คุยกับ ‘แบมแบม-ชนิสรา’ นักเขียนสาว ผู้มีหัวใจไม่ยอมแพ้ให้แก่โชคชะตา

คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
ผู้เขียน : สุวัฑ แซงลาด

รู้จัก ‘แบมแบม-ชนิสรา หน่ายมี’ Content Creator ของแสนสิริ ที่ป่วยเป็นโรค Cerebral Palsy หรือภาวะสมองพิการ ปัจจุบันเขียนคอลัมน์ Mental Life by Chanisara เธอเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรและเพื่อร่วมงาน ทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรางวัล Thailand Socal Awards 2024 เจ้าของคอลัมน์ที่มียอดอ่าน และยอดเอนเกจเมนต์สูงสุดของแสนสิริ

อุปสรรค์ของเธอ เริ่มจากความบกพร่องด้านการเคลื่อนไหวตั้งแต่อายุ 2 ขวบ จากที่แพทย์เคยบอกว่าเธอจะเดินไม่ได้แต่ด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ สู้ด้วยความสม่ำเสมอในการทำกายภาพบำบัด พร้อมพลังบวกที่ช่วยขับเคลื่อนชีวิต เธอจึงเดินและ เขียนหนังสือได้ในที่สุด

เธอหยิบเอาความเป็นตัวเองในจุดนี้เริ่มต้นเขียนแรงบันดาลใจให้ผู้คนผ่านงานคอนเทนต์ที่ลงตัว จากชีวิตที่ต้องผ่านช่วงเวลา ที่ต้องสู้กับตัวเอง และพยายามเข้าใจความต้องการภายในของตัวเองมาก่อน ในวันนี้ เธอได้แบ่งปันข้อความปลอบประโลมเพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ และน้อมรับความเป็นไปของโลกใบนี้ที่มีให้กับเธอ

‘Mental Life by Chanisa’ คือคอลัมน์บันดาลใจที่ใช้ชื่อจริงของเธอ ‘ชนิสรา’ ต่อท้ายเพื่อเน้นย้ำตัวตนของเธอ ซึ่งงานเขียนของเธอช่วยฮีลทั้งร่างกายและหัวใจของผู้อ่านทุกๆ คน และงานของเธอได้เรียงร้อยออกมาอย่างอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วย Massage ที่ทรงพลัง ด้วยเนื้อหาที่บอกเล่าผ่านตัวอักษรเรียบง่ายและจริงใจ

คอลัมน์ของแบมแบม เป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่มียอดอ่านสูงสุดของเพจเฟชบุ๊กแสนสิริ ช่วยสร้างอิมแพ็คให้กับสังคมมามากกว่า 1 ปี และเป็นหนึ่งในคอนเทนต์คุณภาพที่มีคนติดตามมากเป็นอันดันต้บต้นๆ ของแสนสิริเลยก็ว่าได้ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากกว่ายอดเอนเกจเมนต์ คือเบื้องหลังก่อนที่จะมี คอลัมน์ ‘Mental Life by Chanisara’ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเธอเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ทำให้ความสามารถอันเป็นเลิศด้านงานเขียนไม่สามารถส่งต่อออกมาได้ หลังจากทุกที่ที่เธอสมัครงานรู้ว่าเธอเป็นโรค Cerebral Palsy

แต่การไม่เคยยอมแพ้ และมองว่าเธอไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่นๆ เพราะสามารถใช้ชีวิตได้ดี มีความฝันไม่ต่างจากใครๆ รวมไปถึงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้ใครทั้งนั้นคือแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ของเธอ

ล่าสุด ประชาชาติธุรกิจ มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับ ‘แบมแบม-ชนิสรา หน่ายมี’ นักเขียนสาวที่แม้ร่างกายจะมีข้อจำกัด แต่เธอกลับเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง ความพิการไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อความฝันของเธอ แต่ตรงกันข้าม เธอใช้มันเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์งานเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย มาทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น พร้อมค้นพบมุมมองที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดของคุณไปตลอดกาล

มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว แต่หัวใจใม่เคยยอมแพ้

แบมแบม เล่าว่า เธอเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เพราะประมาณ 6 เดือนกว่า ก็คลอดแล้ว ซึ่งตอนที่คลอดเธอขาดอากาศหายใจ ทำให้เป็นโรค Cerebral Palsy สมองส่วนการเคลื่อนไหวถูกทำลาย คุณแม่มารู้เอาตอนเธอมีอายุได้ 2 ขวบ เพราะเธอเดินไม่ได้ มีปัญหาที่ขา แขน และสายตาสั้น หรือแม้แต่เรื่องการพูด ไม่ต้องหวังในเรื่องของการเรียน การเขียนหนังสือเป็นไปแทบไม่ได้ เพราะอาการเกร็งกล้ามเนื้อบางส่วนเกิดอาการอ่อนแรง ต้องใช้การทำกายภาพให้สามารถเดินได้ ฝังเข็มให้เขียนหนังสือได้ ทำทุกวิถีทางให้ทุกอย่างดีขึ้น ผ่านการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด และต้องเริ่มฝึกเดินแบบนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง กว่าจะมีวันนี้ได้

องค์กรโอบรับฝัน สานความมุ่งมั่น Content Creator

ตั้งแต่เธอเรียนจบมา เธอสมัครงานไว้เยอะมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะได้สัมภาษณ์ แต่เรื่องที่เคยเจอหนักสุดคือ พอบริษํทที่เธอสมัครงานเขารู้ว่าเธอพิการ เขาบอกว่า “ไม่ต้องมาสัมภาษณ์แล้วนะ” ตอนนั้นเธอก็คิดว่า ถ้าบริษัทปฏิเสธเพราะความสามารถไม่ตรงกับที่เราต้องการก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าปฏิเสธเพราะความพิการ เราก็ทำอะไรไม่ได้” แค่ต้องยอมรับและหาที่ใหม่

เธอบอกว่า การที่เขาไม่เข้าใจ หรือไม่ยอมรับ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่อยากให้ลองเปิดโอกาสให้เธอได้ทำดูก่อน ก็จะได้เห็นว่าสามารถทำได้มากแค่ไหน เพราะเธาเชื่อว่าทุกคนต่างก็ต้องการโอกาส และโอกาสสามารถปลี่ยนแปลงชีวิตใครบางคนให้ดีขึ้นได้ แต่โอกาสก็ไม่ได้เข้ามาง่ายแบบที่เธอคิดไว้ จนวันที่เธอตัดสินใจเข้ามาฝึกงานที่มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ซึ่งสนับสนุนให้ผู้พิการได้มีงานทำ ประตูสำคัญที่เปิดโอกาสกว้าง ให้เรซูเม่ของแบมแบม ส่งไปถึงฝ่ายทรัพยากรบุคคลของแสนสิริ แล้วในที่สุด เธอก็ได้โอกาสที่รอ และได้เข้ามาทำงานในองค์กรที่ชื่อว่า ‘แสนสิริ’

“พอดีทางพี่ HR ของแสนสิริ เจอแบมผ่านงานของมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม แล้วแบมก็เป็นเด็กฝึกในนั้นพอดี ซึ่งทีแรกพี่เขาเสนอตำแหน่งอื่นให้ แต่แบมก็บอกเขาว่าอยากเป็น Content Creator แล้วก็อธิบายไปให้เขาฟังว่าแบมทำอะไรได้บ้าง จากนั้นพี่เขาก็โทรมาขอสัมภาษณ์ เขาถามว่าแบมถนัดอะไรหรือว่าแบมทำอะไรได้บ้าง มันทำให้เรารู้สึกว่าที่นี่ซัพพอร์ตเรา พยายามทำความเข้าใจกับเรา โอบรับในความเป็นเรา ส่งเสริมให้เราใช้ศักยภาพมีให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด”

ทำงานภายใต้องค์กร Universal Design ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น

แบมแบม เล่าถึงเรื่องนี้ว่า ระบบการทำงานที่รับผิดชอบ เธอจะทำเองตั้งแต่คิดประเด็น หาข้อมูลมาเขียน บรีฟกราฟฟิก แล้วนำไปเผยแพร่ทาง Facebook และบล็อกในเว็บไซต์แสนสิริ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับฟีดแบคที่ดีจากผู้อ่านมาโดยตลอด เพราะเป็น Content ฮีลใจ จิตวิทยา สุขภาพ โดยจะรีเสิร์ชผ่านงานวิจัยที่มีจากเว็บไซต์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศด้วย ซึ่งเธอให้ความสำคัญด้วยว่าการจะเขียนอะไรเผยแพร่ลงไป สิ่งนั้นต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด และอัพเดตที่สุดเท่าที่จะหาได้

“ทำงานที่นี่เป็นที่แรกด้วยค่ะ การทำงานมันก็ต้องปรับตัวตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ละที่ หรือว่าแต่ละสิ่งที่เราทำ มันก็ไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมองค์กรหรืออะไรก็แตกต่างกันต้องบอกว่าที่นี่มี Universal Design อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแบมจึงใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ในระดับที่ดีมากๆ เลยค่ะ แล้วแบมสายตาสั้นด้วย ที่นี่ก็ซื้อคอมจอใหญ่ๆ มาให้ใช้ ทำให้แบมทำงานสะดวกมากขึ้น รวมถึงแบมจะเดินไม่ค่อยสะดวก พี่เขาจะคอยช่วยซื้อของ ช่วยพยุงจับแบมเวลาเดินด้วย”

ใช้ความมุ่งมั่น ก้าวข้ามข้อจำกัด

แบมแบม เล่าต่อว่า แม้เธอจะมีข้อจำกัดเยอะเหมือนกันจากโรค Cerebral Palsy ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งขา ตา แล้วก็การพูดด้วย และปัญหาคือเวลาพิมพ์บทความ เธอจะพิมพ์ได้ช้า เช่น 1 นาทีจะพิมพ์ตัวอักษรได้เพียง 20 คำ แต่เธอก็จะแก้ปัญหาด้วยการใช้ Google Docs พิมพ์ด้วยเสียง ก็จะช่วยแก้ปัญหาและสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดในการทำงาน ให้เธอทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเธอยืนยันว่า ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

“แบมเชื่อว่าคนเราต้องพัฒนาตัวเอง อย่างเราทำงานเขียนใช่ไหมคะ เราต้องหาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลาถ้าเราว่างเราก็จะนั่งอ่าน เช่น มีเทรนด์อะไรน่าสนใจ มีความรู้อะไรเราก็จะจดไว้ มันก็จะสามารถทำให้เราเอามาทำงานได้ คือ ทำให้มันเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ได้ไม่ได้มองว่ามันเป็นงาน หรือเป็นภาระอะไร”

แค่ให้โอกาส ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้

เมื่อถามถึงเรื่องนี้ แบมเชื่อเสมอว่าทุกคน ไม่ว่าจะพิการ หรือไม่พิการก็ต้องการโอกาส เพราะโอกาสสามารถจะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ ทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตในสังคมต่อไป ถ้าทุกคนพร้อมให้โอกาสแล้ว พร้อมกับพยายามทำความเข้าใจในความเป็นเขา จะทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้มากขึ้น ถูกจ้างงานมากขึ้น ถูกทำความเข้าใจโดนไม่อคติ

เราต้องเป็นคนที่ออกไปคว้าโอกาส ออกไปหาโอกาสเหมือนกันเพื่อให้ได้มันมา แล้วก็เตรียมพร้อมตัวเอง สำหรับที่จะรับโอกาสนั้นเพื่อให้มันได้ถึงเป้าที่เราวางไว้ แม้วันนี้มันอาจจะไม่ได้ แต่พรุ่งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ ต่อให้เราผิดหวังในสิ่งที่เราอยากให้มันเป็นในวันนี้ แต่ถ้าเราทำต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมแพ้ที่จะทำ สุดท้ายเชื่อว่าเราก็จะถึงฝันนั้น

“ไม่ว่าอะไรก็ตาม ต่อให้มันไม่ได้ถึงจุดที่เราหวัง เราก็ยังจะได้อะไรจากสิ่งที่เราทำ เพราะทุก ๆ อย่างที่เราทำลงไป มันมีคุณค่าและมีประโยชน์กับตัวเราเสมอ”