TAYLOR SWIFT กราฟไม่เคยตก จากเจ้าหญิงคันทรี่ สู่นางพญางูพิษ

“Welcome to my dark side” เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ไม่ได้กล่าวออกมาตรง ๆ แต่สิ่งที่เธอนำเสนอในมิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ “Look What You Made Me Do” มันสื่อออกมาอย่างชัดเจน

หลายปีแล้วที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ครองบัลลังก์นักร้องหญิงที่ดังที่สุดของยุค ถึงแม้ว่าในวงการเพลงฝั่งนักร้องหญิงมีการแข่งขันสูงมาก มีซูเปอร์สตาร์สาวเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครโดดเด่นเทียบรัศมีเธอคนนี้ได้

ปี 2006 เทย์เลอร์ สวิฟต์ เปิดตัวอัลบั้มแรก “Taylor Swift” ด้วยงานเพลงคันทรี่ กับลุกใส ๆ หวาน ๆ

ปี 2008 อัลบั้ม “Fearless” ตามออกมาในทิศทางที่ยังไม่ต่างจากเดิม ตอกย้ำความเป็นศิลปินคุณภาพที่น่าจับตามอง ส่งให้ความนิยมมากขึ้นไปอีก

ปี 2010 อัลบั้ม “Speak Now” เป็นอัลบั้มที่ดนตรีคันทรี่เดินทางมาเจอกับดนตรีพ็อปอย่างลงตัว

มาถึง ปี 2012 อัลบั้ม “Red” ออกมาพร้อมการเปลี่ยนลุกและแนวทางดนตรีใหม่ จากสาวผมหยิกหน้าใส ๆ เป็นผมตรง ปากแดงเปรี้ยวเฉี่ยว ขณะที่ดนตรีเปลี่ยนเป็นพ็อปเกือบเต็มตัว มีสำเนียงคันทรี่ให้ได้ยินน้อยนิดเท่านั้น อัลบั้มนี้ความเป็นพ็อปสตาร์ของเธอเจิดจ้าขึ้นมาก จนเรียกได้ว่าเป็นศิลปินหญิงเบอร์ 1 ได้แล้ว

ปี 2014 อัลบั้ม “1989” ตอกย้ำความเป็นพ็อปสตาร์ยิ่งขึ้นไปอีก กับการละทิ้งสำเนียงคันทรี่มาเป็นพ็อปเต็มตัว ในดนตรีแบบซินธ์พ็อป (Synth Pop) เป็นอัลบั้มที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นอัลบั้มพ็อปอย่างเป็นทางการชุดแรกของเธอ อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จทำยอดขายได้ 1.28 ล้านก๊อบปี้ในสัปดาห์แรกที่วางขาย และคว้ารางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดจากเวทีแกรมมี่ อวอร์ดส

ปีนี้อัลบั้มใหม่ “Reputation” ของเธอกำลังจะออกวางขายในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้

ตลอดเส้นทางในวงการเพลง กราฟความสำเร็จของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นกราฟเส้นตรงแนวทแยงที่ชี้ขึ้นไปเรื่อย ๆ ยังไม่มีรอยหยักแม้สักหยัก

แต่แน่นอนไม่มีใครเป็นที่รักของคนทั้งโลก ชื่อเสียงความนิยมที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ก็มาคู่กับเรื่องที่ต้องจัดการ และจำนวนคู่อริที่เพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นระดับตัวใหญ่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ไหนจะยังมีเหล่า “แอนตี้แฟน” หรือกลุ่มคนที่ไม่ชอบเธอเพิ่มขึ้นเช่นกัน

เทย์เลอร์ สวิฟต์ นำเรื่องราวในชีวิตของตัวเองมาถ่ายทอดในบทเพลงได้อย่างน่าฟังมาตลอด จากเจ้าหญิงคันทรี่แสนหวานที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองในวัยไร้เดียงสา สู่พ็อปสตาร์สีจัดจ้าน พูดถึงความรักและประสบการณ์ชีวิตหลายมุมขึ้น และปีนี้ เรื่องราวในชีวิตช่วงที่โด่งดังเป็นพ็อปสตาร์ ปัญหา และข่าวคราวที่ปรากฏในพื้นที่สื่อ ถูกนำมาพูดถึงในอัลบั้มใหม่ “Reputation” ซึ่งได้ปล่อยซิงเกิลแรก “Look What You Made Me Do” ออกมาสร้างความฮือฮาไปทั่วโลกแล้ว

เวลา 11 ปี กับวิวัฒนาการที่น่าสนใจของสาวคนนี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องดนตรี แต่ยังมีภาพลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปพร้อม ๆ กัน และที่สำคัญคือ ตัวตนของเธอที่เสริมความแข็งแกร่งขึ้นมาตามวัยและประสบการณ์

เทย์เลอร์ สวิฟต์ แสดงความแกร่ง ความกล้าหาญ การต่อรอง และการปะทะกับคู่กรณีให้เห็นหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์กับบริษัทให้บริการสตรีมมิ่งเพลง หรือกรณีการสู้คดีที่เธอโดน ดีเจ.ลวนลาม และเธอเพิ่งชนะคดีไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

“Look What You Made Me Do” เป็นเพลงที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ทำมาเพื่อล้างแค้นเลยก็ว่าได้ ในเนื้อเพลงและมิวสิกวิดีโอ เธอจิกกัดคู่กรณีคนสำคัญแบบไม่ขาดตกสักคน ไม่ว่าจะเป็น คานเย่ เวสต์ (Kanye West) คิม คาร์แดเชียน (Kim Cardasian) เคที่ เพอร์รี่ (Katy Perry) บริษัทมิวสิกสตรีมมิ่งชื่อดัง สปอติฟาย (Spotify) พระเอก ทอม ฮิดเดิลสตัน (Tom Hiddleston) แฟนหนุ่มคนล่าสุด แถมยังจิกกัดภาพลักษณ์ของตัวเองในอดีต แสดงให้เห็นว่าเทย์เลอร์ในปัจจุบันนี้ไม่ได้คิดอะไรเหมือนในอดีตแล้ว

ถ้าย้อนดูไทม์ไลน์จะเห็นว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่ได้เพิ่งเปลี่ยนตัวเองแบบหน้ามือเป็นหลังมือ พิษสงความร้ายกาจของเธอค่อย ๆ เพิ่มมาเรื่อย ๆ แต่ครั้งนี้ที่ว่ากันว่าเป็นจุดเปลี่ยนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะก่อนจะประกาศเปิดตัวอัลบั้ม เธอลบรูปภาพทั้งหมดในอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามมากถึง 102 ล้านคน เป็นการแสดงเชิงสัญญะว่า ไม่มีเทย์เลอร์ สวิฟต์ คนเดิมอีกแล้วนะ แล้วมาตอกย้ำด้วยเนื้อเพลงที่บอกว่า “I’m sorry, the old Taylor can’t come to the phone right now. Why ? Oh, ’cause she’s dead !” บวกกับเรื่องราวในมิวสิกวิดีโอที่เธอคืนชีพจากหลุมศพกลายเป็นคนใหม่ที่ ร้ายกาจ

นอกจากในแง่ภาพลักษณ์และเนื้อหาแล้ว ดนตรีในเพลงใหม่นี้ก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน จากเพลงซินธ์พ็อปเน้นฟังเพลิน ๆ ในอัลบั้มที่แล้ว มาเป็นเพลงพ็อปแดนซ์ประกอบกับท่าเต้นแบบที่ชวนให้นึกถึงราชินีเพลงพ็อป มาดอนน่า และเจ้าหญิงเพลงพ็อป บริตนีย์ สเปียร์ส

เทย์เลอร์ สวิฟต์ เปิดตัวต้อนรับทุกคนเข้าสู่ยุคใหม่ของเธอโดยใช้สัญลักษณ์หลายอย่าง ที่สำคัญคืองูพิษ เป็นนัยว่าเธอไม่ปฏิเสธฉายา “งูพิษ” ที่ใคร ๆ เรียกแล้ว

ความสำเร็จของเพลงนี้ที่ทำลายสถิติไปหลายสถิติ ก็ทำให้เห็นว่าระดับ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่เป็นแค่งูพิษธรรมดาหรอกย่ะ ต้องเป็นนางพญางูพิษเท่านั้นถึงจะสมศักดิ์ศรีเบอร์ 1 อย่างที่เห็นมาตลอดว่า ความสำเร็จของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่เคยลดลง ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน สไตล์ไหน

มาถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ที่เพิ่งมีเพลงออกมาเพลงเดียว ยังไม่รู้ว่าทั้งอัลบั้มจะเป็นอย่างไร

ในด้านเนื้อหาภาพลักษณ์ที่เข้าสู่ด้านมืด คงจะไม่มีปัญหาอะไรนัก เพราะคนฟังก็ยังสนใจและสนุกกับเรื่องราวที่เธอนำมาเล่า แต่ในด้านดนตรี หากจะเอาดีทางพ็อปแดนซ์ทั้งอัลบั้มก็ถือเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ เพราะเพลงพ็อปแดนซ์นั้นตลาดไม่กว้างเท่าเพลงพ็อปสำหรับฟังทั่วไป และการแดนซ์กระจายก็ไม่ใช่จุดแข็งของเธอ ต้องติดตามว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จะทำออกมาได้ดีพอจะทำให้คนฟังรักใน “ยุคใหม่” ของเธอหรือไม่