
การจากไปกระทันหัน ของ “เติ้ง ลี่ จวิน” ราชินีเพลงจีน เมื่อ 30 ปีก่อน ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2538 ได้สร้างความโศกเศร้าอาลัยให้กับแฟนเพลงของเธอทั่วโลก
เมื่อมองย้อนหลังกลับไป ข่าวการตายของเธอกลับเริ่มต้นด้วยเงื่อนงำ และความสับสน ศพของเธอถูกเก็บแช่แข็งในห้องเก็บศพของโรงพยาบาลกว่า 12 ชั่วโมง จนกระทั่งสถานกงศุล 3 แห่งโทรแจ้งตำรวจ ให้ช่วยติดตาม ก่อนมาจบชีวิตในเมืองไทยจนเป็นข่าวไปทั่วโลก
เติ้ง ลี่ จวิน เดินทางจากฮ่องกง เข้าพักที่เชียงใหม่ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2538 คู่กับพร้อมแฟนหนุ่ม “สตีเว่น ปิแยร์” นักแต่งเพลงวัย 28 ซึ่งคบกันมานานกว่า 6 ปี ทั้งคู่ใช้ชีวิตท่องเที่ยวอยู่ในเมืองไทยโดยเฉพาะเชียงใหม่อย่างมีความสุข
กระทั่ง 8 พฤษภาคม อาการหืดหอบของเติ้ง ลี่ จวิน กำเริบ ขณะพักอยู่ในห้องเลขที่ 1502 ชั้นที่ 15 ของโรงแรมแม่ปิงพนักงานโรงแรมช่วยนำตัวส่งร.พ.เชียงใหม่–ราม แต่ก็สายเกินไป เมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม กว่าที่ข่าวนี้จะปรากฎในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ ก็ล่วงมาถึงวันที่ 10 พฤษภาคม ดังรายงานของ“หนังสือพิมพ์ข่าวสด” ดังต่อไปนี้
นักร้องสาวจีนชื่อดังเสียชีวิตอย่างลึกลับ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 พ.ค. โดยเจ้าหน้าที่จากสถานกงสุลญี่ปุ่น ไต้หวันและฮ่องกง ต่างติดต่อโทรศัพท์มาถึง พล.ต.ต.สนาม คงเมือง
ผบก.เชียงใหม่ ให้ตามหาศพของเติ้ง ลี่ จิน (สะกดตามข่าวยุคนั้น) นักร้องสาวชื่อดังชาวไต้หวัน สัญชาติฝรั่งเศส โดยสถานกงสุลแจ้งว่าได้รับแจ้งอีกทีจากหญิงสาวไม่ทราบชื่อว่า เติ้ง ลี่ จินถูกฆาตกรรมเสียชีวิตใน จ.เชียงใหม่
นอกจากนี้ยังมีการเสนอข่าวทางโทรทัศน์ของไต้หวันแล้วด้วยว่า เติ้ง ลี่ จวิน เสียชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่โดยไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัดและยังไม่อาจพิสูจน์ทราบรายละเอียดที่แน่นอนได้
หลังรับแจ้งจากสถานกงสุลดังกล่าว พล.ต.ต.สนาม จึงมีคำสั่งให้ตำรวจตรวจสอบทุกโรงแรมในจังหวัด
จนกระทั่งเวลา 13.30 น. จึงตรวจสอบทราบว่า ก่อนเสียชีวิตเติ้ง ลี่ จวินได้เข้าพักที่โรงแรมแม่ปิง จ.เชียงใหม่ แต่เวลานี้ศพถูกส่งไปเก็บไว้ในห้องเก็บศพของร.พ.เชียงใหม่–ราม เลขที่ 8 ถนนบุญเรืองฤทธิ์ ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว จึงตามไปตรวจสอบที่ ร.พ. พบศพนักร้องสาวชื่อก้องอยู่ในห้องเก็บศพ
มีผ้าไหมสีน้ำตาลเข้มคลุมศพอยู่ โดยศพสวมชุดคลุมสีชมพูของโรงแรมแม่ปิงบริเวณลำคอด้านซ้ายมีรอยช้ำเหมือนถูกทุบหรือบีบเห็นได้ชัดเจน
จากการสอบสวนน.พ.สุเมธ ยืนตระกูล แพทย์ประจำร.พ.ดังกล่าวให้การว่า มีผู้นำร่างไร้สติของเติ้ง ลี่ จวินมาส่งร.พ.เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.30 น. ทางร.พ.ได้ช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนแต่ปรากฏว่าเติ้ง ลี่ จวิน เสียชีวิตมาก่อนแล้ว เมื่อสอบถามแฟนหนุ่มที่ตามเธอมาที่ร.พ.ชื่อ นายมายเซนต์ ชาวฝรั่งเศส นายมายเซนต์ก็บอกกับแพทย์ว่าเติ้ง ลี่ จวิน เป็นโรคหืดหอบจากนั้นก็ไม่พูดอะไรและหายตัวไป
ทางเราก็เก็บศพไว้ในห้องเก็บศพ ตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าเติ้ง ลี จวินหัวใจวาย แต่ต้องตรวจสอบต่อไป สาเหตุอาจจากเป็นโรคหอบหืด หรือโรคปอดเรื้อรังที่ป่วยอยู่ก็เป็นได้ ส่วนจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ต้องตรวจสอบกันต่อไปและว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2537 เติ้ง ลี่ จวินก็มาเอกซเรย์ตรวจอาการโรคปอดที่ร.พ.เชียงใหม่–ราม โดยเป็นคนไข้ประจำของร.พ.ด้วย
“ข่าวสด” ฉบับวันที่ 11 พฤษภาคม รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านักร้องดังจะสิ้นชีวิต นายสตีเว่นออกไปข้างนอก ซื้อของนอกโรงแรม หลังออกไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง
พนักงานของโรงแรมคนหนึ่งพบเติ้ง ลี่ จวินทุรนทุรายออกมาจากห้องพัก ในมือข้างหนึ่งกำยาฉีดช่วยหายใจและถุงยาไว้แน่น พนักงานโรงแรมจึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาลเชียงใหม่–ราม ต่อมานายสตีเว่นกลับมาถึงโรงแรมทราบข่าวจึงรีบตามไปดูอาการแฟนสาวที่โรงพยาบาล

ด้านน.พ.สุเมธ กล่าวว่า การที่ผู้ตายเสียชีวิตกะทันหันนั้นอาจเกิดจากโรคหืดหอบซึ่งเป็นโรคประจำเกิดกำเริบขึ้นมาระหว่างที่อยู่ที่พัก เพียงคนเดียวจึงไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ส่วนสาเหตุที่โรคกำเริบขึ้นนั้นอาจเป็นเพราะในห้องพักเปิดแอร์เย็นเกินไปทำให้หายใจไม่ออก ผู้ตายจึงพยายามใช้ยาช่วยขยายต่อมในร่างกายเพื่อช่วยให้หายใจคล่องขึ้น แต่ไม่ได้ผล อาการผู้ตายไม่ดีขึ้นจึงต้องตะเกียกตะกายออกมานอกห้องขอความช่วยเหลือ โดยในมือผู้ตายยังกำยาฉีดช่วยขยายต่อมอยู่ด้วย
ทางด้านญาติที่มาร่วมรับศพราชีนีเพลงจีน “นายเติ้ง ฉาง ลี” กล่าวว่า เติ้ง ลี่ จวิน พี่สาวของตนมีโรคหืดหอบเป็นโรคประจำตัว ครอบครัวตนก็รู้ดี และการที่ตนและญาติเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้เพราะต้องการรับศพพี่สาวกลับบ้านเกิดที่ประเทศไต้หวันให้เร็วที่สุด
“ผมและครอบครัวไม่ติดใจเอาความใดๆทั้งสิ้น เมื่อคืนนี้พวกเราได้ประกอบพิธีทางศาสนาไปแล้วเราจะนำศพของพี่สาวไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศไต้หวันอีกครั้ง ตอนนี้คงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้พวกเรากำลังเศร้าโศก ตอนนี้อยากจัดการเรื่องศพพี่สาวกลับไต้หวันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” นายเติ้ง ฉาง ลี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กรณีการเสียชีวิตของเติ้ง ลี จิน นี้ ทางสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ในประเทศไต้หวันให้ความสนใจกันมาก ทั้งนี้ “นายเจสัน อู” โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า การตายของเติ้ง ลี จิน ไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนชาวไต้หวันคิดถึงเสียงเพลงอันไพเราะอ่อนหวานของเธอเท่านั้น แต่เธอยังจะได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีของชาติอีกด้วย เพราะเติ้ง ลี่ จวิน เคยแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลให้กองทัพไต้หวันมากมายหลายครั้ง
ด้านนายทหารผู้หนึ่งกล่าวว่า เติ้ง ลี่ จวิน ไม่เคยบ่นถึงทำงานหนักของเธอเลยตลอดเวลาที่เธอแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลเพื่อกองทัพ ซึ่งเธอมักจะทำได้ดีที่สุดและแสดงให้เห็นถึงความรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ยูไนเต็ด เดลินิวส์ ได้ลงพาดหัวข่าวถึงเพลงที่ดังที่สุดของเธอที่ชื่อว่า “เมื่อไหร่คุณจะกลับมาอีกครั้ง” และหนังสือพิมพ์เซ็นทรัล เดลินิวส์ พาดหัวว่า “เทเรซ่า เติ้ง จะอยู่กับเรานิรันดร”
รายงานระบุว่าแม้เนื้อหาของเพลงของเติ้ง ลี่ จวิน ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ก็เป็นเพลงที่ทำให้เกิดบรรยากาศมิตรภาพระหว่างประชาชนของจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน ในช่วงปลายปี 1970-ต้นปี 1980 ก่อนทั้งสองประเทศจะฟื้นสัมพันธไมตรี
นอกจากนั้นเติ้ง ลี จวิน ยังเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงคนแรกของไต้หวัน ที่ไปสร้างความนิยมในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเทปของเธอขายได้เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจีนจะไม่สนับสนุนให้ประชาชนซื้อเทป หรือฟังเพลงของเติ้ง ลี จวิน เพราะถือว่าเป็นการสนับสนุนไต้หวันก็ตาม
ขณะเดียวกันก็มีการเปรียบความโด่งดังของเธอในเชิงติดตลกว่า เธอมีแซ่เดียว “เติ้ง เสี่ยว ผิง” ผู้นำอาวุโสของจีน จนเธอได้รับฉายาว่า “เติ้งน้อย” แต่สำหรับปฏิกิริยาจากเจ้าหน้าที่ของจีนแผ่นดินใหญ่ ยังคงเงียบต่อข่าวการตายของเติ้ง ลี จวิน
อย่างไรก็ตาม ในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพรรดคอมมิวนิสต์ก็ยังระบุถึงการจากไปของนักร้องสาวผู้โด่งดังด้วย
ส่วนทางด้านหนังสือพิมพ์ในฮ่องกงก็ลงข่าวการตายของเติ้ง ลี่ จวินอย่างครึกโครมเช่นกันโดยมีข้อความ ว่า “เติ้ง ลีจวิน ไม่ได้เป็นแค่นักร้องเท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักการทูตที่ประสบความสำเร็จ ขณะที่นักการเมืองหลายคนล้มเหลวในการเชื่อมความสัมพันธ์ให้เป็นหนึ่งเดียวของชาวจีนหลายล้านคนในเมืองจีน–ไต้หวัน–ฮ่องกง และทั่วโลก ด้วยเสียงเพลงอันอ่อนโยนและเพลงอันไพเราะ”