
กระทรวงวัฒนธรรม ยินดี ครม.ไฟเขียว เอกสารเสนอ วัดพระมหาธาตุฯ นครศรีธรรมราช เร่งดันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแหล่งที่ 6 ของไทย และมรดกโลกแห่งแรกของภาคใต้
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เผยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเอกสารนำเสนอขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ฉบับสมบูรณ์ของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมให้เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการเพิ่มขีดความสามารถ ซึ่งในส่วนของโบราณสถานนั้นจะมีการเสริมสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรม
จะมีการยกระดับการบริการของพิพิธภัณฑ์โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ และมีการส่งเสริม สร้างสรรค์ทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ โดยให้มีแหล่งมรดกโลกครบทุกภูมิภาคและเร่งการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก
หลังจากที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้นำเสนอเอกสารขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ฉบับสมบูรณ์ ของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังศูนย์มรดกโลก
หากวัดพระมหาธาตุฯ จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแหล่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกในภาคใต้
จะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่นและประเทศไทย เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก
กระบวนการพิจารณา
สำหรับกระบวนการพิจารณาประกาศขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) มีดังนี้
1.ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 ดำเนินการจัดส่งเอกสารขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ฉบับสมบูรณ์ถึงศูนย์มรดกโลก
2.เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2568 ศูนย์มรดกโลกนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการประเมิน ซึ่งอาจมีการประสานจากศูนย์มรดกโลก เพื่อแจ้งการได้รับเอกสาร ความคืบหน้า หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม
3.เดือนสิงหาคม 2568 เป็นต้นไปจะเข้าสู่กระบวนการตรวจประเมินประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การประเมินศักยภาพของแหล่งในพื้นที่, การประเมินคุณค่าของแหล่งตามเอกสารที่นำเสนอและการตอบข้อซักคำถาม
4.เดือนพฤษภาคม 2569 ศูนย์มรดกโลกจะรวบรวมความเห็นขององค์กรที่ปรึกษาฯ และจัดทำร่างมติผลการพิจารณาประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกแจ้งต่อรัฐภาคี และพิจารณาบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ และเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2569 คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาตัดสินการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก
วัดพระมหาธาตุฯ เข้าเกณฑ์มรดกโลก
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุรายชื่อในบัญชีชั่วคราว (Tentative List) ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 โดย กระทรวงวัฒนธรรมในฐานะคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรมได้มอบหมายกรมศิลปากรให้คำปรึกษาแนะนำการปรับปรุงเอกสารนำเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ของแหล่งวัดพระมหาธาตุฯ อย่างใกล้ชิด ในการปรับเปลี่ยนและเลือกเฟ้นคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (Outstanding Universal Value หรือ OUV) ที่แสดงถึงคุณค่าความสำคัญในระดับโลกของวัดพระมหาธาตุฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยได้มีการส่งร่างเอกสารไปขอรับการตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบและความครบถ้วนของเอกสารจากศูนย์มรดกโลก เมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยแหล่งวัดพระมหาธาตุฯ มีคุณสมบัติสอดคล้องกับเกณฑ์ของมรดกโลกที่เลือกนำเสนอ จำนวน 2 ข้อ ดังนี้
เกณฑ์ข้อที่ 2 วัดพระมหาธาตุแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางศาสนา ความต่อเนื่องทางจิตวิญญาณ และองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนถึงอิทธิพลทางศาสนาและรูปแบบศิลปะ จากศาสนาฮินดู พุทธศาสนามหายาน และพุทธศาสนาเถรวาท ที่ได้รับการถ่ายทอดทั่วทั้งตอนใต้ของเอเชียภาคพื้นสมุทรมาเป็นเวลาประมาณ 1,500 ปี
วัดพระมหาธาตุมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หลากหลายและทรงคุณค่าซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแหล่งที่สำคัญในภูมิภาคนี้ เช่น ศิลปะปาละจากนาลันทา ศิลปะชวาภาคกลาง ศิลปะศรีลังกา และศิลปะมอญจากเมียนมาทางตอนใต้ จึงเป็นตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนทางศาสนาและสถาปัตยกรรมในมวลมนุษย์อย่างชัดเจน
โดยรูปแบบสถาปัตยกรรม การปฏิบัติทางพุทธศาสนา และประเพณีที่ยังคงดำรงอยู่ของอารามแห่งนี้ ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
เกณฑ์ข้อที่ 6 วัดพระมหาธาตุเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของเมืองที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางของประเพณีที่ยังดำรงอยู่ด้วยระบบความเชื่อที่หลากหลาย ซึ่งได้ผสมผสานระหว่างความเชื่อพื้นเมืองดั้งเดิม ความเชื่อในศาสนาฮินดู และพุทธศาสนาในกาลต่อมา
ดังเห็นได้จากการบูชา การทำบุญ และประเพณีประจำปี ลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีที่ยังสืบทอดอยู่ในอารามแห่งนี้ เช่น พิธีแห่ผ้าขึ้นธาตุ การแสดงโนรา การบูชาบรรพบุรุษ พิธีพราหมณ์ งานศิลปะเฉพาะถิ่น และประเพณีท้องถิ่น ต่างสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กับชุมชนรายรอบอย่างชัดเจน
อีกทั้งเป็นแนวทางให้กับอารามและชุมชนอื่น ๆ บนคาบสมุทรภาคใต้ของไทยและภูมิภาคอื่น ๆ ได้ปฏิบัติตามอีกด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งมรดกวัฒนธรรมที่ได้รับการบรรจุรายชื่อในบัญชีชั่วคราว (Tentative List) จำนวน 5 แหล่ง ได้แก่
- วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จังหวัดนครศรีธรรมราช
- กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด
- อนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา
- พระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง
- สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา
นอกจากนี้ ประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกวัฒนธรรมที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก (World Heritage Sites) จำนวน 5 แห่ง ได้แก่
- นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
- เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร
- แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
- เมืองโบราณศรีเทพและโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง
- ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา