
เปิดรายได้ 7 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทย โปรดักชั่นสุดอลังการมีทุนสร้างเท่าไหร่ ผลตอบรับดีแค่ไหน และประสบความสำเร็จหรือไม่ในวงการภาพยนตร์ไทย
ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา แฟนหนังไทยคงได้พอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่บ้างกับการเติบโตของภาพยนตร์ไทยในปีที่ผ่านมา ได้สร้างปรากฏการณ์ที่อาจนับได้ว่าเป็นการกลับมาของยุคทองหนังไทย
ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จของ ‘ธี่หยด 2’ ที่กวาดรายได้กว่า 816 ล้านบาท หรือ ‘หลานม่า’ ที่นอกจากจะสร้างรายได้กว่า 339 ล้านบาท โดยที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่ในบ้าน แต่รวมถึงต่างประเทศที่กวาดรายได้รวมหลักพันล้าน แถมยังเข้าชิงรางวัลออสการ์
หรือจะเป็นหนังเสียดสีสังคมอย่าง ‘วิมานหนาม’ ที่แม้ว่าจะสร้างรายได้เพียง 150 ล้านบาท แต่กลับปลุกกระแสสังคมให้หันมาให้ความสนใจกับความเท่าเทียมทางเพศ และเซตติ้งของหนังที่สะท้อนความเจริญที่ไม่ทั่วถึงของประเทศไทย
และเมื่อหนังมีอิทธิพลกับกระแสสังคม ประกอบกับช่วงนี้ แอนิเมชั่นไทยอย่าง ‘ก้านกล้วย’ ถูกพูดถึงกันมากขึ้นในสังคมออนไลน์อย่างมาก ประชาชาติธุรกิจ พาไปส่องรายได้ 7 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทยว่า ประสบความสำเร็จแค่ไหนในวงการหนังไทย
ก้านกล้วย

ก้านกล้วย 1 ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดไทย ผลิตโดยบริษัท กันตนาแอนิเมชั่น จำกัด ออกฉายในปี 2549 จากความตั้งใจของจาฤก กัลย์จาฤก ผู้บริหารที่อยากสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับช้าง สัตว์ประจำชาติของไทย ด้วยแรงบันดาลใจจากพงศาวดารไทย ที่กล่าวถึงลักษณะของช้างทรงเลี้ยงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีหลังลาดคล้ายก้านกล้วย
บทภาพยนตร์ต้นฉบับมาจาก ‘เจ้าพระยาปราบหงสาวดี’ ประพันธ์โดยอริยา จินตนาพิชการ ที่ถูกสมสุข กัลย์จาฤก ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทภาพยนตร์และละคร นำมาพัฒนาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “ก้านกล้วย” นั่นเอง
สำหรับผลตอบรับของก้านกล้วยที่ฉายครั้งแรกเมื่อ 18 พฤษภาคม 2549 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากการันตีด้วยรายได้ทั่วประเทศกว่า 196,000,000 บาท จากทุนสร้าง 150,000,000 บาท กลายมาเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดแห่งปี รวมทั้งได้รับรางวัลมากมาย
- รางวัล Best Feature Film จาก AniMadrid 2006 (สเปน)
- รางวัล The Golden Sprockets Awards (Jury Awards) : Best Feature Film สำหรับผู้ชมอายุ 8-9 ปี จาก Sprocket Toronto International Film Festival for Children)
- รางวัล Best Feature Film Audience Award จากการประกวดภาพยนตร์แอนิเมชั่นครั้งที่ 15 ANIMA MUNDI 2007
- รางวัลที่ 2 Public Award for Best Animated Film จากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติครั้งที่ 13
- รางวัล My Favorite Animation Film จาก The 10th China International Children’s Film Festival
- รางวัลตุ๊กตาทอง (พระสุรัสวดี) : ภาพยนตร์เกียรติยศแห่งปี, ภาพยนตร์ยอดนิยมแห่งปีที่ทำรายได้สูงสุด, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ครั้งที่ 28 ประจำปี 2549
- รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ (สุพรรณหงส์) : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 16 ประจำปี 2549
- รางวัล Star Entertainment Awards 2006 : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม
- รางวัล Box Office : รายได้อันดับหนึ่งของประเทศสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่น จาก Mejor Largometraje Animadio 2006
- รางวัลสื่อมวลชนดีเด่นประเภทภาพยนตร์ไทย จากงานประกาศผลรางวัลสื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศไทย ประจำปี 2549
- มรดกภาพยนตร์ของชาติประจำปี 2561
ก้านกล้วย 2
ด้วยกระแสและความสำเร็จของภาคแรกเป็นที่มาของภาคต่ออย่าง “ก้านกล้วย 2” ออกฉายในปี 2552 ต่อยอดเรื่องราวของก้านกล้วยด้วยตัวละครลูกแฝดที่ถูกเพิ่มขึ้นมา ขณะที่ก้านกล้วยต้องห่างจากครอบครัวเพราะต้องทำหน้าที่เป็นช้างทรงออกศึกของพระนเรศวร ซึ่งภาคนี้มีการลงทุนสร้างไปกว่า 120,000,000 บาท ขณะที่ทำรายได้ 79,260,000 บาท
อย่างไรก็ตามในปี 2567 มีการประกาศสร้างภาคต่อ “ก้านกล้วย 3” อย่างเป็นทางการ โดยจะเล่าเหตุการณ์ต่อจากภาคสองถึงการทำสงครามยุทธนาวีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และการขยายอำนาจทางทะเลของอยุธยา
เอคโค่จิ๋วก้องโลก

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของประเทศไทย ที่สร้างในระบบสามมิติ สเตอริโอสโคปิก (Stereoscopic 3D) โดยกันตนา ผลงานกำกับของ คมภิญญ์ เข็มกำเนิด จากบทภาพยนตร์ของวรัญญู อุดมกาญจนานนท์ และคงเดช จาตุรันต์รัศมี
เป็นเรื่องราวการผจญภัยของเด็ก 3 คนจาก 2 มุมโลก คือ วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และจากหมู่บ้านกะเหรี่ยงทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ช่วยกันกอบกู้โลกจากหายนภัยเนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยแก่นแท้ของเรื่องราว จะมุ่งเน้นด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของประเทศไทย ที่สร้างในระบบสามมิติ สเตอริโอสโคปิก (Stereoscopic 3D)
ทีมงานกันตนา แอนิเมชั่นใช้เวลากว่า 3 ปี ในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งแต่การทำวิจัย การค้นหาวิธีการดำเนินชีวิตของชาวกะเหรี่ยงคอยาวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตลอดจนความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นบทภาพยนตร์ ประกอบกับการตระหนักถึงปัญหาสภาวะแวดล้อม โดยใช้เงินลงทุนสร้างกว่า 170,000,000 บาท
ภาพยนตร์เปิดตัวฉายในประเทศไทย 4 วันแรก (2-5 สิงหาคม 2555) ด้วยรายได้เพียง 6,200,000 บาท จนเมื่อมีการพูดปากต่อปากในกลุ่มสังคมออนไลน์ เว็บบอร์ด และสื่อมวลชน ทางโรงภาพยนตร์ต่าง ๆ
จึงได้จัดส่วนลดพิเศษและเพิ่มจำนวนรอบฉาย เพื่อสนองความต้องการของผู้ชม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ปรากฏว่าจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2555 ทำรายได้รวม 13,400,000 ล้านบาท และถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2555 ทำรายได้รวม 17,000,000 บาท
นาค

ภาพยนตร์การ์ตูนไทยที่เล่าเรื่องราวของ “แม่นาคพระโขนง” ถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้งผ่านการทำแอนิเมชั่น โดยมีเนื้อเรื่องเล่าถึงบรรดาเหล่าผีโบราณหนีความเจริญของกรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่กันที่ชนบท แต่ก็ยังไม่วายโดนพวกผีเมืองกรุงตามมารังควานไม่เว้นแต่ละวัน
อีกทั้งยังเกิดเรื่องจนต้องเดินทางสู่เมืองกรุงแห่งโลกวิญญาณ เพื่อเผชิญหน้ากับจอมราชันแห่งภูตผีทั้งหลายที่เป็นตัวการวางแผนให้พวกผีร้ายสามารถขึ้นมาทำลายโลกของมนุษย์ในเวลากลางวันได้โดยไม่ต้องซ่อนเร้นอีกต่อไป
โดยเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ ณัฐทพงศ์ รัตนโชคสิริกูล ออกฉายเมื่อ 3 เมษายน 2551 ทำรายได้รวม 10,000,000 บาท
ยักษ์

ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสัญชาติไทยผลงานร่วมทุนสร้างระหว่าง บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด, บริษัท ซูเปอร์จิ๋ว จำกัด และดำเนินงานสร้างโดย บริษัท เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส จำกัด ผลงานกำกับของนายประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ ร่วมกับ เอ็กซ์-ชัยพร พานิชรุทติวงศ์
เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณคดี เรื่อง “รามเกียรติ์” มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาวรรณกรรมเอเชีย ภาพการขับเคี่ยวที่พิสดารอลังการของฝ่ายพลับพลากับฝ่ายกรุงลงกา เส้นขนานของธรรมะและอธรรมรามและทศกัณฐ์ จึงเป็นขั้วศัตรูคู่อาฆาตที่ต้องฟาดฟันกันให้แหลกลาญ
แต่แล้วคำถาม “คนที่เป็นศัตรูกันต้องต่อสู้กันตลอดไปจริงหรือ ?” ก็ผุดขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจนำเสนอเรื่องราวมิตรภาพที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นผ่านรูปแบบของแอนิเมชั่นหุ่นยนต์
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มดำเนินการสร้างเมื่อปี 2549 แล้วเสร็จและฉายในเดือนตุลาคม ปี 2555 รวมระยะเวลาสร้าง 6 ปี มีทุนสร้าง 100,000,000 บาท ขณะที่รายได้เพียง 50,000,000 บาท
คุณทองแดง ดิ อินสไปเรชั่นส์

คุณทองแดงฯ เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายเมื่อปี 2558 มีธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้สนับสนุนหลัก เนื้อเรื่องได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “คุณทองแดง” สุนัขทรงเลี้ยงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 โดยแอนิเมชั่นเล่าถึงความกตัญญู ความกล้าหาญ และข้อคิด
ประกอบไปด้วยแอนิเมชั่นทั้งหมด 3 เรื่อง เรื่องที่ 1 หมาวัด ถ่ายทอดเรื่องราวความกตัญญูของจร เรื่องที่ 2 ทองหล่อ ถ่ายทอดเรื่องราวลูกสุนัขที่มีภารกิจเป็นองครักษ์ปกป้องเด็กสาวตาบอดผู้เป็นเจ้านาย และเรื่องที่ 3 คอปเปอร์ เพื่อนรักที่เป็นเรื่องโลกแห่งอนาคตของโลหะและโรบอต โดยมีทุนในการสร้าง 150,000,000 บาท และมีรายได้ 18,000,000 บาท
9 ศาสตรา

๙ ศาสตรา เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ฉายในปี 2561 มีเนื้อหาว่าด้วยแฟนตาซีผสมผสานกับมวยไทย อำนวยการสร้างโดยบริษัท เอ็กซ์ฟอร์แมท ฟิล์มส์ และจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งใช้เวลาในการสร้างถึง 4 ปีเต็ม และได้ออกฉายตรงกับสัปดาห์ วันเด็กแห่งชาติ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2561 ต่อมาในอีก 1 ปี ก็ได้มีการฉายเพิ่มทางเน็ตฟลิกซ์
เรื่องนี้มีทุนสร้างถึง 230,000,000 บาท และมีรายได้นอกประเทศที่ตรวจสอบจาก Box Office Mojor ประมาณ 392,295 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13,247,802 บาท และข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก Major Group ระบุว่า ทำรายได้ 100,000,000 บาท รวมทั้งหมดประมาณ 113,247,802 บาท
แม้รายได้ของหนังแอนิเมชัjนไทยจะได้รับการตอบรับที่ดีอยู่บ้างจากรายได้ที่กวาดไปได้ถึง 100,000,000 บาท แต่ด้วยทุนการสร้างภาพยนตร์ที่เทียบเท่าฟอร์มยักษ์ ทำให้รายได้หนังจำนวนนั้นไม่อาจบอกได้ว่า หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารายได้หนังเพียงหลัก 10,000,000 บาทต้น ๆ นั้น เห็นได้ชัดกว่าว่า หนังเรื่องนั้นได้รับผลตอบแทนความเหนื่อยไม่สมน้ำสมเนื้อ
อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นโอกาสที่ดี จากกระแสสังคมที่หันกลับมาให้ความสนใจผลงานของคนไทยกันมากขึ้น ประกอบกับการพูดถึงภาพยนตร์ก้านกล้วยที่หวนให้นึกถึงช่วงเวลารุ่งเรืองของหนังไทย โดยเฉพาะแอนิเมชั่น จนเราอาจหวังได้ว่า ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่ที่จะออกมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็น่าจะได้รับกระแสการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ