คอนเสิร์ตหวานใจเคพ็อป SEVENTEEN IN BANGKOK Event Hub ที่ทรงพลัง

ผู้เขียน : วิชญาพร วงศ์ษา
ภาพ : X - SEVENTEEN

สาวกเคพ็อปเจน Z ตอนต้น และเจน Y ตอนปลาย คงเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า “ถ้าไม่รู้ว่า จะดูคอนเสิร์ตของศิลปินวงไหน ให้ลองไปดูคอนเสิร์ตของ ‘เซเว่นทีน-SEVENTEEN’ สักครั้ง แล้วจะไม่ผิดหวัง” ก็คงจริง

จัดจ้านทั้งการแสดงบนเวที-ท่าเต้น

เพราะนอกจากจะเป็น “Self-Produced Idol” หรือวงที่ทำเพลงเองแล้ว ยังมี “อูจี” หนึ่งในสมาชิกของวงที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าทีมโวคอลเป็นหัวหอกสำคัญด้วย

การจัดงานในภาพรวมทั้งระบบก็ยังจัดจ้าน ทั้งเรื่องการแสดงบนเวที และท่าเต้นที่สุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์

ที่สำคัญ สมาชิกทั้ง 13 คน ไม่ว่าจะเป็น เอสคุปส์, จองฮัน, โจชัว, จุน, โฮชิ, วอนอู, อูจี, ดิเอท, มินกยู, ดีเค, ซึงกวาน, เวอร์นอน และดีโน่ ยังคงส่งพลังที่ยิ่งใหญ่มาให้ผู้ชมทุกคนแบบเต็มเปี่ยม

พวกเขาทั้งหมดมีไฟแรงเหมือนวันแรกที่เดบิวต์ แม้ว่าปีนี้จะเป็นขวบปีที่ 10 แล้วก็ตาม ในการเป็นศิลปินของสมาชิกทุกคน

ADVERTISMENT

ปิดฉากเวิลด์ทัวร์สมบูรณ์แบบ

ล่าสุด ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 ควันหลงของบรรยากาศเดือนแห่งความรักที่แสนละมุนยังคงลอยละล่องอยู่ตรงหน้า ที่ทำให้เหล่าแฟนคลับ (FC) หรือ “กะรัต” ทั้งหลาย (ชื่อที่เรียกแฟนคลับของวงเซเว่นทีนโดยเฉพาะ) ยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงคอนเสิร์ตในค่ำคืนวันนั้น

เพราะ “เซเว่นทีน” ได้กลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้งกับคอนเสิร์ตใหญ่ “SEVENTEEN [RIGHT HERE] WORLD TOUR IN BANGKOK” ณ ราชมังคลากีฬาสถาน แลนด์มาร์กขนาดใหญ่ของย่านรามคำแหง ที่ดูเล็กไปถนัดตา เมื่อผู้คนแห่แหนเข้าไปจับจองที่นั่งบนอัฒจันทร์

ADVERTISMENT

นับเป็นการปิดฉากเวิลด์ทัวร์ที่ดำเนินมากว่า 5 เดือนอย่างสมบูรณ์เกินคาด

แม้ว่ารอบนี้จะไม่ได้มาแบบฟูลทีม เนื่องจาก “จองฮัน” อยู่ระหว่างการรับราชการทหาร และ “จุน” ติดตารางงานอื่น ๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่

แต่สมาชิกที่เหลือทั้ง 11 คน ต่างทำหน้าที่เติมเต็มอย่างสุดกำลังบนเวทีได้ดีมาก เรียกได้ว่า “ฮีเสิร์ฟ” แบบถึงพริกถึงขิง ด้วยการยกทัพเพลงฮิตมาแสดงแบบครบรสตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม

เสียงร้องทรงพลัง-ท่าเต้นแข็งแรง

การเปิดคอนเสิร์ต เริ่มด้วยเพลง Fear จากอัลบั้ม An Ode ในปี 2562 ซึ่งมีการจัดเต็มทั้งโชว์เปิด พร้อมเสียงร้องที่ทรงพลัง และท่าเต้นที่แข็งแรงชะมัด รวมถึงยังมี Ash จากอัลบั้ม Face the Sun ที่กะรัตนับหมื่นคนต่างรอคอยชมการแสดงบนเวทีมานานกว่า 2 ปี

ไล่เรียงมาเรื่อย ๆ ก็เป็นการแสดงของแต่ละทีม เริ่มจากทีมฮิปฮอปที่หยิบเพลง Water มาแสดง จนทำให้กะรัตตะโกนว่า “วอเตอร์” สนั่นสนาม ตามด้วย Monster ที่เรียกเสียงกรี๊ดอีกหลายระลอก ต่อด้วยทีมเพอร์ฟอร์แมนซ์ ที่มีทั้งเพลง Rain และเพลงที่หลายคนคิดถึงอย่าง Lilili Yabbay ปิดจบด้วยทีมโวคอลกับเพลงซึ้ง ๆ Candy และ Cheers to Youth

จากนั้นเข้าสู่เซตลิสต์เพลงสนุก ๆ น่ารัก ๆ ที่มี “กิมมิก” ให้อมยิ้มตลอดโชว์ เช่น Oh My! ที่ย้อนความทรงจำกลับไปในช่วงเดบิวต์ปี 2558 และ Snap Shoot ที่มี DK’s Time ซึ่ง “ดีเค” จะสุ่มทำท่าขึ้นมา 1 ท่า และให้สมาชิกที่เหลือทำตาม ก่อนปิดท้ายโชว์หลัก เพื่อเข้าสู่ช่วงอังกอร์ “อาจูไนซ์” ไม่รู้จบ ด้วยเพลง Super ที่มาพร้อมพลุสุดตระการตา

ในคอนเสิร์ตมีหลายโมเมนต์น่าประทับใจ สะท้อนสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นตลอด 10 ปีระหว่างแฟนคลับกับศิลปิน อาทิ การส่งแรงเชียร์ผ่านเสียงกรี๊ดและการโบก “กะรัตบง” (แท่งไฟเชียร์ของวงเซเว่นทีน) โปรเจ็กต์แบนเนอร์ข้อความซึ้ง ๆ และการร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ดีเคและเวอร์นอน

ยิ่งไปกว่านั้น รอบนี้ยังมาพร้อมโปรเจ็กต์ “Fan Experience” สุดพิเศษ คอลแลบส์ครั้งใหญ่กับเครือ BTS มีทั้งการออกบัตรแรบบิทลายลิมิเต็ดที่วางขายจำนวนจำกัด และแพ็กเกจที่พักโรงแรม Eastin Grand Phayathai พ่วงบัตรคอนเสิร์ต ราคาเริ่มต้น 25,000 บาท

มีการคอลแลบส์กับแบรนด์ F&B ในไทย เพื่อเมนูพิเศษ Turtle Cafe, Soft Spot, French Ramen และไอศกรีม Molto ที่จะสุ่มฝาสมาชิก 1 คน เมื่อซื้อตามไซซ์ที่กำหนด โดยสั่งผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์แมน (LINE MAN) ทำให้เหล่ากะรัตพิมพ์โน้ตบอกใบ้พนักงาน เพื่อให้หยิบ “เมน” หรือคนที่ชอบมากที่สุดในวงของตนเอง จนกลายเป็นปรากฏการณ์ “เลี่ยงบาลีกันพัลวัน” ช่างสนุกสนานบนโลกโซเชียล

นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาของ SEVENTEEN POP-UP IN BANGKOK ณ ศูนย์การค้าดิสคัฟเวอรี่ หลังประสบความสำเร็จอย่างมากกับคอนเสิร์ตรอบก่อน หรือ SEVENTEEN TOUR FOLLOW TO BANGKOK เมื่อเดือนธันวาคม 2566

ตัวอย่างสินค้าที่จำหน่ายในร้านพ็อปอัพ ทั้งอัลบั้ม การ์ด กระเป๋า เสื้อ สินค้าแคแร็กเตอร์ MINITEEN ยังมีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น นั่นคือคอลเล็กชั่น “บงบงงี่” (แคแร็กเตอร์ของวงเซเว่นทีน) สุดน่ารัก มีพวงกุญแจ แม็กเนต และสมาร์ทต๊อก

นับเป็นคอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จ “เซเว่นทีน” น่าจะทำให้รัฐบาลไทยยิ้มได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกถดถอย

เพราะช่วยสร้างเม็ดเงินให้สะพัดได้มหาศาล กระจายไปทุกหย่อมหญ้า ทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเวอร์ชั่น “แฟนคลับ” ให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศ

สมความตั้งใจในการผลักดันไทยให้เป็น Tourism Hub และ Event Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้