
เจาะเทรนด์ “ซูชิ” ที่กำลังฮิตติดกระแส ผลสำรวจชี้ ร้านสายพานมาแรง ผู้บริโภคมองหาความสดใหม่ พรีเมียม และคุ้มค่า ด้าน “Sushiro” โกยเอ็นเกจเมนต์บนโซเชียลมากสุด
“ซูชิ” อาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ครองใจคนไทยมาทุกยุค ตั้งแต่โอมากาเสะสุดหรู ร้านเชนในห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงซูชิตลาดนัดราคาย่อมเยา ความนิยมนี้สะท้อนผ่านกระแสโซเชียลมีเดียที่พุ่งแรงจากยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) และการกล่าวถึง (Mention) ซึ่งผู้บริโภคต่างให้ความสนใจ และแชร์ประสบการณ์กินซูชิกันอย่างคึกคัก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ความอร่อย แต่รวมถึงร้านซูชิแนวใหม่ที่มอบประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคที่แตกต่างไปจากเดิม
บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 15 มีนาคม 2568 โดยนำมาวิเคราะห์ Insight เกี่ยวกับความนิยม และพฤติกรรมการบริโภคซูชิในไทย พร้อมเผยร้านดังที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และเมนูยอดฮิตที่คนแชร์สนั่น
Sushiro มาแรง
จากข้อมูล Social Listening พบว่า “Sushiro” เป็นหนึ่งในแบรนด์ซูชิสายพานที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลมีเดีย ด้วยเอ็นเกจเมนต์สูงถึง 48% สะท้อนถึงความนิยมของซูชิสายพานที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เนื่องจากความสะดวก รวดเร็ว รับประทานง่าย รวมถึงมีสาขาที่ครอบคลุมทำให้เข้าถึงได้ง่าย
นอกจากนี้ “Katsu Midori” ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดไทยก็ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว ด้วยเอ็นเกจเมนต์ 18% แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในกลุ่มซูชิสายพานเช่นกัน
สำหรับ “Shinkanzen” ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติไทย ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซูชิคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยเอ็นเกจเมนต์ 12% ขณะที่ซูชิระดับพรีเมียมอย่าง “Kouen” มีเอ็นเกจเมนต์ อยู่ที่ 9% และ “Maguro” อยู่ที่ 7% ซึ่งก็ยังได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่มองหาซูชิคุณภาพสูง โดยมีฐานลูกค้าประจำที่แข็งแกร่ง
สำหรับแบรนด์อื่น ๆ อีก 6% แม้อาจมีสัดส่วนเอ็นเกจเมนต์ที่น้อยกว่า แต่ยังคงมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น และมีกระแสบนโซเชียลอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดซูชิยังมีความหลากหลาย และมีแนวโน้มเติบโตในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นซูชิสายพาน ซูชิพรีเมียม หรือซูชิทั่วไป
ชาวเน็ตให้ความสำคัญ ‘ความสดใหม่’
ดาต้าเซ็ต เผยอีกว่า จากข้อมูลจาก Social Listening เมื่อพูดถึงซูชิ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ “ความสดใหม่” มากที่สุด เพราะซูชิที่ดีต้องเริ่มจากวัตถุดิบคุณภาพสูง สดจากท้องทะเล และผ่านการจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน โดยคำว่า “สดใหม่” ปรากฏในบทสนทนาของผู้บริโภคจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังต่อรสสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ สะอาด ไม่มีกลิ่นคาว เเละนอกจากความสดแล้ว
นอกจากนี้ คำว่า “ระดับพรีเมียม” ก็ปรากฏบ่อยครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยไม่ได้ต้องการแค่ซูชิธรรมดา แต่ต้องการซูชิที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง มีมาตรฐานดีเยี่ยม และอาจต้องมีความเป็น “ต้นตำรับ” ตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ ๆ ด้วย
อีกปัจจัยที่ได้รับการพูดถึงไม่น้อยคือความคุ้มค่า คำว่า “สุดคุ้ม” และ “คุ้มค่า” ปรากฏในบทสนทนาเกี่ยวกับซูชิ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่าง คุณภาพและราคา แสดงให้เห็นว่าแม้ซูชิจะเป็นอาหารระดับพรีเมียม แต่ผู้คนยังคงต้องการความเหมาะสมระหว่างราคากับคุณภาพอยู่
นอกจากนี้ คำว่า “ไม่อั้น” ก็ถูกพูดถึงไม่น้อย ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของบุฟเฟต์ซูชิ ในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการรับประทานซูชิแบบจุใจ โดยยังให้ความสำคัญกับปริมาณและความอิ่มคุ้มค่า
จากข้อมูล Social Listening แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ ความสดใหม่ที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม ความคุ้มค่า และกินจุแบบไม่อั้น ซึ่งสะท้อนออกมาในบทสนทนาเกี่ยวกับร้านซูชิที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เช่น แบรนด์ซูชิสายพาน ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มที่มองหาความสะดวกและรวดเร็ว ร้านซูชิระดับพรีเมียม ที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการประสบการณ์แบบต้นตำรับ และ ร้านบุฟเฟต์ซูชิ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับปริมาณและความคุ้มค่า
ด้วยแนวโน้มเหล่านี้ ทำให้ตลาดซูชิยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มซูชิสายพาน พรีเมียม และบุฟเฟต์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างพัฒนาเมนูและบริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
‘Sushiro – Katsu Midori’ ถูกพูดถึงมากสุดบนโซเชียล
จากข้อมูล Social Listening ยังพบอีกว่า Sushiro เเละ Katsu Midori เป็น 2 แบรนด์ซูชิสายพานที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากบนโซเชียลมีเดีย ทั้งสองร้านเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์และแนวทางการให้บริการแตกต่างกัน ทำให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน
แม้ว่าทั้งสองร้านจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบ ความพิถีพิถันในการทำซูชิ และประสบการณ์การรับประทาน แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันในแง่ของราคา การเข้าถึง และรูปแบบการให้บริการ
Sushiro เป็นหนึ่งในแบรนด์ซูชิสายพานที่มีเครือข่ายสาขาครอบคลุม โดยมีสาขาทั้งหมดถึง 32 สาขาทั่วประเทศ ทำให้เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการซูชิคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ จุดเด่นของ Sushiro คือ ความหลากหลายของเมนู ซึ่งมีทั้งปลาดิบและซูชิที่ใช้วัตถุดิบปรุงสุกอย่างเช่น ซูชิหน้าไก่ทอด เเละอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่รับประทานปลาดิบ
นอกจากนี้ การให้บริการผ่านระบบสายพานอัตโนมัติช่วยเพิ่มความรวดเร็วและสะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่มีบริการรับซูชิจากเชฟโดยตรงแบบโอมากาเสะก็ตาม
ขณะที่ Katsu Midori เป็นแบรนด์ซูชิสายพานจากโตเกียวที่เพิ่งเปิดตัวในไทย และได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วแม้จะมีเพียง 1 สาขาที่ Central World แต่ก็มาพร้อมกับจุดเด่นที่แตกต่างจากซูชิสายพานทั่วไป โดยเน้น วัตถุดิบระดับสูง และยังสามารถเลือกสัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารสดใหม่ เสิร์ฟตรงจากมือเชฟ ทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสบรรยากาศร้านซูชิแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ
ด้วยความที่เมนูของ Katsu Midori ส่วนใหญ่เป็นอาหารจำพวกปลาดิบ ทำให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบซูชิแบบต้นตำรับมากกว่ากลุ่มที่ต้องการตัวเลือกเมนูที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันมีเพียง 1 สาขา จึงอาจต้องใช้เวลารอคิวมากกว่าร้านที่มีสาขาจำนวนมาก
แม้ว่าทั้งสองแบรนด์จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ “คุณภาพและรสชาติ” ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้ซูชิสายพานได้รับความนิยมในไทย
‘แซลมอน’ ครองแชมป์ ซูชิหน้าโปรด
การเลือกหน้าซูชิ เป็นอีกความสนุกที่เพิ่มมิติให้มื้ออาหาร เพราะแต่ละหน้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากยอดการกล่าวถึง (Mention) บนโซเชียลมีเดีย เมนูอันดับ 1 ที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดถึง 27% คือ “ซูชิแซลมอน” (Salmon Sushi) ซึ่งยังคงครองใจคนไทยได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยความสดใหม่ของเนื้อปลาแซลมอนที่มีรสชาติหวานมันและเนื้อสัมผัสนุ่ม
นอกจากความอร่อยแล้ว แซลมอนยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและได้ประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพ ซูชิแซลมอนจึงเป็นเมนูที่หลายคนเลือกเป็นตัวเลือกแรกสำหรับซูชิ และครองใจนักกินทั้งหน้าใหม่และขาประจำ
เมนูอันดับ 2 คือ “ซูชิกุ้ง” (Ebi Sushi) ซึ่งได้รับการกล่าวถึง 20% ซูชิกุ้งเป็นอีกหนึ่งเมนูที่นิยมอย่างมาก ด้วยรสชาติที่หวานและเนื้อสัมผัสที่หนึบหนับของเนื้อกุ้ง นอกจากนี้ ซูชิกุ้งยังมักจะทาซอสหรือเพิ่มเครื่องเทศเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและรสชาติให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงทำให้ซูชิกุ้งเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่อยากสัมผัสรสชาติที่ไม่หนักมากและยังสามารถทานได้ทุกวัย
เมนูอันดับ 3 คือ “ซูชิหน้าไก่ทอด” (Crispy Chicken Sushi) ได้รับการกล่าวถึง 15% เป็นเมนูซูชิฟิวชั่นที่มีความแปลกใหม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทานปลาดิบ โดยการใช้เนื้อไก่ทอดกรอบมาวางบนข้าวปั้นซูชิแทนการใช้ปลาดิบ ทำให้ได้รสชาติที่กรอบอร่อยและเข้ากันได้ดีราวกับซูชิแบบดั้งเดิม ซูชิหน้าไก่ทอดจึงเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ไม่ทานปลาดิบและผู้ที่ต้องการสัมผัสรสชาติใหม่ ๆ โดยยังคงคอนเซปต์ความอร่อยและความเป็นซูชิได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ เมนูซูชิอื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย “ซูชิทูน่า” (Maguro Sushi) มีการกล่าวถึง 9%, ตามมาด้วย “ซูชิซาบะ” (Mackerel Sushi) 7%, “ซูชิหน้าปลาไหล” (Unagi Sushi) 6%, และ “ซูชิปลาหมึก” (Ika Sushi) 6% ขณะที่เมนูอื่น ๆ รวมกันคิดเป็น 10%
แสดงให้เห็นว่าความหลากหลายของซูชิยังคงเป็นที่สนใจของผู้บริโภค ซูชิจึงเป็นเมนูที่ตอบโจทย์รสนิยมที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี ให้ทุกคนเลือกรับประทานตามความชื่นชอบส่วนตัวได้อย่างลงตัว
เทรนด์ซูชิสายพานกำลังบูม
ซูชิสายพานกำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในไทย เห็นได้จากการรีวิว และแชร์ประสบการณ์บนโซเชียลอย่างแพร่หลาย จุดเด่นของซูชิสายพานไม่ใช่แค่ความสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์การรับประทานที่สนุกและเข้าถึงง่าย ทำให้ร้านแนวนี้กลายเป็นจุดเช็กอินที่สายกินไม่ควรพลาด
โดยสิ่งที่ทำให้ซูชิสายพานเป็นที่พูดถึงบนโซเชียล เนื่องจากความสะดวก รวดเร็ว กินได้เลยไม่ต้องรอ แค่เลือกหยิบจานจากสายพานก็กินได้ทันที เหมาะสำหรับมื้อเร่งด่วน หรือคนที่ไม่อยากเสียเวลารออาหารทีละเมนู
ราคาเข้าถึงง่าย กินได้ตามงบ ซูชิสายพานมีราคาหลากหลาย เริ่มต้นเพียงหลักสิบบาทต่อจาน สามารถเลือกกินได้ตามงบประมาณได้ ไม่ต้องจ่ายแพง
นอกจากนี้ ยังมีเมนูหลากหลาย ถูกใจทุกสไตล์ ทั้งซูชิแบบดั้งเดิมและซูชิฟิวชั่นที่ปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย บางร้านมีเมนูพิเศษ เช่น ซูชิหน้าเนื้อวากิว เบอร์เกอร์ซูชิ หรือของหวานสไตล์ญี่ปุ่น
รวมถึงความตื่นเต้นจากสายพาน ดึงดูดให้อยากลอง เมนูซูชิที่หมุนเวียนผ่านสายพานตลอดเวลา ทำให้รู้สึกสนุกและอยากลองจานใหม่ ๆ ซึ่งการได้เห็นอาหารจริงก่อนหยิบ ทำให้ตัดสินใจง่ายกว่าการอ่านจากเมนู
นอกจากนี้ ซูชิสายพาน ยังเป็นเทคโนโลยีทันสมัย เพิ่มความสะดวก โดยหลายร้านมีแท็บเล็ตให้สั่งอาหาร พร้อมระบบรางสำหรับเสิร์ฟที่ส่งอาหารจากครัวตรงถึงโต๊ะได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่ต้องรอนาน อีกทั้งระบบสีของจานช่วยให้เข้าใจราคาง่าย เลือกหยิบได้ตามงบ
ซูชิสายพาน ยังมีบรรยากาศเป็นกันเอง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การแบ่งที่นั่งเป็นสัดส่วนชัดเจน สามารถนั่งกินที่สายพานคนเดียวได้ ไม่ต้องกลัวเขิน บางร้านมีที่นั่งสำหรับกลุ่มสำหรับการนัดสังสรรค์ จึงเหมาะทั้งสำหรับคนที่มาคนเดียวและมากับเพื่อนหรือครอบครัว
แม้บางร้านจะต้องรอคิวยาว แต่ผู้บริโภคจำนวนมากก็ยินดีรอ เพราะซูชิสายพานมอบทั้งความคุ้มค่า ทั้งราคา คุณภาพ และประสบการณ์การรับประทานที่สนุกและสะดวก เทรนด์นี้จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทย และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินซูชิไปจากเดิม ไม่เพียงแต่เป็นอาหารสำหรับโอกาสพิเศษ แต่ยังเป็นมื้อที่สามารถรับประทานได้บ่อยขึ้นอีกด้วย