
ผู้เขียน : สินนภา ดีเลิศพัฒนา, ชัชพงศ์ ชาวบ้านไร่
จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ “เทคโนโลยีชาวบ้าน” ผู้นำสื่อออนไลน์ด้านการเกษตรครบวงจร กับงานสัมมนาแรกของปี “ไข่ผำ-วานิลลา : เจาะลึกโอกาสธุรกิจพืชเทรนด์ใหม่” โดยได้รับเกียรติจาก “ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมผู้บริหารภาครัฐ พีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร, รพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร, ดร.อนุวัฒน์ กำแพงแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพืชอนาคตใหม่ กรมวิชาการเกษตร งานนี้มีผู้สนใจร่วมงานคับคั่ง
จากไม่มีใครรู้จัก ไข่ผำ โลละ 4 พัน
ไฮไลต์เสวนา “ปลดล็อกศักยภาพ ไข่ผำ พืชเทรนด์ใหม่ ตอบโจทย์อนาคตยั่งยืน” โดย ดร.อนุวัฒน์ กำแพงแก้ว ผอ.กลุ่มวิจัยพืชอนาคตใหม่ กรมวิชาการเกษตร และชาวสวนรุ่นใหม่ “ณัฐวุฒิ จันทร์เรือง” เจ้าของสวนจันทร์เรือง จ.จันทบุรี ผู้พัฒนาเลี้ยงผำเชิงอุตสาหกรรม ด้วยการเลี้ยงในระบบปิดแนวตั้ง

“เดิมทำสวนทุเรียน ให้ผลผลิตปีละครั้ง เมื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ปลูกทุเรียน ทำให้มีเวลาเหลือจึงหาพืชอื่นมาทำเพิ่ม” ณัฐวุฒิกล่าว
จน 4-5 ปีที่แล้ว ได้รู้จักกับไข่ผำ จึงเริ่มหาข้อมูลและพบว่า มีประโยชน์สูงและยังไม่มีใครทำ จึงคิดว่าน่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดี จึงทดลองเลี้ยง
ตอนนั้นขายกิโลกรัมละ 15 บาท โดยมีคนไปตักจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ราคายังถูก ไข่ผำมีโปรตีนสูงกว่าพืชชนิดอื่น มีวิตามินบี 12 ที่พืชอื่นไม่มี คิดว่าวันหนึ่งราคาต้องเพิ่มแน่
จากปริมาณแค่ตลับน้ำจิ้มที่ได้รับแจก เพิ่มมาเป็นถาด และกว่าร้อยกาละมังรอบบ้าน จนได้ทดลองเลี้ยงเองในระบบปิดด้วยน้ำสะอาด แล้วลองขาย
“4 ปีที่แล้วยังขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้จัก ต่อให้มีคนมาเสนอขาย พูดว่าดีแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ มาวันนี้ไข่ผำที่แปรรูปแล้ว ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 4,000 บาท”
เลี้ยงระบบปิด ควบคุมได้
ณัฐวุฒิบอกว่า การเลี้ยงต้องสะอาดที่สุด มีมาตรฐานรองรับ ถ้าเลี้ยงไม่ได้มาตรฐาน เอกชนหรือธุรกิจก็ไม่สามารถนำไข่ผำของเราไปใช้ได้
“วิตามินบี 12 ในไข่ผำคือจุดขาย เป็นประโยชน์ต่อระบบประสาทและสมอง คนญี่ปุ่นช่วยได้เยอะ แปรรูปแล้วคล้ายมัทฉะ แต่มัทฉะไม่มีวิตามินบี 12”
จากข้อจำกัดพื้นที่การเลี้ยงที่ต้องการผลผลิตจำนวนมาก พบว่า ระบบปิดแนวตั้งช่วยประหยัดน้ำ ใช้น้ำแค่ 50 ลิตรต่อราง น้ำจากเครื่องกรองน้ำระบบ RO ก็ใช้ได้ ตั้งสูงกี่ชั้นก็ได้ ซึ่ง 5 ชั้นกำลังเหมาะ เพราะบริหารจัดการง่าย ข้อดีการตั้งเป็นชั้น ๆ คือแก้ปัญหาทีละชั้นได้
นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีจากกรมวิชาการเกษตรมาใช้ ทั้งหลอดไฟ อุณหภูมิ ค่า pH ของน้ำ แต่ต้องคอยดูแลเป็นรายวัน ทำให้การเลี้ยงราบรื่น ตอบโจทย์ลูกค้า
การเลี้ยงแบบระบบปิดแนวตั้ง ยังทำให้ไม่มีปัญหาลูกน้ำยุงลาย ไม่มีกบเขียดลงไปไข่แบบเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ เดิมบ่อซีเมนต์มีแค่ 1 ชั้น แต่ระบบปิดแนวตั้งเพิ่มชั้นสูงขึ้นได้ ถ้ามี 10 ชั้น ผลผลิตก็เพิ่ม 10 เท่า หากให้แสงและอาหารพอเหมาะก็จะเจริญเติบโตไวกว่าการเลี้ยงภายนอก
สำหรับสายพันธุ์ไข่ผำ เดิมใช้สายพันธุ์ลำปาง เมื่อทดลองเลี้ยงมาเรื่อย ๆ ได้ข้อสรุปว่า ต้องเป็นสายพันธุ์เชียงราย ตอนนี้กำลังปรับสายพันธุ์ที่สวนให้เป็นเชียงรายทั้งหมด
“เราไม่หยุดพัฒนา ตอนนี้กำลังพัฒนาสารสกัดจากไข่ผำ ต้องรอติดตาม”
บุกตลาดตะวันออกกลาง
ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าจากตะวันออกกลางซึ่งมีกำลังซื้อสูง เป็นมุสลิม กำลังขอมาตรฐานฮาลาล เคยไปออกบูทที่ดูไบ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน และจะไปบาห์เรน
ทางยุโรปก็มีสโมสรฟุตบอลอังกฤษแห่งหนึ่งติดต่อมา ถ้าสามารถทำผลิตภัณฑ์ที่ให้นักฟุตบอลวิ่งมาข้างสนามฉีกซองกินได้ แล้วเตะบอลต่อได้ในตอนซ้อม เราก็ต้องลองทำหรือทำเป็นเส้นพาสต้า บะหมี่ ตลาดพร้อมรับซื้อ เป็นการเปิดโลกสู่ตลาดต่างประเทศ
“ผมมองตลาดนอกเป็นหลัก ถ้าของเรามีคุณภาพ ดีต่อสุขภาพ ลูกค้าซื้อโดยไม่มีเงื่อนไขทั้งปริมาณและราคา ทำให้เรามีกำลังใจ ถ้าเราไปเองได้ก็จะยึดหัวหาดก่อน หรือบุกให้เพื่อน ๆ ที่กำลังทำ เป็นโอกาสดีในการเลี้ยงไข่” ณัฐวุฒิกล่าว

สิ่งที่ชอบ สู่ธุรกิจที่ใช่
อีกเวทีที่ได้รับความสนใจมาก คือ “วานิลลา พืชมูลค่าสูง ปลูกอย่างไร ให้เป็นที่ต้องการของตลาด” โดย “กวาง-พาพร โตอินทร์” เจ้าของสวนแม่หม่อน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ “นิกกี้-วิสุตา โลหิตนาวี” เจ้าของไร่วานิลลา Khao Yai Vanilla บนพื้นที่ 10 ไร่ จ.นครราชสีมา
วิสุตาเล่าว่า วานิลลาเป็นความชอบส่วนตัว แต่เดิมครอบครัวทำธุรกิจไร่องุ่น GranMonte ทำมา 25 ปีแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าการปลูกต้นวานิลลาเป็นเรื่องท้าทาย มีความยากไม่ต่างจากองุ่นเลย
“วานิลลาเป็นพืชมีแคแร็กเตอร์ ของ Khao Yai Vanilla มีทั้งเอกลักษณ์และสตอรี่”
เพราะวานิลลาเป็นพืชที่หลายคนคุ้นเคย ทั้งรสชาติ และกลิ่น ทุกคนเคยบริโภค แต่หลายคนไม่รู้ หน้าตามันเป็นอย่างไร มาจากไหน ต้นมันเป็นยังไง จึงรู้สึกว่าน่าสนใจมาก และเป็นพืชที่มีมูลค่าสูง จึงทดลองปลูก ปัจจุบันขยายเป็น 10 ไร่แล้ว
เนื่องจากเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็น ความชื้นที่พอดี จึงเหมาะกับเขาใหญ่ เราเลือกปลูกพันธุ์แพลนิโฟเลีย (Vanilla Planifolia) เป็นสายพันธุ์ที่ชอบอากาศเย็น ชอบแสงแดด ชอบแล้ง จะกระตุ้นติดดอกได้ดี
เขาใหญ่ Single Originทางฟาร์มปลูกด้วยระบบ Smart Farm ใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ 100% และใช้คำว่า Single Origin เพราะวานิลลามาจากที่เดียว ก็คือเขาใหญ่ ปัจจุบัน Khao Yai Vanilla มีเปิดให้เยี่ยมชมฟาร์มวานิลลาแล้ว เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
เทรนด์ตอนนี้ คนหันมาบริโภคมากขึ้น แล้วสังเคราะห์น้อยลง วานิลลาจริงที่อยู่ในตลาดแค่ 1% อีก 99% เป็นสารสังเคราะห์ วานิลลาจริงจะให้กลิ่นที่สลับซับซ้อน ผู้บริโภคต้องการของที่เป็นออริจินอล
“เราเคยไปประชุมวานิลลาที่เกาะรียูเนียน แล้วผู้เชี่ยวชาญได้เทสต์รสชาติวานิลลาจากไร่ของเรา เขาบอกว่ามันมีกลิ่นเหมือนช็อกโกแลต ครีม ลูกเกด มีความเหมือนเครื่องเทศนิดหนึ่ง”

สวนแม่หม่อน จากมัลเบอรี่ สู่วานิลลา
“พาพร โตอินทร์” เจ้าของสวนแม่หม่อน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เล่าว่า เดิมทีไม่ได้ปลูกวานิลลาแต่ปลูกหม่อน หรือมัลเบอรี่ แต่มัลเบอรี่มีอายุการเก็บสั้น เป็นพืชที่ไม่ได้นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งมีข้อจำกัดในการยืดอายุของตัวผลไม้ จึงเริ่มดูว่าพืชไหนที่เราจะเก็บได้นานหลังเก็บเกี่ยว โดยไม่ต้องรีบขาย
“เราเคยดูพืชเบอรี่อื่น ๆ กาแฟก็ดู แต่สุดท้ายเรามาชอบที่วานิลลามากที่สุด จริง ๆ ก็มีความเสี่ยง เพราะตอนนั้น 6-7 ปีที่แล้วยังไม่มีใครทำ ไม่มีใครเป็นเจ้าตลาด หรือทำเป็นเรื่องเป็นราว”
มี 2 ความบังเอิญที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจ เมื่อ 10 ปีก่อน ความบังเอิญแรก คือ การได้ไปเที่ยวงานสีสันดอยตุง ได้ชิมไอศกรีมวานิลลา รสชาติดีไม่เหมือนไอศกรีมที่ไหนในโลกที่เคยกินเลย เป็นรสชาติแรกในชีวิต เป็นไอศกรีมที่มี After Taste ที่ติดลิ้น ติดจมูกแบบที่เรากินจนหมดถ้วยแล้ว ยังมีความหอมอยู่ เป็นความประทับใจเรามาก
ทำให้เรารู้ว่า “วานิลลาคืออะไร” และกลายเป็นแรงบันดาลใจที่เราอยากปลูกพืชมหัศจรรย์ประเภทนี้
ความบังเอิญที่สอง เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ได้ไปเรียนเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ คลองไผ่ อ.สีคิ้ว ในการดูแลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่นั่นมีต้นวานิลลาปลูกอยู่ แต่อาจจะด้วยงบประมาณก็ไม่ได้รับการดูแลที่ดีเท่าไหร่ในยุคนั้น
แต่มีอยู่ต้นหนึ่งที่พนักงานเขาผสมเกสรเอาไว้ และเห็นว่ามันติดฝัก จึงเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องปลูกที่ภาคเหนือก็ได้ โคราช หรือสีคิ้ว ก็ติดฝักได้เหมือนกัน จึงพูดคุยกับ ผอ.ศูนย์ ทำให้มีโอกาสเอากลับมาปลูกที่สวนในที่สุด
สิ่งสำคัญคือข้อจำกัดด้านเวลา เนื่องจากไม่ได้มีเวลามากพอที่จะไปขยายพื้นที่การปลูกวานิลลาให้มากขึ้นได้
แต่ในข้อเสียยังมีข้อดี คือสามารถเพิ่มมูลค่าได้เพราะการแปรรูป ได้กำไรมาจากการขายไอศกรีม การขายสินค้าหน้าร้าน และการรับกลุ่มที่มาศึกษาดูงาน
“วานิลลาจึงเป็นพืชกระแส อีกมุมมองเป็นพืชที่ยั่งยืนก็ได้” พาพรสรุป
ถ้าแบบที่ทางสวนทำ เรามองว่าคือความยั่งยืน เพราะทุกคนเกิดมาจะได้กลิ่นวานิลลาตามผลิตภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งเป็นกลิ่นที่คนทั่วไปชื่นชอบ
“ส่วนตัวมองว่า ความชอบ ความหลงใหลในกลิ่นวานิลลาจะไม่มีวันหายไปจากโลกนี้ ตราบใดที่ทำเป็นผลิตภัณฑ์ให้คนกินได้ เขาก็จะอยู่อย่างยั่งยืน”