
รีวิว “ห้องอาหารไดนาสตี้” โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กับเมนู 6 ติ่มซำพรีเมี่ยมที่ใช้ในการแข่งขัน “Iron Chef Thailand 2025” โดย “เชฟแจ็คกี้” ผู้ท้าชิงที่ได้รับชัยชนะเหนือเชฟกระทะเหล็ก
“ห้องอาหารไดนาสตี้” โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ร้านอาหารจีนกวางตุ้งต้นตำรับที่บรรยากาศหรูหราและอบอุ่น ด้วยการตกแต่งภายในที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความร่วมสมัย โดยใช้ไม้สีเข้มและแสงไฟอ่อน ๆ สร้างความรู้สึกเป็นกันเองและผ่อนคลาย
เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์ในครอบครัว การจัดเลี้ยงทางธุรกิจ และงานเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ ด้วยจำนวนที่นั่งภายในร้านกว่า 200 ที่นั่ง และห้องส่วนตัวรวม 13 ห้อง
ถ้าพูดถึงห้องอาหารไดนาสตี้ เชื่อว่าสิ่งที่หลายคนนึกถึงคือเมนูติ่มซำที่ปรุงสดใหม่ทุกวัน ไปจนถึงเมนูจานหลักที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปลากะพงแดงผัดซอสถั่วดำ กุ้งทอดซอสมายองเนสและงา เป็ดปักกิ่งที่ หอยเชลล์ผัดซอส XO ปลาหิมะทอดซอสถั่วเหลือง และกุ้งผัดสไตล์เสฉวน เป็นต้น
เมนูเหล่านี้ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักชิม ทั้งหมดล้วนผ่านการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ และปรุงด้วยเทคนิคอันชำนาญของ “เชฟแจ็คกี้” (Tse Chi Wai) เชฟชาวจีนที่โดดเด่นด้านอาหารจีนกวางตุ้งและติ่มซำ ด้วยประสบการณ์ในวงการอาหารระดับนานาชาติกว่า 20 ปี ทั้งร้านอาหารและโรงแรมชื่อดังในประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และประเทศไทย อาทิ ร้าน “Ming Court” ดีกรีมิชลิน 2 ดาว ในโรงแรม Cordis ฮ่องกง
ปัจจุบันเชฟแจ็คกี้ ดำรงตำแหน่ง Head Chef ประจำห้องอาหารไดนาสตี้ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ สร้างสรรค์เมนูอาหารจีนต้นตำรับ พร้อมทั้งนำเสนอความเป็นเลิศของอาหารกวางตุ้งและติ่มซำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์อาหารที่เหนือระดับ
6 เมนูติ่มซำพรีเมี่ยม ผู้พิชิตเชฟกระทะเหล็ก
เมื่อไม่นานมานี้ เชฟแจ็คกี้ เพิ่งไปสร้างชื่อเสียงให้กับห้องอาหารไดนาสตี้ และโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ ด้วยการคว้าชัยชนะในฐานะ “เชฟผู้พิชิต” จากรายการ “Iron Chef Thailand 2025” (เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย) ในโจทย์ “ยกระดับติ่มซำพรีเมี่ยม” โดยการแข่งขันดังกล่าวออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา
เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จดังกล่าว ห้องอาหารไดนาสตี้ได้ทำการเพิ่มเมนูที่เชฟแจ็คกี้ใช้ในการแข่งขัน จำนวน 6 เมนู มาเสิร์ฟบรรดานักชิม ตลอดจนลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่ง “ดีไลฟ์ ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้ไปลิ้มลองเมนูพิเศษที่เชฟผู้พิชิตได้รังสรรค์ขึ้น

เริ่มกันที่ “ก๋วยเตี๋ยวหลอดเล้งกรอบทรัฟเฟิล” เมนูนี้เป็นการรังสรรค์จากวัตถุดิบหลักที่เป็น “เนื้อเล้ง” โดยเชฟได้บรรจงแกะ ก่อนที่จะนำมาผสมผสานกับกุ้งสด เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม
เชฟแจ็คกี้ยังคงชูเอกลักษณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี นั่นคือ แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ใช้เป็นสูตรพิเศษแบบฮ่องกง เนื้อแป้งมีความเหนียวนุ่ม ซึ่งเชฟเพิ่มสีจากบีทรูตธรรมชาติเข้าไป ทำให้แป้งเป็นสีแดงสดใส และที่เด็ดคือซอสเห็ดทรัฟเฟิล ทำให้จานนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ไม่เหมือนใครแน่นอน

ต่อกันที่ “ฮะเก๋าเล้งทอดพริกเกลือ” เชฟเริ่มต้นด้วยการนำเล้งมาต้มจนเปื่อย แล้วบรรจงแกะเนื้ออย่างประณีตเพื่อนำมาปรุงเป็นไส้พร้อมส่วนผสมเฉพาะ จากนั้นนำไส้ที่เตรียมไว้ห่อด้วยแผ่นแป้งบาง เมื่อห่อเสร็จนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนพอดีจนได้สีเหลืองทอง และเสิร์ฟจานนี้ พร้อมด้วยพริกเกลือสไตล์ฮ่องกง

ไม่รอช้า เมนูถัดมา คือ “เปาะเปี๊ยะแซลมอนทอด ครีมวาซาบิ” เชฟนำปลาแซลมอนไปทอดเคล้ากับครีมซอสวาซาบิสูตรพิเศษจนได้รสชาติเผ็ดละมุนอ่อน ๆ จากนั้นนำมาห่อด้วยแผ่นแป้งฮ่องกง ม้วนเข้ารูปพร้อมเติมความกรอบด้วยเส้นขนมปังฮ่องกง เชฟเสริมความกรอบด้วยหนังปลาทอดเคลือบซอสไข่เค็มเข้มข้น นำไปทอดในอุณหภูมิที่เหมาะสมจนได้สีเหลืองทองกรอบนอกนุ่มใน

จานต่อมาคือไฮไลต์ เพราะแค่ชื่อก็ดูอลังการแล้ว “เกี๊ยวกุ้งมังกรเจ็ดสียอดน้ำซุป” เชฟเริ่มต้นด้วยการปรุงไส้เกี๊ยวจากกุ้งมังกรเจ็ดสีด้วยส่วนผสมลับเฉพาะ เมื่อเตรียมไส้ได้ที่ก็นำมาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว บอกเลยว่าเนื้อนุ่มและบางได้ที่กำลังดี
สำหรับน้ำซุปอันเป็นหัวใจของจานนี้ เชฟใช้ส่วนต่าง ๆ ของกุ้งมังกรเจ็ดสีมาตุ๋นด้วยเคล็ดลับเฉพาะจนได้น้ำซุปที่หอมโดดเด่น เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟ เชฟจะแยกเกี๊ยวและน้ำซุปอย่างประณีต เพื่อให้ผู้รับประทานได้สัมผัสกับกลิ่นหอมและความร้อนของซุปในครั้งแรกที่ได้ชิม

อีกจานที่ฟิวชั่นได้ลงตัวมาก ๆ “ปลาแซลมอนเจี๋ยนซอสพริกสิงคโปร์” ที่มาพร้อมทีเด็ดคือการเสิร์ฟคู่หมั่นโถวนมสด ทั้งแบบนึ่งและแบบทอด
เชฟใช้ปลาแซลมอนสด ๆ นำมาซับน้ำให้แห้งสนิท ก่อนปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยป่นบาง ๆ เคลือบเนื้อปลาด้วยแป้งไข่ขาวบาง ต่อมานำปลาแซลมอนลงเจี๋ยนในกระทะ (ทอดโดยใช้ไฟอ่อนและน้ำมันน้อย) จนผิวด้านนอกกรอบเกรียมกำลังดี
ก่อนที่เชฟจะเพิ่มมิติให้กับรสชาติด้วยเบสซอสสูตรพิเศษสไตล์สิงคโปร์ ผสานความเข้มข้นจากน้ำซุปที่เคี่ยวจนกลมกล่อม พร้อมเพิ่มกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยหอยตลับสด
ปิดท้ายความสมบูรณ์แบบด้วยการจับคู่กับหมั่นโถวนมสด บอกเลยว่าเข้ากันดีกับรสชาติเข้มข้นของแซลมอนและซอสพริกสิงคโปร์มาก ๆ จานนี้ชวนให้ลอง เพราะจะได้ทั้งความแปลกใหม่และความลงตัว

เมนูสุดท้าย “ไก่ตอนทรงเครื่องเป๋าฮื้อห่อใบบัว” จานนี้ทีเด็ดเพราะทำให้เชฟแจ็คกี้พลิกกลับมาคว้าชัยชนะเหนือเชฟกระทะเหล็กในการแข่งขัน
เชฟใช้ไก่ตอนส่วนสะโพก เป็ดย่าง เห็ดหอม กุ้งแห้ง กั๋งบ๊วยญี่ปุ่นตุ๋น นำทั้งหมดมาผัดไส้ทรงเครื่องพร้อมนำหอยเป๋าฮื้อมาเคี่ยวด้วยไฟอ่อนเพื่อดึงรสชาติที่เข้มข้นและหอมหวานออกมาให้มากที่สุด ก่อนจะใส่ข้าวและไข่ลงไปคั่วในกระทะเหล็ก ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยให้เนื้อข้าวซึมซับรสชาติอย่างล้ำลึก และมีความหอมเป็นพิเศษ
เมื่อข้าวผัดทรงเครื่องพร้อม เชฟจะนำข้าวผัดลงห่อในใบบัว การห่อนี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความร้อนของข้าว แต่ยังเพิ่มกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากนั้นนำไปนึ่ง
เมื่อห่อใบบัวสุกได้ที่ เป๋าฮื้อที่ผ่านการเคี่ยวจนได้รสชาติเข้มข้นจะถูกนำมาวางเป็นท็อปปิ้งบนข้าว ความหอมของใบบัวและความกลมกล่อมของเครื่องทรงจะผสมผสานกับรสชาติละมุนของเป๋าฮื้อได้อย่างลงตัว
ห้องอาหารไดนาสตี้ ให้บริการในช่วงเวลากลางวันตั้งแต่เวลา 11.30-14.30 น. และมื้อค่ำตั้งแต่เวลา 18.00-22.30 น. ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ