เช็กลิสต์สำคัญ 9 สิ่งที่ควรทำ-ไม่ควรทำ วันตรุษจีน มีอะไรบ้าง ?

รู้จักที่มาของวันตรุษจีน พร้อมบอก 9 สิ่งที่ควรจะทำเพื่อรับโชคลาภ และเป็นสิริมงคลตลอดปี และ 9 สิ่งไม่ควรทำ ที่อาจก่อให้เกิดความโชคร้าย และเรื่องราวไม่ดีที่จะเกิดขึ้นตลอดปี มีอะไรบ้าง ?

หนึ่งในเทศกาลสำคัญของชาวจีน ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินคล้ายกับวันสงกรานต์ของไทย มีที่มาจากความตั้งใจฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาล ประเทศจีนจะปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ จนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ คนจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า “วันตรุษจีน”

คนจีนทุกคนให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างมาก ทั้งการหยุดงาน และโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาปิดเทอม เพื่อจัดเตรียมงานฉลองที่มีเวลานานถึง 15 วัน ซึ่งการเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่ม 1 เดือนก่อนวันตรุษจีน อย่างการเริ่มซื้อของขวัญ, ตกแต่งบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า และทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชั้นบนลงมาชั้นล่าง เพื่อการกวาดเอาโชคร้ายออกไป และเพื่อต้อนรับเรื่องราวดี ๆ ที่จะเข้ามา

ประชาชาติธุรกิจ รวม 9 สิ่งควรทำ และสิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีนไว้ ดังนี้

9 สิ่งควรทำ

กินเจมื้อเช้า

ชาวจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรกของวันตรุษจีน (ชิวอิก) เพราะถือว่าเป็นอาหารมื้อแรกของปี อีกทั้งชาวจีนยังเชื่อว่าถ้ากินเจมื้อแรกในวันตรุษจีนจะได้บุญเหมือนกับการกินเจตลอดทั้งปี

ADVERTISMENT

ทำความสะอาดบ้าน

การทำความสะอาดบ้านก่อนวันตรุษจีนเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดีและพลังงานลบออกไปจากบ้าน โดยสามารถทำล่วงหน้าก่อน 1-2 วัน แต่ต้องระวัง ไม่ควรทำความสะอาดในวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่าจะกวาดโชคลาภออกจากบ้าน ควรจัดระเบียบบ้านให้เรียบร้อย และทิ้งสิ่งของที่ชำรุดหรือไม่ได้ใช้งาน และเน้นการเช็ดกระจกและประตูบ้าน เพื่อให้บ้านดูโปร่งโล่งและเชิญโชคลาภเข้ามาเพื่อเปิดรับพลังงานใหม่ ๆ และโชคลาภ

ADVERTISMENT

จัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้า

การจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้า เช่น ไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยจัดเครื่องเซ่นไหว้อย่างครบถ้วน อาทิ อาหารคาว-หวาน, เครื่องดื่ม และผลไม้มงคลที่นิยมใช้ ได้แก่ ส้ม ตัวแทนโชคลาภ, แอปเปิล ตัวแทนความสงบสุข และองุ่น ตัวแทนของความมั่งคั่ง เพื่อแสดงความกตัญญูและขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง หรือมีสีดำ

พูดจาไพเราะ

วันตรุษจีนควรพูดคำที่มีความหมายดีและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในครอบครัว ด้วยความเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อปีใหม่ที่กำลังเริ่มต้น นอกจากนั้นก็ควรที่จะเริ่มต้นวันด้วยคำอวยพร เช่น ขอให้ร่ำรวย เฮง ๆ ตลอดปี และหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องเศร้าหรือการทะเลาะวิวาท

แจก-รับอั่งเปา

การแจกและรับอั่งเปาในวันตรุษจีนเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเสริมโชคลาภ อั่งเปามักจะใส่เงินจำนวนเป็นเลขคู่ นิยมให้เป็นจำนวนเลข 8 เพราะเลข 8 เป็นเลขมงคล มีความหมายในภาษาจีนว่า ร่ำรวย รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ และเป็นธนบัตรใหม่ที่ไม่มีรอยยับ และแจกด้วยความยินดี เพื่อแสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งเด็ก ๆ ที่ได้รับอั่งเปาก็ควรกล่าวคำอวยพรกลับไป เช่น ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

ทำบุญเสริมดวงชะตา

การทำบุญในวันตรุษจีนเป็นการเสริมสิริมงคลและความโชคดีให้กับชีวิต การไปไหว้พระที่วัดจีนด้วยดอกไม้ ธูป และเทียนที่สะอาด หรือทำบุญบริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้จะช่วยเพิ่มพลังบวกและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง

สวมเสื้อผ้าสีมงคล

การสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงหรือสีสดใสในวันตรุษจีนเป็นสิ่งที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมความโชคดี สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล ความสุข และความเจริญรุ่งเรือง เลือกเครื่องประดับที่มีสีทองเพื่อเสริมความมั่งคั่ง และหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีขาวหรือดำ เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเศร้า

รับประทานอาหารมงคล

อาหารที่รับประทานในวันตรุษจีนล้วนมีความหมายที่ดี เช่น ปลา สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์, บะหมี่ สัญลักษณ์ของการอายุยืนยาว และเกี๊ยว สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เนื่องจากมีลักษณะเหมือนเงินของจีน ให้ความหมายว่า ให้มั่งมีเงินทอง การรับประทานอาหารเหล่านี้จะช่วยเสริมโชคชะตาให้ดียิ่งขึ้น และหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีความหมายไม่ดี เช่น เนื้อสัตว์ที่ห้ามในวันสำคัญของบางครอบครัว

ติด “ตุ๊ยเลี้ยง” หน้าบ้าน

คำอวยพรที่เขียนจะประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ทำมาค้าขึ้น ให้มั่งมีเงินทอง ติดตามสองข้างประตูบ้าน และมีอีกแผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก เขียนคำว่า “ชุก ยิบ เผ่ง อัง” แปลว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย

รวมทั้งติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า “หนี่อ่วย” ซึ่งเป็นภาพมงคลของจีน ถือเป็นงานศิลปะที่สำคัญอีกอย่างนอกเหนือจากการตัดกระดาษ มักติดที่ประตูหน้าบ้าน

9 สิ่งห้ามทำ

ห้ามสระ-ตัดผม

เนื่องจากคำว่า “ผม” พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า “มั่งคั่ง” ดังนั้นการสระหรือตัดผม มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป คนจีนจึงไม่นิยมตัดผมในวันตรุษจีน

ห้ามพูดคำหยาบ

คนจีนเชื่อว่าเราต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่ทะเลาะกับอื่น ไม่อารมณ์เสียตลอดทั้งวัน หากใครทำได้จะทำให้ปีนั้นตลอดทั้งปีพบเจอแต่ความสุข เพราะการพูดคำหยาบเป็นพลังงานลบที่นอกจากจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวแล้ว ยังทำให้เสียบรรยากาศในวันรวมญาติอีกด้วย

ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์

ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้นการกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชค จึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ

ห้ามซักผ้า

คนจีนเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งสายน้ำเกิดในวันตรุษจีน การซักผ้าหรือใช้น้ำถือเป็นการลบหลู่เทพเจ้าแห่งสายน้ำนั่นเอง และน้ำก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง การที่ซักผ้าแล้วเทน้ำ ก็เหมือนเป็นการเทความมั่งคั่งออกไปนั่นเอง ถ้าจะซักผ้า ต้องซักก่อน หรือซักหลังจากวันที่ 2 เป็นต้นไป

ห้ามใส่ชุดขาวดำ

เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำเป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย คนจีนจึงไม่นิยมใส่เสื้อสีเหล่านี้ในวันตรุษจีน

ห้ามให้ยืมเงิน

คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้มีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอดทั้งปี คนจีนที่ถูกยืมเงินจึงจะเลี่ยงการปฏิเสธว่าไม่มี ด้วยการพูดว่า “มีเงิน แต่ไม่ให้ยืม” และถ้าใครที่ติดเงินคนอื่นก็ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี

ห้ามทำของแตก

ในวันตรุษจีนทุกบ้านควรเก็บแก้วน้ำ จานแก้ว แจกัน หรือสิ่งของที่สามารถแตกได้ให้พ้นมือเด็ก ๆ เพราะคนจีนมีความเชื่อว่าถ้าใครทำของแตกถือเป็นลางร้าย จะมีคนในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย และห้ามใช้ของมีคม เพราะคนจีนเชื่อว่าการใช้ของมีคมตัดอะไรสักอย่างเป็นเหมือนการตัดโชคลาภ

แต่หากทำของแตกโดยไม่ตั้งใจจะมีการแก้เคล็ดด้วยการพูดว่า “luo di ka hua” แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น

ห้ามซื้อรองเท้าใหม่

คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ หรือซื้อหนังสือ เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีน ออกเสียงว่า Hai คล้าย ๆ กับเสียงถอนหายใจ และคำว่าหนังสือ 书 / shū พ้องเสียงกับคำว่า 失去 / shīqù แปลว่า สูญเสีย ถือว่ามีความหมายไม่มงคล เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี

ห้ามร้องไห้

คนจีนเชื่อว่าถ้าใครร้องไห้ในวันตรุษจีน จะทำให้ปีนั้นตลอดทั้งปีมีเหตุให้ต้องเสียน้ำตาบ่อย ๆ ซึ่งถือเป็นลางที่ไม่ดี และในวันนั้นพ่อแม่จะพยายามไม่ทำโทษเด็ก ๆ ให้ร้องไห้อีกด้วย