรก็อร่อย”
หลังจากเดินทัวร์ไหว้ขอพร 2 ศาลศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ “ร้านจกโต๊ะเดียว” ฟังทอล์กสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของ “เฮียจก-สมชาย ตั้งสินพูลชัย” เจ้าของร้านจกโต๊ะเดียว ร้านเชฟ เทเบิล แห่งแรก ๆ ของไทย ที่ต้องจองคิวเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้ลิ้มรส
“เฮียจก” เผยชีวิตวัยเด็ก เรื่องส่วนตัว และการถือกำเนิดของร้านแห่งนี้ไว้ว่า เฮียจกคลุกคลีกับ “ปู” ตั้งแต่เด็ก สามารถดูปูได้เป็นอย่างดี จนเรียกได้ว่าเชี่ยวชาญ ทั้งยังบอกว่าสมัยก่อนปูที่ดีที่สุดคือปูที่ ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
ส่วนที่มาของร้านจกโต๊ะเดียวนั้น เฮียจกเล่าว่า เกิดจากการขนส่งอาหารทะเลในประเทศที่ลดน้อยลง จึงเปลี่ยนมาขายอาหารแทน เพราะมีประสบการณ์เรื่องคัดสรรวัตถุดิบตั้งแต่เด็ก และรู้วิธีนำเสนอแต่ละเมนูให้ถูกปากคนกิน

จากนั้น “สมชาย แซ่จิว” ผู้เชี่ยวชาญวัฒนธรรมจีน ก็รับช่วงเล่าเกร็ดน่ารู้ของ “ไฟ” หัวใจของอาหารจีน โดยมี “อัญชัญ พัฒนประเทศ” ผู้ประกาศข่าวมติชนทีวี ดำเนินรายการ
สมชายแชร์เคล็ดลับความอร่อยเกี่ยวกับอาหารจีนว่า ไฟคือสิ่งสำคัญ เพราะวัฒนธรรมจีนถือว่า ก่อนจะรับรสชาติอาหารเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด จะต้องรับรสควันก่อน จนเกิดสำนวน “กินควันกินไฟในเมืองมนุษย์”
“ไฟคือสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์เปลี่ยนจากอนารยชนเป็นอารยชน เป็นรากฐานของอารยธรรม ไฟทำให้อาหารสุก เพราะเมื่อก่อนคนกินดิบ ดังสำนวน ‘กินขน ดื่มเลือด’ เมื่อมีการค้นพบไฟ ทำให้มนุษย์หันมา ‘ขบไฟเคี้ยวควัน’ คนจีนเลยถือว่า มีแต่คนเถื่อนที่กินอาหารไม่ผ่านไฟ” สมชายกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญวัฒนธรรมจีนยังพูดถึงกรรมวิธีการทำอาหารจีนอย่าง “หวอกเฮย” หรือฮั่วชี่ ด้วยเช่นกัน คือการเอาน้ำมันใส่กระทะจนร้อนจัด แล้วเทน้ำมันออก จากนั้นเอาน้ำมันใหม่ใส่เข้าไป แล้วผัด มือขยับตลอดเวลา
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่ากลิ่นกระทะ ซึ่งไม่ใช่ใครก็ทำได้ ต้องเก่งจริง ๆ แล้วย้ำด้วยว่า ไฟสำคัญกับการทำอาหารจีนมาก จนเกิดคำกล่าวที่ว่า “1 เดือนฝึกตะหลิว 3 เดือนฝึกมีด ชั่วชีวิตฝึกคุมไฟ”


TASTE ลิ้มรสฝีมือ “เฮียจก”
เมื่อจบช่วงทอล์ก ก็ถึงวินาทีที่ทุกคนต่างรอคอย นั่นคือการรับประทานอาหารรสเลิศที่เฮียจกจัดเต็มถึง 9 เมนู ไล่เรียงตั้งแต่แปะก๊วยคั่ว เกี๊ยวกุ้ง ปลาหิมะเจี๋ยนซีอิ๊ว ก้ามปูนึ่งซีอิ๊ว กุ้งแชบ๊วยผัดคะน้าฮ่องกงซอสเอ็กซ์โอ เมนูพิเศษ “ปูเกาเหลียง” ขาห่านอบหมี่ ข้าวผัดโบราณ ปิดท้ายด้วยของหวานซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง “เผือกหิมะ”
ภายในงาน “ศิลปวัฒนธรรม” ยังมอบของขวัญสุดพิเศษ คือหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร 2568” (สำนักพิมพ์มติชน) ที่อัดแน่นคำทำนาย ทั้งดวงเมือง พยากรณ์ดวงชะตาชีวิต การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ จากทีมโหราจารย์ชั้นนำแก่ผู้ร่วมงาน เอาไว้ให้เสริมความปังต้อนรับปีใหม่ เช็กดวง วางแพลนชีวิตในปี 2568 อีกด้วย
เรียกได้ว่ามางาน SILPA SAVOURY “ชิมประวัติศาสตร์ เยาวราชครบรส” ครั้งนี้ ทั้งอิ่มท้อง อิ่มความรู้คู่ความสนุก ถือเป็นความประทับใจส่งท้ายปีอย่างแท้จริง