วรรณพร โปษยานนท์ พี่เลี้ยงสำหรับคนอยากเรียนแฟชั่นที่อิตาลี

ชื่อของ ดวง-วรรณพร โปษยานนท์ เป็นที่รู้จักในแวดวงแฟชั่นบ้านเรามาหลายปี ทั้งในตำแหน่งบรรณาธิการบริหาร นิตยสารฮาร์เปอร์ส บาร์ซา ประเทศไทย และอีกตำแหน่งหนึ่งที่มีบทบาทต่อวงการแฟชั่นไทยไม่แพ้กัน คือ เธอเป็นผู้อำนวยการศูนย์แนะแนวการศึกษา ดีพี เอดูเคชั่น (DP Education) ที่คอยแนะแนวให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากไปเรียนด้านแฟชั่นในสถาบันชื่อดังที่ประเทศอิตาลี

ด้วยความที่เมืองมิลาน-อิตาลี เป็นเมืองหลวงแฟชั่นของโลก คนที่อยากเรียนแฟชั่นจึงมักจะมองไปที่อิตาลีเป็นอันดับแรก ๆ ในยุคหลัง ๆ มานี้ หลายคนในวงการแฟชั่นเมืองไทยจบการศึกษาสถาบันด้านแฟชั่นและการออกแบบดังจากอิตาลี โดยผ่านการแนะนำ-แนะแนวของดีพี เอดูเคชั่น ซึ่งมีดวงเป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำเพียงคนเดียว

บก.สาวนิตยสารดังเล่าถึงอีกบทบาทหนึ่งของเธอว่า เธอเรียนปริญญาโทด้าน Fashion Promotion Communication & Media ที่สถาบันมารังโกนี (Istituto Marangoni) สถาบันด้านแฟชั่นระดับท็อปของโลก ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ตอนที่เรียนใกล้จะจบ เธอได้รับเลือกให้เป็นพิธีกรในงาน “กรุงเทพเมืองแฟชั่น” ที่รัฐบาลไทยไปโปรโมตโครงการที่มิลาน

งานนั้นเจ้าของสถาบันมารังโกนีเข้าร่วมงานด้วย และคงเห็นแววในตัวเธอ จึงชวนให้เธอเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เธอก็ตอบตกลง แล้วเริ่มเป็นเอเย่นต์ของสถาบันมารังโกนีมาตั้งแต่ตอนนั้น

พอกลับมาเมืองไทย เธอทำงานอื่นควบคู่กับทำดีพี เอดูเคชั่นมาเรื่อย ๆ จากเริ่มแรกที่เป็นเอเย่นต์ให้มารังโกนีแค่สถาบันเดียว ตอนหลังได้เพิ่มสถาบันอื่น ๆ ด้วย ปัจจุบันเป็นเอเย่นต์ให้ 3 สถาบัน คือ มารังโกนี (Istituto Marangoni) โดมุส อะคาเดมี (Domus Academy) และ นาบา (Nuova Accademia di Belle Arti)

หน้าที่ของเธอคือแนะนำประชาสัมพันธ์หลักสูตรสถาบัน และให้คำปรึกษาเมื่อมีผู้สนใจเข้ามา เธอก็จะดูแลให้คำปรึกษาและส่งลูกค้าไปเรียน โดยไม่ได้เก็บค่าบริการ เพราะเธอได้เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากทางสถาบันอยู่แล้ว

“ดวงรู้สึกว่าดวงมีส่วนขับเคลื่อนการศึกษาแฟชั่นดีไซน์ในเมืองไทย มันไม่ใช่เปิดโบรชัวร์ขายคอร์ส ดวงมองว่ามันคือพี่สอนน้อง ดวงแนะนำให้คำปรึกษา ตอบคำถามที่น้อง ๆ สงสัย และแนะว่าเรียนอย่างไรให้ได้คะแนนดี เพราะดวงเรียนจบที่นั่นมา”

หลังจากเล่าเรื่องภารกิจของตัวเองแล้ว วรรณพรฉายภาพรวมให้ฟังว่า ในเมืองไทยมีคนเรียนจบสถาบันมารังโกนีมาแล้วราว 160 คน

ซึ่งคนที่จบมาหลายคนทำงานในวงการแฟชั่นและมีส่วนช่วยกันพัฒนาวงการแฟชั่นไทย ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำงานสายออกแบบ สายประชาสัมพันธ์ สายจัดแฟชั่นโชว์ สายหนังสือแฟชั่น และสายการศึกษา

ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีในวงการนี้ เธอให้ข้อมูลว่า เทรนด์การเรียนแฟชั่นของคนไทย สายที่ขยายและเติบโตตลอดมา คือ มาสเตอร์ด้านแฟชั่นบิสซิเนส ซึ่งในด้านนี้มารังโกนีดังอยู่สองคอร์ส คือ Fashion Promotion and Communication ที่เธอจบมา และ Luxury Brand Management

ถามถึงการพัฒนาแฟชั่นในบ้านเรา ดวงมองว่าการพัฒนาเป็นกราฟขาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่สม่ำเสมอ บางช่วงขึ้นสูงมาก นั่นก็คือช่วงที่มีการทำโครงการ “กรุงเทพเมืองแฟชั่น”

เมื่อหลายปีมาแล้ว ซึ่งเธอมองว่าการพัฒนามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่สนับสนุน อย่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหนังสือแฟชั่น

“ส่วนตัวดวงอยากพัฒนาประเทศ อยากเป็นตัวกลางประสานระหว่างรัฐบาลกับเอกชน และห้างด้วย ถ้าเราอยากให้วงการแฟชั่นในไทยพัฒนาขึ้น เราต้องจับมือกัน อย่างอิตาลีเขาจับมือกัน เขาถึงทำแบบนั้นได้ ดวงใช้โมเดลของอิตาลีเพื่อจะพัฒนาแฟชั่นในไทย อย่างเช่น กระทรวงพาณิชย์เขาจับมือกับโวค อิตาเลีย จัดงาน เขาได้งบฯสนับสนุนการจัดแฟชั่นวีกมาจากกระทรวง เราต้องทำอย่างนี้ถึงจะพัฒนาได้ยืนยาว เพราะว่าเงินส่วนตัวของเอกชนมันไม่พอ ต้องขอหลายทาง”

นอกจากประสานความร่วมมือในประเทศไทยแล้ว ดีพี เอดูเคชั่นได้ขอการสนับสนุนจากสถาบันที่เป็นพาร์ตเนอร์มาสนับสนุนวงการแฟชั่นและออกแบบในประเทศไทยด้วย อย่างเช่น ให้ทุนการศึกษาเด็ก ทำ collaboration กับคณะนิเทศศาสตร์ อินเตอร์ จุฬาฯ ให้ทุนสนับสนุนการจัดงานต่าง ๆ และเมื่อต้นปีได้เชิญ จูลิโอ แคปเปลลินี (Giulio Cappellini) ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ Cappellini ซึ่งเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ สถาบันมารังโกนี และฟรานเซสโก ซอร์เรนติโน (Francesco Sorrentino) หัวหน้าภาคหลักสูตรปริญญาโท ออกแบบธุรกิจ โดมุส อะคาเดมี มาบรรยายในงาน Bangkok Design Week 2019

“ดวงคิดว่าวงการแฟชั่นไทยหน้าใหม่ ๆ เก่งมาก นักออกแบบไทยมีความคิด ดวงคิดว่าน่าจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐมากนัก เราไม่ได้เป็นฮับแรงงานอีกแล้ว เราต้องพัฒนาการออกแบบจากตัวเรา มันจะยั่งยืนกว่า ก็หวังว่าจะมีนโยบายภาครัฐในด้านนี้ แล้วจะมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

สุดท้ายเธอบอกว่า เด็กไทยที่ไปเรียนแฟชั่นในสถาบันชั้นนำระดับโลกเป็นความหวังของการพัฒนาวงการแฟชั่นเมืองไทย เธอคิดว่าคนไทยจำเป็นต้องเรียนด้านนี้ เพราะประเทศไทยกำลังเป็นฮับของแฟชั่น มีการขยายธุริกจแฟชั่นในไทยเยอะมาก เห็นได้จากทุกแบรนด์มาเปิดแฟลกชิปสโตร์ที่ไอคอนสยาม เมื่อแบรนด์ขยายก็ต้องหาคนที่มีความรู้ในด้านนี้มาทำงาน

“Chanel ให้ดวงช่วยหาคนทำงานสามสิบคนในหลาย ๆ ตำแหน่ง ตอนนี้ตลาดงานทางนี้กำลังมา เพราะ luxury brand ขยายเยอะมาก มันเป็นโมเมนต์ที่ดีที่ต้องรีบ”