
ต้อนรับปีมะเส็ง เรารู้จักตรุษจีนดีแค่ไหน เปิด 5 เกร็ดประวัติตรุษจีน ฉบับ “ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน”
เทศกาลตรุษจีน มรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของโลก และขุมทรัพย์แห่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ แต่นอกจากในแง่มุมของประเพณี พิธีกรรม และการเฉลิมฉลองอันเลื่องชื่อนี้ เรารู้จักตรุษจีนดีแค่ไหน “ท็อปส์” จึงผนึกกำลัง “ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน” หรือ “เฮียวิทย์” ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ร่วมสมัย พาทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปยังช่วงก่อกำเนิดวัฒนธรรมจีน มาดูกันว่าเทศกาลตรุษจีนมีมาตั้งแต่เมื่อไร และหลากหลายกิจกรรมที่นิยมทำกันในวันตรุษจีน แฝงความหมายสำคัญเอาไว้อย่างไร
เปิดที่มาตรุษจีน เทศกาลแห่งความกตัญญู
ดร.วิทย์ เล่าถึงความเป็นมาของตรุษจีน หรือปีใหม่ของชาวจีนว่า หลายคนมักถามว่า “ทำไมคนจีน จึงไม่กำหนดให้วันที่ 1 มกราคมเป็นวันตรุษจีนเหมือนวันปีใหม่สากล” นั่นเพราะวันที่ 1 มกราคม คือวันเริ่มต้นปีที่นับตามปฏิทินแบบสุริยคติ (Gregorian Calendar) แตกต่างกับปฏิทินแบบจันทรคติ (Lunar Calendar) ที่ชาวจีนยึดถือ ซึ่งปฏิทินแบบจันทรคตินี้ จะกำหนดให้วันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันแรกของปี สังคมจีนที่ให้ความสำคัญกับฤดูกาลเพาะปลูก จึงปักหมุดหมายให้การมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ หรือที่ในภาษาจีนเรียกว่า “ชุนเจี๋ย” เป็นวันเริ่มต้นศักราชใหม่
ในอดีต โลกมนุษย์อิงกับฤดูกาลมาตลอด และสังคมส่วนมากก็เป็นสังคมเกษตรกรรม สังคมจีนก็เช่นเดียวกัน ตรุษจีนถือกำเนิดขึ้นโดยเชื่อมโยงกับฤดูกาลเพาะปลูก หรือวันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิเป็นวันแรกของปี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เชื่อมโยงกับความเป็นสิริมงคล
คำถามต่อมาก็คือ “แล้วอะไรที่จะแสดงถึงความเป็นสิริมงคล” คงต้องย้อนกลับไปมองที่ปรัชญาในการใช้ชีวิตของชาวจีนอย่างหลัก “ขงจื๊อ” หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “หยูเจีย” โดยหนึ่งในค่านิยมของปรัชญาขงจื๊อคือการแสดงความกตัญญูกตเวที
ชาวจีนจึงถือว่าการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เป็นสิ่งมงคลที่ต้องทำในวันตรุษจีน และนอกเหนือจากการแสดงความเคารพต่อบุพการี ยังต้องเสริมความมั่งมีศรีสุขให้กับชีวิตด้วย จึงมีการกราบไหว้เทพเจ้าเพิ่มเข้าไป ซึ่งเทพเจ้าที่คนจีนนิยมสักการะกันมากในเทศกาล ก็คือ “เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย” ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเอง ดร.วิทย์ กล่าว
ถอดรหัสของไหว้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในตรุษจีน
ดร.วิทย์ กล่าวว่า หากพูดถึงการเซ่นไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าแล้ว อีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ของไหว้ หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าคนจีนมีวิธีการเลือกของเซ่นไหว้อย่างไร คำตอบก็คือวิธีคิดเชิงกุศโลบายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งของเหล่านั้น เป็นต้นว่า สิ่งตามลักษณะแสดงถึงความเป็นมงคล เช่น ตำลึงเงิน ตำลึงทอง หรือสิ่งใดก็ตามที่แสดงถึงความยืนยาว เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว ก็จะถูกนำมาใช้เป็นของไหว้
นอกจากลักษณะภายนอกแล้ว ชาวจีนยังมีการใช้คำพ้องเสียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคลเช่นกัน เช่น ส้ม ภาษาจีนเรียกว่า เฉิง พ้องเสียงกับคำว่า เฉิงกง ที่แปลว่าสำเร็จ, ปลา ภาษาจีนเรียกว่า ยวี๋ พ้องเสียงกับคำว่า ยวี๋ ที่แปลว่าเหลือกิน เหลือใช้ หรือ แอปเปิ้ล ภาษาจีนเรียกว่า ผิงกั่ว ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า ผิงอัน ที่แปลว่าปลอดภัย เป็นต้น
‘อั่งเปา’ สิ่งแรกที่นึกถึง พร้อมความหมายที่ซ่อนอยู่
ดร.วิทย์ กล่าวว่า เมื่อพูดถึงวันตรุษจีน สิ่งแรกที่คนจะนึกถึงเลยก็คือการให้ “อั่งเปา” เพราะนอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ (มนุษย์กับฤดูใบไม้ผลิ) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองด้วย
วิธีคิดที่มาคู่กับความกตัญญูกตเวที ก็คือการจุนเจือบริวาร คนที่เป็นผู้ใหญ่ สามารถหารายได้ด้วยตัวเองได้แล้ว จึงนิยมมอบอั่งเปาให้กับบริวาร อาจเป็นลูกหลาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อจรรโลงจิตใจให้ลดความตระหนี่
อย่างไรก็ดี กุศโลบายคำพ้องเสียงสะท้อนความเป็นมงคลก็ถูกนำมาใช้กับการให้อั่งเปาเช่นกัน ชาวจีนจึงไม่นิยมให้อั่งเปาตามจำนวนเงินที่มีเลข 4 เนื่องจากในภาษาจีน คำว่า ซื่อ ที่แปลว่า 4 ออกเสียงคล้ายคำว่า สื่อ ซึ่งมีความหมายไม่เป็นมงคล นอกจากนี้ ชาวจีนยังเชื่อในเลขคู่ ทำอะไรให้ทำเป็นคู่ เวลาให้อั่งเปา จึงนิยมให้เป็นเลขคู่
ส่องเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทย
ดร.วิทย์ กล่าวว่า องค์ประกอบต่าง ๆ ในเทศกาลตรุษจีน ทั้งการกราบไหว้บรรพบุรุษ การบูชาเทพเจ้า ของไหว้ และอั่งเปา ล้วนเป็นแนวปฏิบัติดั้งเดิมที่มาจากชาวจีนที่ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม และมีสัดส่วนของ “หัวเฉียว” หรือชาวจีนโพ้นทะเลที่กระจายไปอยู่ตามประเทศต่าง ๆ หลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งจีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง จีนฮกเกี้ยน และไหหลำ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ใดก็ตาม ชาวจีนโพ้นทะเลยังคงยึดถือในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม
ทั้งนี้ ด้วยความที่ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณธัญญาหารมากมาย คนเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในไทยจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีน โดยนิยมไหว้หมู เห็ด เป็ด ไก่ พร้อมด้วยผลไม้และของมงคลต่าง ๆ อย่างเต็มที่ การเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในไทยจึงยิ่งใหญ่ และเป็นที่นิยมไม่แพ้ต้นอารยธรรมอย่างจีนแผ่นดินใหญ่เลยทีเดียว
ตรุษจีนต่อไปจะเป็นอย่างไร
ดร.วิทย์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของเทศกาลตรุษจีน มาจากการเฉลิมฉลองฤดูกาลแห่งการเพาะปลูก ก่อนเติมเต็มด้วยความเชื่อและค่านิยมมากมาย จนกลายเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน ดังนั้น เชื่อว่าเทศกาลนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป แต่อาจมีวิวัฒนาการเพิ่มเติมไปตามยุคสมัย เช่น บางคนไม่ทานเนื้อสัตว์ ในอนาคตอาจมีคนคิดทำชุดของไหว้แบบมังสวิรัติ หรือบางคนก็เริ่มคิดในเชิง Practical มากขึ้น ว่าของไหว้ที่ถวายเทพเจ้าไปแล้วจะนำไปใช้ทำอะไรต่อ ของไหว้ก็อาจจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นของที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้มากขึ้น
“ไม่ว่าในวันข้างหน้า วิวัฒนาการของตรุษจีนจะเป็นอย่างไร แก่นสารของเทศกาลตรุษจีนก็ยังคงเป็นเช่นเดิม คือการแสดงความเคารพต่อธรรมชาติและบรรพบุรุษ และแม้ปัจจุบัน จีนจะส่งจรวดไปสำรวจดาวอังคารได้แล้ว แต่ชาวจีนก็ยังให้ความสำคัญกับรากเหง้าของตน และยังคงประกาศว่าวันหยุดแห่งชาติคือเทศกาลตรุษจีนดังเช่นในอดีต”