
สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ร่วมกับบริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเวทีนโยบายรับมือโรคอ้วนระหว่างเดนมาร์ก-ไทยขึ้นเป็นครั้งแรก เผยองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดโรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่มีความรุนแรง ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจกว่าปีละ 220,000 ล้านบาท แพทย์แนะวิธีรักษา เน้นปรับพฤติกรรมการกินอาหาร+ออกกำลังกาย
สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ร่วมกับบริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด (“โนโว นอร์ดิสค์”) จัดงานเวทีนโยบายรับมือโรคอ้วนระหว่างเดนมาร์ก-ไทยขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเชิญผู้กำหนดนโยบาย บุคลากรทางการแพทย์ และตัวแทนธุรกิจในวงการสาธารณสุขมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความท้าทายจากอัตราการเป็นโรคอ้วนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “โรคอ้วน-ความท้าทายด้านสุขภาพและเศรษฐกิจระดับชาติ ร่วมมือกันวันนี้เพื่ออนาคตของทุกคน” ภายในงานประกอบด้วยปาฐกถาจากตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ และการเสวนาบนเวทีจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายภาคส่วน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่มีความรุนแรง ในประเทศไทยโรคอ้วนถือเป็นปัญหาทางสาธารณสุขสำคัญ โดยมีประชากรมากกว่าร้อยละ 40 ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน นอกจากนี้โรคอ้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังร้ายแรง อาทิ เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคไตเรื้อรัง โดยเกือบหนึ่งในสามของผู้ที่เป็นโรคอ้วนประสบกับภาวะเหล่านี้, นอกจากจะเป็นความท้าทายด้านสาธารณสุขที่สำคัญแล้ว โรคอ้วนยังสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในรูปแบบของประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น และอุปสรรคระยะยาวต่อการพัฒนาของประเทศไทย มีการประมาณการเมื่อปี พ.ศ. 2562 ว่า โรคอ้วนส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่าร้อยละ 1.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี (หรือราว 220,000 ล้านบาท) และคาดว่าตัวเลขนี้อาจสูงถึงร้อยละ 5 ของจีดีพี (หรือประมาณ 850,000 ล้านบาท) ภายในปี พ.ศ. 2603 หากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการรับมือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เนื่องจากเป็นหนึ่งในความท้าทายของระบบสาธารณสุขไทยและการพัฒนาประเทศ โดยขณะนี้กระทรวงกำลังดำเนินการบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาที่กำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้นนี้”
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรีและประธานสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “โรคอ้วนไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำหนักตัวของแต่ละคนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของไทยและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การรับมือกับปัญหานี้ ภาครัฐจำเป็นต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน”
ด้าน นพ.กฤช ลี่ทองอิน ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงผลกระทบจากปัญหาโรคอ้วนว่า สุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ เราจำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างการดูแลให้ผู้ป่วยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในระยะยาว
ในฐานะเจ้าภาพของงานเสวนาครั้งนี้ ฯพณฯ แดนนี่ อันนัน เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาโรคอ้วนไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง เดนมาร์กเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่โนโว นอร์ดิสค์ ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการโรคอ้วน ความร่วมมือระหว่างบริษัทเดนมาร์กกับหน่วยงานของไทย รวมถึงสถาบันด้านสาธารณสุขในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเดนมาร์กและไทย ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับองค์กรและระดับประชาชน”
รศ.พญ.ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า โรคอ้วนในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคนไทย 40% มีภาวะน้ำหนักเกิน และเกือบ 40% เป็นโรคอ้วนลงพุง โดยโรคอ้วนถูกจัดเป็น “โรคเรื้อรัง” เช่นเดียวกับเบาหวาน ความดัน เรามีวิธีวัด : ค่า BMI (ค่าปกติ 18.5-23, เกิน 23 = น้ำหนักเกิน, เกิน 25 = อ้วน), เส้นรอบเอวเกิน 80 ซม. (หญิง)/90 ซม. (ชาย)
“โดยความอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร่วม เช่น เบาหวาน หัวใจ หลอดเลือด กระดูกเสื่อม นอนกรน ภาวะซึมเศร้า ฯลฯ ควรรักษาด้วยการ ปรับพฤติกรรม อาหาร+ออกกำลังกายระยะยาว หากไม่สำเร็จ อาจใช้ยา และทางเลือกในการรักษาสุดท้ายคือ ‘ผ่าตัดลดกระเพาะ’ ซึ่งได้ผลดีที่สุด (ลดได้ 20-30%) แต่ต้องมีการติดตามผลและกินวิตามินตลอดชีวิต แต่การลดน้ำหนักแบบยั่งยืน คือลดไขมันแต่รักษากล้ามเนื้อไว้ ควรลดน้ำหนักเดือนละประมาณ 2 กก.อย่างปลอดภัย” รศ.พญ.ประพิมพ์พรกล่าว
ภายในงานยังมีการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญ โดยได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์ ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ นายกสมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย และนายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด โดยการเสวนาเน้นทั้งนโยบายด้านโรคอ้วนในประเทศไทยและแนวทางจากต่างประเทศ โดยชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการกำหนดนโยบายเพื่อรับมือกับอัตราการเป็นโรคอ้วนที่สูง โดยเฉพาะในเขตเมืองของประเทศไทย และเน้นย้ำถึงความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
“เราเชื่อว่าการรับมือกับวิกฤตโรคอ้วนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ความร่วมมือระหว่างรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ และตัวแทนธุรกิจในวงการสาธารณสุข จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและจัดการกับโรคอ้วน” นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “โนโว นอร์ดิสค์มุ่งมั่นที่จะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคอ้วนและผลกระทบของโรค พร้อมทั้งร่วมสนับสนุนการดำเนินงานด้านสาธารณสุขของประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง”