ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บรรดาแบรนด์นาฬิกาหรูได้ปล่อยคอลเล็กชั่นใหม่ออกมารับปีใหม่กันอย่างต่อเนื่อง แต่ละแบรนด์จัดเต็ม ใส่ของดีทีเด็ดในการรังสรรค์เรือนเวลารุ่นใหม่กันอย่างน่าสนใจ แบรนด์ไหนทำอะไรพิเศษ ๆ ออกมาบ้าง มาดูกันเลย
Code 11.59 by Audemars Piguet
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) เปิดตัว “CODE 11.59” นาฬิกายูนิเซ็กซ์ขนาดหน้าปัด 41 มิลลิเมตร ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 13 เวอร์ชั่น
คำว่า “CODE” มาจากการนำตัวย่อของคำว่า Challenge, Own, Dare, Evolve ที่เป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์มาเรียงกัน เกิดเป็นรหัสที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ส่วน 11.59 คือเลขนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ซึ่งเปรียบได้ดั่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำเกมอยู่หนึ่งก้าวเสมอ
CODE 11.59 สร้างการจดจำด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หน้าปัดทรงกลม ซิกเนเจอร์แปดเหลี่ยม และดีไซน์ที่ยากจะคาดเดา ออกแบบเพื่อวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการมองเห็นผ่านดีไซน์กระจกคริสตัลทรงโค้ง 2 ชั้น โลโก้ 3 มิติบนหน้าปัดเพิ่มความมีมิติและเปี่ยมด้วยความประณีตบรรจง ส่วนด้านกลไกนั้นมีหลากหลายถึง 6 กลไก ซึ่ง 3 ใน 6 เป็นกลไกที่ผลิตขึ้นใหม่ทั้งหมด ได้แก่ กลไกไขลานอัตโนมัติ จับเวลาแบบ Column Wheel พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก ที่เริ่มจับเวลาครั้งใหม่โดยไม่ต้องหยุดและรีเซตเข็มเวลาก่อน (คาลิเบอร์ 4302), กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมเข็มวินาทีและช่องแสดงวันที่ (คาลิเบอร์ 4401, กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง (คาลิเบอร์ 2950) ไปจนถึงการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกต่าง ๆ ด้วยมือที่ถือเป็นงานฝีมือชั้นสูงของแบรนด์ ถ่ายทอดผ่านเทคนิคที่หลากหลาย
Piaget Altipano 219
ในปี 1957 เพียเจต์ (Piaget) ปฏิวัติโลกแห่งประดิษฐกรรมเรือนเวลาด้วยการเปิดตัวนาฬิกาตัวเรือนบางเฉียบ “อัลติพลาโน (Altiplano)” เป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นการสร้างนิยามใหม่แห่งความงามให้กับวงการนาฬิกา ด้วยความบางที่ไม่เคยมีมาก่อนและความบริสุทธิ์ของหน้าปัดซึ่งมอบรูปลักษณ์อันโดดเด่น ทำให้คอลเล็กชั่นนี้โด่งดังในประวัติศาสตร์แวดวงนาฬิกา และถือเป็นจุดกำเนิดเรือนเวลาระดับตำนาน
ปีนี้ เพียเจต์ สานต่อความน่าตื่นเต้นด้วยการเผยโฉม 3 เรือนเวลา “อัลติพลาโน” ล่าสุด ที่มาพร้อมลวดลายแปลกตาบนพื้นหน้าปัดหินอุกกาบาต ทั้งยังหลอมรวมศาสตร์และศิลป์ไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตนาฬิกาดีไซน์บางพิเศษ ไปจนถึงเทคนิคการฝังเพชรแบบดั้งเดิม
ทั้ง 3 เวอร์ชั่น รังสรรค์บนตัวเรือนพิงก์โกลด์ ขนาด 40 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยความสง่างามที่ยากจะเลียนแบบของแพตเทิร์น Widmanstatten บนพื้นหน้าปัดหินอุกกาบาตหลากสี เคียงคู่เข็มบอกชั่วโมงและนาทีดีไซน์เรียบง่าย และหน้าต่างบอกวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติแบบบางพิเศษ 1203P
Rado DiaMaster Ceramos
ราโด (Rado) เปิดตัวนาฬิกา “ราโด ไดมาสเตอร์ เซรามอส (Rado DiaMaster CeramosTM)” โดยดีไซน์ออกมาในรูปลักษณ์เพรียวบาง สัมผัสที่แข็งแกร่งแต่แฝงด้วยความละมุน จากสุนทรียภาพด้านการออกแบบที่เรียบง่าย ทำให้เกิดดีไซน์ที่โดดเด่น มีสไตล์ พร้อมด้วยโทนสีที่มอบความอบอุ่น
ด้วยความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ ราโดจึงนำเสนอ “เซรามอส (Ceramos)” วัสดุใหม่ที่เป็นนวัตกรรมที่นำเอาประโยชน์จากไฮเทคเซรามิก (90%) เพิ่มเติมด้วยความมีชีวิตชีวาของโลหะ (10%) เพื่อให้ได้สัมผัสและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร วัสดุชนิดนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิของผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำให้รู้สึกถึงความเย็นเมื่อสวมใส่ และไม่เหนอะหนะเมื่ออากาศร้อน
Mido Multifort Chrono 1
มิโด (Mido) เปิดตัวคอลเล็กชั่นนาฬิกาผู้ชายในชื่อ “มัลติฟอร์ท โครโน วัน (Multifort Chrono 1)” ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ทันสมัยและกลไกที่ถูกพัฒนาขึ้นบนความยอดเยี่ยมของนวัตกรรมของโลกแห่งเรือนเวลา
ตัวเรือนทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร ผ่านการขัดแต่งด้วยลวดลายซาตินขัดเงา ให้สัมผัสที่แข็งแกร่ง เคลือบด้วย PVD สีดำ เสริมลวดลายบนหน้าปัดแบบเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) สื่อถึงสายเคเบิลที่ขึงบนสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ ชุดเข็มนาฬิกาที่มีการเคลือบด้วยสารเรืองแสงแบบซูเปอร์-ลูมิโนวาสีเบจ ช่วยในการมองเห็นในที่มืด เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมีการตกแต่งแบบไดมอนด์-คัต ขัดแต่งลวดลายซาตินรับกับเข็มวินาทีสีเบจ ปิดครอบด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทนแรงกระแทกและรอยขีดข่วน พร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน มาพร้อมกับสายนาฬิกาที่ผลิตจากสายยางหุ้มด้วยผ้าสีดำตัดเย็บเดินด้วยด้ายสีเบจ พร้อมตัวรัดสายที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีดำ สร้างความหรูหรายามสวมใส่ในทุก ๆ โอกาส
ขับเคลื่อนด้วยกลไก Caliber 80 Si ซึ่งเป็นกลไกที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อนาฬิกาหรู มีการใช้ไขลานที่ผลิตจากซิลิคอน เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะคงความเที่ยงตรงได้นานกว่ากลไกปกติ อีกทั้งยังทนทานต่อสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ยังมีการสำรองพลังงานที่มากถึง 80 ชั่วโมง
Omega De Ville Tresor 125th Anniversary
โอเมก้า (Omega) ฉลองครบรอบ 125 ปี ด้วยการเผยโฉมเรือนเวลา De Ville รุ่นใหม่ที่ผสานไว้ทั้งความเป็นเอกลักษณ์และกลไกอันน่าตื่นตาตื่นใจ นับเป็นครั้งแรกที่โอเมก้าได้ผลิตนาฬิกาข้อมือหน้าปัดอีนาเมลสีแดง การออกแบบสุดท้าทายนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีประจำแบรนด์อันเป็นอัตลักษณ์ ซึ่งเข้ากันอย่างลงตัวกับสายหนังสีเบอร์กันดีที่ตัดเย็บด้วยด้ายสีเดียวกัน
การออกแบบเป็นลักษณะเดียวกันกับนาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษในคอลเล็กชั่น De Ville Tresor ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร ทำจากเยลโลว์โกลด์ 18K มาพร้อมกับหลักชั่วโมงทรงโดมและเข็มนาฬิกาที่ออกแบบมาอย่างวิจิตร ความงามยังเป็นที่ประจักษ์กระทั่งบนฝาหลัง ที่เฉลิมฉลองวาระครบรอบปีที่ 125 ของชื่อแบรนด์ผ่านเหรียญที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษจากเยลโลว์โกลด์ 18K พร้อมแต่งแต้มด้วยอีนาเมลสีแดง และล้อมรอบด้วยการแกะสลักตกแต่งแบบมัสคีนนิ่งแบบเดียวกับที่เคยใช้บนคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์บางเครื่องของ OMEGA ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศสหรัฐอเมริกา และเพื่อเป็นการคารวะให้กับคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์อันโด่งดัง หัวใจจักรกลที่บรรจุอยู่ภายในเรือนเวลารุ่นใหม่จึงเป็น OMEGA Master Chronometer Calibre 8929 กลไกไขลานแบบแรกของแบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Master Chronometer