
สัมภาษณ์พิเศษ
เรื่อง : ธีรดา ศิริมงคล
ภาพ : ชัญญา พรรณศรี, เบญญาภา ปาประโคน
กลายเป็นไวรัลไปทั่วทามไลน์ กับบทเครื่องด่าสุดทรงพลัง “รุ่ยเจี๋ย” ในซีรี่ส์ “สงคราม ส่งด่วน” (Mad Unicorn)ซีรีส์ออริจินัล Netflix วันนี้ ดร.พลัง โลกศิลป์ เปิดใจกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าตอนแรกที่ทราบว่าได้รับบทรู้สึกดีใจมาก อย่างแรกที่ทำคือต้องกลับไปฟื้นความรู้ทางด้านการแสดง เทคนิคต่างๆ ที่เราเคยเรียนรู้จากที่จีน ฟื้นฟูภาษาไทยให้คล่อง หาดีไซน์การแสดง ทำการบ้านหนักมาก เพราะเราหยุดไปนาน ผมหาความทรงจำทั้งหมดที่เราสามารถนำมาใช้กับคาแรคเตอร์นี้ได้ เรียนรู้เรื่องทีมเทคด้านคอมพิวเตอร์ เรียนรู้เรื่องสตาร์ทอัพ เพราะในเรื่องเราต้องเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากๆ จนเราเริ่มเห็น “รุ่ยเจี๋ย” ชัดเจนขึ้น
ตกใจบทเครื่องด่า
ตอนเห็นบทแล้วตกใจกับการต้องด่าตลอดเวลา เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบใช้ในชีวิตประจำวันเลย เราชอบความสงบ ชอบอยู่ชิลๆ สร้างสรรค์ไม่ชอบการพูดจารุนแรง เราเคยเรียนมาว่าต้องพูดจาอย่างไรให้เขาไม่รู้สึกไม่สบายใจ ต่างจากคาแรคเตอร์นี้มาก เพราะคาแรคเตอร์นี้ต้องทำร้ายจิตใจคนอื่นทุกคำพูดเลย มันต้องใจเอนเนอร์จี้เยอะ เป็นสิ่งที่เราต้องกลับไปทำการบ้านเหมือนกันว่าจุดประสงค์ของตัวรุ่ยเจี๋ยคือต้องด่าเพื่อให้ลูกน้องดี เพราะเป็นคนยุคสมัยนั้น มีแนวคิดแบบนั้น เราด่าเพราะหวังดี ไม่ได้ด่าเพื่อทำร้ายคนอื่น ต้องสร้างคาแรคเตอร์ในใจไว้แบบนั้น ในชีวิตจริงมันก็มีคนที่ใช้วิธีการแบบนี้อยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่เล่นเสร็จเราก็เหนื่อย หมดพลัง เจ็บคอด้วยที่ต้องด่า เพราะตัวจริงเราไมได้เป็นแบบนั้น
เจ้านายแบบ “รุ่ยเจี๋ย”
ผมรู้สึกเข้าใจนะ ว่าเขาเป็นแบบนั้นเพราะอะไร จุดประสงค์ของเขาที่มีต่อลูกน้องมันดีอยู่แล้ว เพียงแต่วิธีการของเขามันรุนแรงทำร้ายจิตใจ แต่กับลูกน้องบางคนอาจจะต้องใช้วิธีนี้จริงๆ ต้องด่าต้องเฆียนให้เขาทำ แต่ถ้าลูกน้องบางคนที่เขาต้องการกำลังใจ เราก็อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการ เราควรรู้ว่าเจอคนแบบใดจะใช้วิธีแบบไหนที่เหมาะสมกับเขา งานจะราบรื่นขึ้น แล้วคุณเองก็คงสบายขึ้น
มีคนเข้ามาให้ด่า
เยอะมากครับ เช่นผมเล่นกีฬาอยู่แล้วเด็กก็วิ่งเข้ามาให้ด่า จริงๆก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวเหมือนกัน (ยิ้ม) เพราะชีวิตจริงเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ผมก็พยายาม เพราะไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าไม่เล่นด้วย ก็เลยหาวิธีเล่นกับทุกคน แต่ว่านานๆ ไปเสียงผมคงจะหายเพราะเจ็บคอ (หัวเราะ)
ความยากง่ายของบท
บทนี้ยาทตรงที่พอแอคชั่นอารมณ์รุ่ยเจี๋ยจะสุดขีดแล้ว เราต้องเข้าคาแรคเตอร์ได้ทันที คุณไม่มีเวลาให้ค่อยๆ ไล่อารมณ์ไปทีละนิดได้ ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวเตรียมอารมณ์ให้พร้อมก่อนจะแอคชั่น แต่เมื่อเราหาตัวตนของรุ่ยเจี๋ยพบมันก็ง่ายแล้ว มีจุดผ่อนคลายทำให้รู้แล้วว่าเราจะมีคอมมีดี้อะไรเสริมเข้าไปได้
แววตาสิ้นหวัง
เอาจริงๆ ประทับใจทุกฉาก เพราะทุกคนส่งอารมณ์มาให้ผมอย่างเต็มที่แล้วผมรู้สึกถึงมันได้เลย อย่างฉากสันติโปรยเงิน มันไม่ไหวแล้ว เหมือนอยากจะไปเผาบ้านเขา ผมเห็นแววตาความสิ้นหวังนั้นจริงๆ หรือฉากที่ลูกน้องเราลีนุกซ์ ฟิวส์ขาดไม่อยากทำงานแล้วเพราะแม่ป่วย เรารับรู้ความรู้สึกนั้นได้จริงๆ จนไม่อยากจะเขาด่าแล้ว ความสิ้นหวังมันแสดงยาก คุณต้องผ่านอะไรมาบ้างอย่างถึงเอามันออกมาได้ เทคนิคการแสดงสุดท้ายแล้วมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคุณ ผู้กำกับเข้าเก่งจริงๆ ที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา คาแรคเตอร์ด่าก็เป็นผู้กำกับเขียนขึ้นมา ประทับใจ
บทรุ่ยเจี๋ยส่งความดัง
ตอนที่รับบทนี้มาไม่เคยคิดเลยว่าจะดังขนาดนี้ เราทำเหมือนตอนที่อยู่จีน ได้บทมาแล้วก็แสดงไป ทำงานให้เป็นมืออาชีพที่สุด ไม่ทำให้กองถ่ายเดือดร้อนเพราะเรา ตอนทำก็ทำเต็มที่ ตอนจบเรายังรู้สึกว่าจบแล้วหรอ ไม่อยากให้จบเลย
สุดท้ายฝากคนที่ยังไม่ได้ดู “สงคราม ส่งด่วน” มันดีเกินคาด เมื่อคุณดูแล้วก็จะรู้เองว่ามันดีอย่างไร ดีตรงไหน สิ่งที่ดีที่สุดคือเมื่อดูแล้วเราจะได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง เหมือนมีแรงผลักให้คุณออกไปทำสิ่งที่คิด หรือไม่คาดคิดก็ได้
ก่อนที่ จะทิ้งท้ายว่า “ตั้งใจทำงานกันนะ ไอ้พวกหอยทาก !!!”