ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์กับวาจา ชกครั้งสุดท้าย…แต่ไม่ท้ายสุด

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (Floyd Mayweather Jr.) ยอดนักมวยสากลชาวอเมริกัน เจ้าของแชมเปี้ยนโลก 5 รุ่น ผู้มีสถิติไม่เคยแพ้ใคร เป็นที่รู้จักในหลายฉายาอย่าง “พริตตี้บอย” จากสไตล์ชกที่เน้นหลบหลีก และอีกฉายาคือ “มันนี่เมย์เวทเธอร์” ที่มาจากรายได้มหาศาลของเขา ที่มีรายได้ตลอดอาชีพนักชกรวมกว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 49,000 ล้านบาท ทำให้เขาเป็นนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุดพอ ๆ กับไทเกอร์ วูดส์

ฟลอยด์ เคยประกาศเลิกชกแล้วหลายครั้ง แต่เขาก็กลับมาขึ้นสังเวียนตามคำเรียกร้อง สิ่งที่น่าสนใจคือ หลังจากเขาประกาศเลิกชกแล้วกลับขึ้นชกอีก เขาทำเงินได้อีกมหาศาล ส่งให้เขาครองอันดับนักกีฬาที่ทำรายได้สูงสุดติดต่อกันในปี 2014 และ 2015

มาย้อนดูกันว่า ฟลอยด์เคยประกาศแขวนนวมแล้วกี่ครั้ง แล้วเขากลับมาชกกี่ไฟต์หลังจากที่ประกาศไป

ฟลอยด์ประกาศรีไทร์ครั้งแรกหลังจากการชกกับ ริกกี้ ฮัตตัน ในปี 2550 แต่หลังจากนั้น 2 ปี ในปี 2552 ฟลอยด์ก็กลับมาอีกครั้งโดยการชกกับ ฮวน มานูเอล มาร์เกซ ซึ่งฟลอยด์ชนะไปแบบเอกฉันท์

ในปี 2553 ต่อยกับ เชน มอสลีย์ แชมป์โลก WBA ในไฟต์ที่ 41 และชนะคะแนนไปอย่างเอกฉันท์

ปี 2554 ต่อยกับ วิกเตอร์ ออร์ติซ ในไฟต์ที่ 42 ฟลอยด์ชนะน็อก

ปี 2555 ชนะ มิเกล คอตโต และได้แชมป์ไลต์มิดเดิลเวตของสมาคมมวยโลก ซึ่งฟลอยด์เอาชนะคะแนนไปแบบเอกฉันท์

ในปี 2556 เขากลับมาต่อยอีกครั้ง เพื่อป้องกันแชมป์จาก โรเบิร์ต เกร์เรโร ไฟต์นี้เป็นอีกครั้งที่ฟลอยด์ชนะคะแนนแบบเอกฉันท์

ในปีเดียวกันเขาก็ขึ้นชกไฟต์ที่ 45 กับ คาเนลโล อัลวาเรซ จากเม็กซิโก ไฟต์นี้ฟลอยด์ชนะคะแนนแบบไม่เอกฉันท์

ถัดมา ปี 2557 เขาขึ้นป้องกันแชมป์จาก มาร์กอส ไมดานา ถึง 2 ไฟต์ ครั้งแรกเขาชนะคะแนนแบบไม่เอกฉันท์ ส่วนครั้งที่สองชนะคะแนนแบบเอกฉันท์

จากนั้นฟลอยด์ย้ำอีกรอบว่าจะเลิกชก แต่ในเดือนพฤษภาคม

ปี 2558 ไฟต์ที่ 48 ก็เริ่มขึ้น โดยชกกับ แมนนี ปาเกียว ยอดนักชกจากฟิลิปปินส์ ที่เปลี่ยนใจจากการประกาศแขวนนวมเช่นกัน ถือเป็นไฟต์หยุดโลก เป็นการพบกันของนักชกผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคที่คนดูรอคอย

ไฟต์นี้ฟลอยด์ชนะคะแนนปาเกียวแบบเอกฉันท์ คว้าแชมป์เวลเตอร์เวต จากองค์กรมวยโลกเป็นครั้งแรก รับรางวัลและเงินส่วนแบ่งรวมประมาณ 6,200 ล้านบาท แม้ในไฟต์นั้น แฟนมวยมีข้อกังขาเรื่องผลคะแนน แต่ผลการชกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

หลังชกกับปาเกียวฟลอยด์บอกอีกครั้ง ว่า ไฟต์นั้นจะเป็นการชกครั้งสุดท้ายของเขา แต่ไม่กี่เดือนถัดมาฟลอยด์ก็ขึ้นชกกับ อังเดร เบอร์โต จากสหรัฐอเมริกา เป็นไฟต์ที่ 49 และชนะคะแนนไปแบบเอกฉันท์

หลังจากไฟต์ที่ชนะเบอร์โตแล้ว ฟลอยด์ก็ประกาศแขวนนวมอีกครั้ง แต่มาปีนี้เขาก็รับคำท้าปะทะ คอเนอร์ แมคเกรเกอร์ นักชกหนุ่มชาวไอริช แชมป์โลกมวยยูเอฟซี หรือมวยกรง ที่เพิ่งชกกันมันเลือดสาดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นไฟต์ที่ 50 ไฟต์นี้ฟลอยด์ก็เอาชนะไปได้ โดยกรรมการสั่งยุติการชกในยกที่ 10 ส่งผลให้ฟลอยด์ทำลายสถิติไร้พ่าย ที่ ร็อกกี้ มาร์เซียโน ทำไว้ 49 ไฟต์

รายได้ที่ฟลอยด์ได้รับจากการชกกับแมคเกรเกอร์รวมเป็นเงินราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,000 ล้านบาท บวกกับเข็มขัดหนังจระเข้ฝังเพชรมูลค่า 13.9 ล้านบาท ส่วนแมคเกรเกอร์รับไป 2,500 ล้านบาท

รายได้จากการชกไฟต์นี้เพียงไฟต์เดียวทำให้ฟลอยด์จ่อแซงขึ้นครองตำแหน่งนักกีฬาที่ทำรายได้สูงสุดในปีนี้ จากเดิมที่การจัดอันดับเมื่อเดือนมิถุนายนเขาอยู่อันดับที่ 24

หลังจบศึกกับแมคเกรเกอร์ ฟลอยด์ก็กล่าวอีกครั้งว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะไม่เหลือความท้าทายอะไรอีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายจริงหรือไม่

ถ้าฟลอยด์เปลี่ยนใจกลับขึ้นชกอีกรอบจริง ๆ ไฟต์หน้าคงไม่ธรรมดา ทั้งคู่ชก และเงินรายได้ เพราะดูจากเงินรางวัลช่วงหลัง ๆ ที่ฟลอยด์กลับมาต่อย มูลค่าเงินรางวัลปรับเพิ่มขึ้นตลอด

แต่ถึงฟลอยด์จะเปลี่ยนใจขึ้นชกอีกครั้ง ก็คงยากที่จะเห็นไฟต์ล้างตาระหว่างฟลอยด์กับปาเกียว เพราะผลการชกไฟต์ล่าสุดของปาเกียวที่แพ้ เจฟฟ์ ฮอร์น นักชกชาวออสเตรเลีย สาเหตุนี้ทำให้เขาอาจไม่สามารถกลับมาขึ้นชกกับฟลอยด์ได้ดังหวัง

คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะได้เห็นทั้งคู่กลับมารีแมตช์กันอีกสักครั้งหรือไม่