เลือกฝากเงินแบบไหน แบงค์ไหน จะให้ดีโดนใจอย่าดูที่ “ดอกเบี้ย” เพียงอย่างเดียว

แต่ละคนมีวิธีเก็บออมเงิน หรือนำเงินไปลงทุนให้เกิดประโยชน์แตกต่างกันไป หลายคนนำเงินไปลงทุนเพราะหวังกำไรหรือผลประโยชน์ที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบการลงทุน ไม่อยากทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง ในใจมีแต่เรื่องการฝากธนาคารกินดอกเบี้ยเท่านั้น ก็คงต้องพิจารณากันหน่อยว่าจะทำอย่างไรให้ได้ดอกเบี้ยหรือสิทธิประโยชน์ให้คุ้มค่ามากที่สุด

รูปแบบเงินฝากในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายที่ธนาคารแต่ละแห่งจะสรรหามาดึงดูดใจผู้ฝาก มีรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ผู้ฝากยุคใหม่อย่างเราต้องฉลาดเลือกกันหน่อย พิจารณากันให้ถ้วนถี่ว่ารูปแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด อย่าทิ้งเงินฝากไว้ในบัญชีแบบไม่ใส่ใจ แค่เสียเวลาเปรียบเทียบกันสักนิด เพื่อจะได้เลือกใช้บัญชีเงินฝากที่คุ้มค่าและเหมาะกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง

หากพูดถึงบัญชีเงินฝากออมทรัพย์โดยทั่วไปแล้วหลายคนคงแทบไม่อยากพูดถึงดอกเบี้ย เพราะเป็นบัญชีเงินฝากที่ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเสียเหลือเกินเฉลี่ยแทบทุกธนาคารแล้วจะอยู่ประมาณ 0.50%

ถึงแม้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์จะต่ำเตี้ย แต่ต้องยอมรับว่าบัญชีเงินฝากนี้ถือเป็นความคุ้นเคยของผู้ฝากกว่า 90% ดังนั้นเมื่อมีเงินเหลือจากการใช้จ่ายก็จะมาเปิดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ด้วยข้อดีก็คือ สามารถเบิกหรือถอนตอนไหนก็ได้ จะทำวันละกี่ครั้งก็ได้ ส่วนข้อเสียนอกจากดอกเบี้ยต่ำแล้ว ยังทำให้ไม่ช่วยในเรื่องของการออมเงิน เพราะเบิกถอนทำได้ง่ายเกินไป และยังต้องถูกรัฐเก็บภาษีดอกเบี้ยด้วย (กรณีรับดอกเบี้ยเงินฝากเกิน 20,000 บาท/ปี) ทำให้ไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากเงินฝากแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ขณะที่บัญชีเงินฝากประจำ มีข้อจำกัดเรื่องการเบิกถอน ต้องรอให้ครบกำหนดตามเงี่อนไขการฝาก หากมีการเบิกถอนก่อนสิทธิประโยชน์จะไม่เท่าเดิม เช่น ถอนก่อนครบกำหนดระยะเวลาฝากจะโดนลดดอกเบี้ย เป็นต้น แต่การฝากแบบนี้จะช่วยในการเก็บออมเงินได้ดีกว่าและได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีประเภทออมทรัพย์ แต่ก็ต้องดูให้ดีด้วย เพราะฝากประจำจะโดนหักภาษีดอกเบี้ย ณ ที่จ่าย 15% ตั้งแต่บาทแรกที่เราได้รับ

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บัญชีออมทรัพย์ต้องการฝากเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะให้ดอกเบี้ยสูงเมื่อลูกค้าเปิดบัญชีและฝากเงินในระยะยาว เช่น ต้องฝาก 6 เดือน, 12 เดือน หรือ 24 เดือนขึ้นไป และในช่วงดังกล่าวลูกค้าจะไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน และถอนออกมาเมื่อไหร่ดอกเบี้ยที่ได้รับก็จะลดลง

ดังนั้น ผู้ฝากเงินจึงต้องมองหาทางเลือกที่จะทำให้การฝากเงินเป็นอะไรที่ไม่ต้องเลือก หรือไม่เป็นแบบได้อย่างเสียอย่างอีกต่อไป คือสามารถถอนเงินได้เมื่อต้องการใช้เงิน ควบคู่ไปกับได้ดอกเบี้ยสูง และหากมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมให้อีก ก็ยิ่งโดนใจลูกค้าในยุคปัจจุบันมากขึ้นไปอีก

เมื่อโจทย์ของผู้ฝากเป็นเช่นนี้ ลองมาไล่เรียงกันหน่อยว่ามีผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารใดบ้างที่ใกล้เคียงกับโจทย์นี้

เริ่มกันที่ ทีเอ็มบีมีการแยกบัญชีให้ผู้ฝากเลือกตามความต้องการใช้ คือ บัญชีเพื่อออม ทีเอ็มบีโน ฟิกซ์ บัญชีเพื่อออมรูปแบบใหม่ ที่ทำให้การฝากเงินของลูกค้าเป็นอะไรที่ไม่ต้องเลือกอีกต่อไป เพราะให้ดอกเบี้ยสูงเหมือนฝากประจำ แต่ถอนได้เหมือนบัญชีออมทรัพย์ ไม่มีขั้นต่ำ ฝากเท่าไหร่ก็ได้ ให้ดอกเบี้ย 1.3% ต่อปีตั้งแต่บาทแรกกันเลยทีเดียวถอนเมื่อไรก็ได้ไม่กำหนดระยะเวลาฝาก และไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก (กรณีรับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 20,000 บาท) และบัญชีเพื่อใช้ ทีเอ็มบีออลล์ ฟรี (บัญชีที่ลูกค้าทำธุรกรรมกด โอน จ่าย ฟรีค่าธรรมเนียม แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง) นอกจากนี้ยังมีการผนึกกันจูงใจให้ลูกค้าเปิดบัญชีทั้งสองคู่กัน เพื่อจะได้รับดอกเบี้ยเป็น 1.6% ต่อปี เพียงใช้บัญชี ทีเอ็มบีออลล์ ฟรี อย่างน้อย 5 ครั้ง/เดือน (จะได้รับดอกเบี้ยในเดือนถัดไป)

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยมีแต่ได้ ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถือว่าให้ดอกเบี้ยสูง คิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน ในอัตรา 1.30% ต่อปี สำหรับทุกยอดคงเหลือ ณ สิ้นวันตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 50 ล้านบาท (กรณียอดคงเหลือไม่ถึง 1 แสนบาท หรือมากกว่า 50 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อปี) เหมาะสำหรับบัญชีออมทรัพย์ที่ไม่ได้เบิก ถอน หรือโอนเงินจากบัญชีบ่อย ๆ เพราะการถอนหรือโอนเงินจากบัญชีตั้งแต่ครั้งที่ 3 ของเดือนขึ้นไปจะคิดค่าธรรมเนียมครั้งละ 50 บาท

ไปดูฝั่งบัญชีเงินฝากประจำกันบ้าง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารเกียรตินาคินได้ออกบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ 7 เดือน ให้ดอกเบี้ย 1.45%เปิดบัญชีขั้นต่ำ 50,000 บาท – 10 ล้านบาท และให้ดอกเบี้ยพิเศษกรณีลงทะเบียนบริการ KK พร้อมเพย์ได้รับเพิ่มเป็น 1.50% ซึ่งอย่างที่บอกบัญชีประเภทนี้ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ แต่มีเงื่อนไขเรื่องการเบิกถอนตามกำหนด

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์อัลตร้าเซฟวิ่งที่ฝากแบบออมทรัพย์รับดอกสูงแบบประจำของธนาคารธนชาต ที่ประชาสัมพันธ์ว่าจุดเด่นคือเบิกถอนได้ทุกวัน รับดอกเบี้ยทุกเดือน ดอกเบี้ยสูงสุด 1.3 % ต่อปี ต้องมียอดคงเหลือ 1 ล้านบาท ไม่ถึง 50 ล้านบาท ถ้าเกิน 50 ล้านบาทจะได้ดอกเบี้ย 1.0% ต่อปี แต่เมื่อศึกษารายละเอียดสรุป เบิกได้เดือนละ 2 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนเงิน และต้องเปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 หมื่นบาทรับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.75% ต่อปี ถ้าฝากเกินถึง 3 หมื่นบาทขึ้นไปถึงจะได้ 1.0% ต่อปี

สรุปว่าสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกฝากเงินอย่าดูดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาเงื่อนไข ความคุ้มค่า สิทธิประโยชน์อื่น ๆ และความมั่นคงของสถาบันการเงินประกอบด้วย