รวมพลัง ‘บรรทัดทอง’ สตรีตฟู้ด เยาวราช 2 เสิร์ฟนักชิมรุ่นใหม่

“บรรทัดทอง” ถนนสายสั้น ๆ ใจกลางกรุงเทพฯ วันนี้ทำเลได้แปรเปลี่ยนแล้วอย่างสิ้นเชิง จากย่านเซียงกง (ขายอะไหล่เก่า) และศูนย์รวมร้านจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์กีฬาในอดีต เพราะอยู่ติดกับสนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภชลาศัย)

ด้วยนโยบายสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ PMCU ในฐานะผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน มีแผนบูรณาการและพัฒนาอาคารซึ่งเป็นตึกแถวทั้ง 2 ฟากของถนนสายนี้

ให้เป็น “แหล่งรวม” ของร้านอาหาร “แนวสตรีตฟู้ด” ที่ดูทันสมัย สะอาด ปลอดภัย โดดเด่นด้วยตัวเองทั้งรสชาติและดีไซน์

เพื่อสร้าง “จุดขาย” ดึงดูดนักชิมและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเช็กอินตามเทรนด์ เหมือนย่านดัง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี

ทิศทางความน่าจะเป็นของ “บรรทัดทอง” เดินมาถูกทางแล้ว ทว่าช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสดราม่าด้านลบบนโลกออนไลน์ ทั้งเรื่องราคา รสชาติอาหาร ร้านค้าปิดตัวเอง และค่าเช่าที่แพง

ล้วนทำให้ภาพลักษณ์ติดลบ ทั้ง ๆ ที่ “โอกาส” มาถึงแล้ว และมีหลาย ๆ ร้านค้าประสบความสำเร็จ จึงมีการรวมพลังสร้าง Mindset ใหม่ เพื่อผลักดันให้บรรทัดทองเป็น Solf Power ที่จับต้องได้

ADVERTISMENT
ดร.ชนะชาย นิมิตรพงศ์ศักดิ์
ดร.ชนะชาย นิมิตรพงศ์ศักดิ์

สวรรค์ของคนรักสตรีตฟู้ด

ดร.ชนะชาย นิมิตรพงศ์ศักดิ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารย่านบรรทัดทอง และ นายสุรพงษ์ เมฆะวรากุล เลขาฯ สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารย่านบรรทัดทอง กับอีกบทบาทเป็นเจ้าของร้าน Nam Dao Huu (น้ำเต้าหู้) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ใจจริงต้องการเข้ามาช่วยส่งเสริมให้ถนนเส้นนี้มีความเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไปได้

เพราะที่ผ่านมาบรรทัดทองได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ๆ รวมถึงนิสิต จุฬาฯ และนักศึกษาทั่วไป

ADVERTISMENT

เรียกว่า “แจ้งเกิดได้แล้ว” ในแง่เป็นศูนย์รวมร้านอาหารแนวเก่าที่เด่นด้วยรสชาติความอร่อย และแนวใหม่ที่ทันสมัย ถือเป็นสตรีตฟู้ดระดับประเทศที่คนเริ่มจดจำ

เนื่องจากบรรยากาศโดยรวมมีชีวิตชีวาและคึกคักในยามค่ำคืน เป็นแหล่งแฮงเอาต์แบบไนต์ไลฟ์ และอยู่ในย่านใจกลางเมืองเดินทางสะดวก

แต่เมื่อเกิดกระแสไม่สร้างสรรค์ต่างวาระต่างประเด็นในโลกออนไลน์ จึงไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมทั้งหมด ทั้งทำเลและผู้ประกอบการอีกจำนวนมาก

ยิ่งเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหว และสงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ ก็ทำให้ภาวะเศรษฐกิจซึม ๆ ซบ ๆ

สุรพงษ์ เมฆะวรากุล
สุรพงษ์ เมฆะวรากุล

ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการจึงต้อง “รวมพลัง” ผลักดันให้บรรทัดทองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง เป็นคอมมิวนิตี้สตรีตฟู้ดที่ทรงพลัง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้อย่างต่อเนื่อง

เป็นการช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่ากรุงเทพฯ ดี มีความพร้อมในการใช้ชีวิต และ “บรรทัดทอง” เป็นสวรรค์ของคนรักสตรีตฟู้ดอย่างแท้จริง

ปรับตัวสร้างฐานสู่เยาวราช 2

สำหรับประเด็นเรื่องค่าเช่าที่มีราคาสูงนั้น ทางสมาคมมองว่า แม้จะเป็นปัญหา แต่การแก้ปัญหาจริง ๆ อาจมีแนวทางอื่น ๆ ที่สามารถปรับตัวรับมือได้ โดยการสร้างฐานรากให้มั่นคง

เช่น เราจะนำพาผู้คนหรือดึงดูดผู้บริโภคจากที่ต่าง ๆ ให้เข้ามาเดินเที่ยว จับจ่ายใช้สอย และชิมอาหารตามร้านค้าในย่านบรรทัดทองให้มากขึ้นได้อย่างไร

รวมถึงการเพิ่มเวลาในการขายให้มากขึ้นจะดีกว่ามั้ย เพราะปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดช่วงเย็นค่ำ

“ต้องเข้าใจก่อนว่า คนที่มาเดินบรรทัดทองเขาไม่ได้ตั้งใจมากินเป็นมื้อ ๆ อยู่แล้ว หรือกินให้ครบร้าน เพราะร้านมีเยอะมาก แต่เขาตั้งใจมากินมาชิมอะไรที่อร่อย ๆ อย่างละนิดละหน่อย หรือมาเช็กอินตามสมัยนิยม”

จากปัจจัยและองค์ประกอบของบรรทัดทอง รวมถึงความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ทุกวันนี้ส่งผลให้ “บรรทัดทอง” กลายเป็น “เยาวราช 2” ถือเป็นถนนสายสตรีตฟู้ดชื่อดังของกรุงเทพฯ อีกแห่งหนึ่ง

โดยมีจุดขายหรือ Positioning แตกต่างกัน เยาวราชเป็นสตรีตฟู้ดแบบโอลด์ทาวน์ ไชน่าทาวน์ เป็นพี่เบิ้มระดับประเทศ มีความเป็นตำนานและมีฐานรากแข็งแรงแล้ว

ขณะที่บรรทัดทองเป็นน้องใหม่มาแรง มีสีสัน ทันสมัย ประเภทอาหารคาว-หวานก็เป็นแนวใหม่ ๆ อาจมีแนวดั้งเดิมผสมอยู่บ้าง ซึ่งโดนใจนักชิมคนรุ่นใหม่

“แต่บรรทัดทองก็ต้องมีการปรับโครงสร้าง คัดกรอง และเลือกร้านอาหารที่จะมาช่วยเสริมสร้างฐานรากให้มั่นคงมากขึ้นด้วยเช่นกัน”

Food Destination+Experience

ดังนั้น เมื่อความต้องการของผู้บริโภคมาแบบนี้ แต่ละร้านควรลองนำเสนอเมนูใหม่ ๆ อาจจะเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงง่าย โดยทางสมาคมมีความหวังอยากให้สตรีตฟู้ดสายนี้มีความน่ารักและมีระเบียบมากขึ้น

แนวทางหนึ่งที่จะช่วยบูมบรรทัดทองให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังยั่งยืนได้นั้น ดร.ชนะชายและนายสุรพงษ์คิดเหมือนกันว่า เราต้องเปลี่ยนตัวเองเป็น Food Destination เพราะประเทศไทยมีแหล่งวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่น ไม่ยากที่จะทำให้บรรทัดทองเป็นจุดหมายปลายทางที่จะได้รับความนิยม มีชื่อเสียงในเรื่องอาหาร

และคีย์ซักเซสที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้มาก ๆ ก็คือ สร้างความเป็น “Food Experience” หรือการเปิดประสบการณ์ใหม่ร่วมกับอาหาร ซึ่งไม่จำกัดอยู่แค่รสชาติของอาหารเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมสตรีตฟู้ดของคนเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ได้ ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์ที่พิเศษและน่าจดจำ

ยุคสมัยก่อนการทำร้านอาหารเป็นอาชีพดูอาจไม่ค่อยมีเกียรติ แต่ปัจจุบันแนวความคิดนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะกระแสทั่วโลกและการคิดจะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธุรกิจเกี่ยวกับอาหารกำลังเป็นเทรนด์

ทำให้ “คนรุ่นใหม่” อยากเป็น “เจ้าของร้านอาหาร” มากขึ้น ปัจจุบันมีการผันตัวเองมาประกอบอาชีพร้านอาหารแบบนับไม่ถ้วน ไม่ใช่อาชีพที่น่าอายอีกต่อไป

จะสังเกตเห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ยอมทิ้งเงินเดือนที่ได้ไม่ถึง 25,000 บาท มาประกอบอาชีพนี้กันมากขึ้น และตั้งแต่หลังวิกฤตโควิด-19 หลายธุรกิจในโลกก็เริ่มเปลี่ยนไป

อัตราการรับพนักงานประจำก็ลดน้อยลง เมื่อคนไม่มีงานรองรับ สุดท้ายแล้วก็หันมาขายของ เปิดร้านอาหาร บางมุมอาจมองได้ว่าร้านอาหารเริ่มเฟ้อขึ้น

บวกกับการขยายตัวของภาคธุรกิจอาหารที่สูงขึ้น แต่คนกินมีเท่าเดิม แถมเงินในกระเป๋าก็ลดน้อยลง ตามภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ

เมื่อร้านอาหารมีเยอะขึ้น ผู้บริโภคก็กระจายออกไป จากร้านที่เคยขายได้เยอะ ๆ ก็ลดลง โดยผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นนั่นเอง

ดังนั้น บรรทัดทองจึงต้องหาจุดขาย หาคีย์สำคัญที่จะทำให้ถนนเส้นนี้เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร 300 ร้านที่ยั่งยืน

Food Calendar บิ๊กอีเวนต์

อีกแง่มุมน่าคิด ถนนบรรทัดทองอาจไม่ได้เป็นแค่แหล่งรวมร้านอาหารสตรีตฟู้ดชื่อดังเท่านั้น แต่สามารถก้าวสู่การเป็นหมุดหมายใหม่แห่งโลกอีเวนต์ มีการสร้างกิจกรรมที่น่าสนใจ เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการจัดงานที่เกี่ยวกับอาหารดัง ๆ เด่น ๆ เพื่อดึงดูดนักชิมจากทั่วสารทิศ

ด้วยการรวมพลังของภาครัฐและเอกชนในย่านนี้ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอาหารไทย

ยกตัวอย่าง งาน Bangkok Car Free Day 2024 เป็นกิจกรรมที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการเดินทางด้วยวิธีที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว

ปรากฏว่าช่วงระหว่างที่จัดงานนั้น มีการปิดถนนบรรทัดทองให้เป็น “ถนนคนเดิน” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม

ทางสมาคมจึงเห็นโอกาสอยากให้ทุก ๆ ปีของถนนบรรทัดทองเป็น Food Calendar หรือปฏิทินที่มีการจัดกิจกรรมสตรีตฟู้ดที่ชัดเจนและต่อเนื่อง

ทั้งกระตุ้นให้ชาวโลกมาร่วมปักหมุดความอร่อยแบบ “ห้ามพลาด” เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวและเติบโตได้ในหลาย ๆ มิติ