“โชค บูลกุล” ใช้สูตรวินัยการเงินส่วนตัว กับธุรกิจฟาร์มโชคชัย

เราเคยได้ยินกันว่าคนมีต้นทุนดี เกิดมารวย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมได้เปรียบคนที่ต้นทุนน้อยกว่า แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะบางครั้งคนที่มีต้นทุนดีก็อาจจะเจอวิกฤต เจอจุดพลิกผันในชีวิตหรือในธุรกิจ ซึ่งถ้าเป็นคนที่มีต้นทุนดี แต่ไม่มีภูมิคุ้มกันก็อาจจะพยุงตัวเองผ่านพ้นวิกฤตไม่ได้

มีตัวอย่างให้เห็นหลาย ๆ กรณีว่า หลายบริษัทหลายธุรกิจเจอวิกฤตแล้วล้ม พัง ลุกไม่ขึ้น

…แต่ก็มีหลายบริษัท หลายคนที่เจอวิกฤตแล้วแค่เซ หาทางยืนต่อได้ อย่างเคสของ โชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย ที่เคยเจอวิกฤตเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน แต่เขาก็พยุงธุรกิจต่อมาได้

โชค บูลกุล เข้าร่วมงานเปิดโครงการ “ฉลาดคิด ฉลาดใช้” โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และได้แชร์ประสบการณ์การพยุงธุรกิจผ่านวิกฤติและแชร์วินัยทางการเงินของเขาโดยเล่าย้อนไปถึงตอนที่ธุรกิจฟาร์มโชคชัยเจอวิกฤตการณ์ในปี 2553 ว่า ฟาร์มโชคชัยมีหนี้กว่า 400 ถึง 600 ล้านบาท ณ ตอนนั้นเขาต้องตั้งสติและกลับมานั่งวิเคราะห์ให้เข้าใจถึงจุดอ่อน จุดแข็ง และรอยรั่วในธุรกิจของตัวเอง ถอยกลับมาแยกแยะว่าอะไรที่ควรตัด อะไรที่ควรเก็บไว้

เขายอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะตัดสิ่งที่เคยมีออกไปในเวลานั้น หลังจากคิดวิเคราะห์และประชุมกันอย่างถี่ถ้วน จึงตัดสินใจขายกิจการนมสดตราฟาร์มโชคชัยออกไป และเลือกเก็บไว้แค่ธุรกิจการเกษตร ซึ่งมองว่าเป็นจุดแข็ง

“หลังจากขายกิจการไปตอนนั้นธุรกิจก็ยังติดลบ แต่เราก็พยายามจัดสรรการบริหารเงิน ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ผมไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่อายุ 12 คุณแม่ให้เงินมาเป็นเดือน ๆ

ให้เราบริหารเอาเอง แรก ๆ ก็ไม่พอหรอกครับ อยากได้อะไร เราก็ซื้อไม่ได้ คิดคำนวณค่าใช้จ่ายจนเงินไม่พอใช้ จากจุดนั้นทำให้เราเรียนรู้การบริหารเงินของเราจนติดเป็นนิสัยที่ต้องวางแผนรายรับรายจ่ายต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน”

โชคบอกว่าได้นำวินัยด้านการใช้เงินส่วนตัวมาใช้กับการทำธุรกิจด้วย พร้อมแชร์ว่า ตอนนี้ในกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย แบ่งเงินเป็น 5 ส่วน คือ 1.เงินลงทุนต่อยอดธุรกิจ 2.เงินสำรองเผื่อเงินเฟ้อ 3.เงินออม 4.เงินเผื่อมีเหตุไม่คาดคิดที่ทำให้ต้องถอนธุรกิจจากตลาด 5.เงินของขวัญพนักงาน ซึ่งเงิน 5 ส่วนนี้ สัดส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ตลาดในแต่ละปี ทุกต้นปีจะจัดสรรแบ่งสัดส่วนเงินในแต่ละกอง

“อยากฝากถึงเด็ก ๆ ยุคใหม่ว่าเราต้องรู้เท่าทันการตลาดและกระแสโลกที่พยายามทำให้เราเป็นสาวก ทำให้อยากได้ อยากมี และติดอยู่ในวังวนการตลาด ดังนั้นขอให้เรารู้เท่าทันสิ่งเร้าเหล่านี้ อย่าซื้อของตามอารมณ์ ถ้าไม่ใช่ความต้องการหรือความจำเป็นจริง ๆถ้าเรารู้ทันก็จะทำให้เราจัดการการใช้เงินของเราได้ดียิ่งขึ้น” บอสฟาร์มโชคชัยบอก