น่าน” ตามคำบอกเล่าของ สุจิตต์ วงษ์เทศ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ แปลว่า น้ำ มักเรียกซ้ำซ้อนกันว่า น่านน้ำ ต่อมาหมายถึง เขต หรือ ย่าน ตามตำนานการเกิดเมืองน่านนั้นเกี่ยวข้องกับปัญหาแล้งน้ำและต้องการแหล่งน้ำ
ตามพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่าแม่ท้าวคำปิน(นางพระยาของเจ้าเมืองปัว)ท้องแก่ หนีศึกเมืองพะเยาไปอาศัยกระท่อมชาวไร่อยู่ในป่า ต่อมาคลอดลูกชาย แล้วรำพันว่าแล้งนัก ลำบากยากเข็ญ หาน้ำกินน้ำอาบก็ไม่ได้ พอขาดคำก็เกิดพายุฝนห่าใหญ่ตกลงมามากนัก “น้ำก็นองพัดก้อนหินก้อนผา น่าสะพรึงกลัว” พอสงบก็อุ้มลูกชายไปนั่งบนก้อนหินที่ไหลนองมากับน้ำ แล้วอาบน้ำลูกชายสบายดี หลังจากทัพเมืองพะเยายกกลับ ลูกชายแม่ท้าวคำปินได้เป็นเจ้าเมืองปัว (แทนบิดา) แล้วได้นามครองเมืองตามนิมิตว่า “พระยาผานอง” เหตุจากเมื่อเกิดมาหาน้ำอาบกินไม่ได้ จนเกิดพายุฝนตกใหญ่มีน้ำนองพัดก้อนหินก้อนผามามากนัก
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ลูกชายพระยาผานอง ชื่อ ผากอง เป็นเจ้าเมืองปัว (สืบต่อจากพ่อ) หาแหล่งสร้างเมืองใหม่ ที่มีน้ำสมบูรณ์อยู่บริเวณห้วยไค้ (ใกล้น้ำน่านทางทิศตะวันตก) แล้วเรียก เวียงน่านนันทบุรี ไม่ได้แปลว่าน่าน แต่มาจากคำว่าน่าน เป็นคำบาลีที่ผูกขึ้นใหม่ โดยแผลงชื่อพื้นเมืองว่าน่านให้ไพเราะและศักดิ์สิทธิ์ขึ้น นี่คือคำบอกเล่าของสุจิตต์
ยุครัตนโกสินทร์ น่านเป็นประเทศราชของสยาม เมื่อเกิดสงครามปราบฮ่อในสมัยรัชกาลที่ 5 กองทัพสยามได้แวะเกณฑ์ไพร่เกณฑ์ช้างที่นครน่าน จนเกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2326) จึงมีการตกลงทำสัญญาแบ่งดินแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส น่าน จึงกลายมาเป็น 1 ใน 6 หัวเมืองของมณฑลพายัพ และการสืบทอดอำนาจของราชวงศ์น่านก็สิ้นสุดลง กระทั่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ได้ 1 ปี มณฑลเทศาภิบาลถูกยกเลิก น่านจึงกลายมาเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย
น่านในปัจจุบัน เป็นจังหวัดท่องเที่ยวน้องใหม่ที่กำลังเนื้อหอม โดยเฉพาะหน้าหนาว ขณะที่เชียงใหม่แออัดเบียดเสียดด้วยผู้คน แต่ที่น่านกลับเป็นความเงียบสงบ สบาย ๆ เนิบช้า และผ่อนคลาย ในหน้าร้อนแม้อากาศไม่ได้หนาวเย็นจับใจ แต่วิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ กลับเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งของเมืองน่าน สภาพบ้านเรือนยังคงเป็นบ้านไม้บ้าง อาคารเก่าสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสมัยอาณานิคมบ้าง รั้วกำแพงโดยรอบบ้านแต่ละหลังไม่สูงนัก แค่แสดงอาณาเขต ดูโปร่งตา เป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากจังหวัดอื่น จึงไม่แปลกที่ใคร ๆ จะต้องมีโปรแกรมเดินทางไปเยือนเมืองน่านสักครั้งในชีวิต
จากกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง “น่านนคร” สนามบินเล็ก ๆ แห่งเดียวของจังหวัด จากนั้นจะใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถเช่าก็หาได้ไม่ยาก ยิ่งทุกวันนี้ทุกอย่างติดต่อผ่านโทรศัพท์มือถือหรือออนไลน์ ยิ่งทำให้ชีวิตง่ายเข้าไปใหญ่ แต่ก็มีอีกคำแนะนำว่า หากจะชิล ๆ ในตัวเมืองคนเขานิยมปั่นจักรยานกัน ซึ่งถนนในตัวเมืองน่านมีทางจักรยานให้ด้วย
จุดเริ่มต้นของคนไปเยือนน่าน มักจะเริ่มต้นการเดินทางที่จุดซึ่งคนน่านเรียกว่า “ข่วงเมือง” เป็นลานกว้างหน้า วัดภูมินทร์ ต้นกำเนิดตำนาน “กระซิบรักบันลือโลก” ของปู่ม่าน-ย่าม่าน ซึ่งเป็นจิตรกรรมฝาผนังภายในวัด นอกจากภาพปู่ม่าน-ย่าม่านที่สวยงามแล้ว ภาพบนฝาผนังยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนเมืองน่านเมื่อร้อยกว่าปีก่อนด้วย
ในย่านข่วงเมือง ยังมีวัดสำคัญอีกหลายวัด อาทิ วัดช้างค้ำ วัดสวนตาล วัดมิ่งเมือง วัดหัวข่วง ฯลฯ และยังมีคุ้มเก่า ๆ เรือนไม้เก่าให้เห็น อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สวยงาม ร้านขายผ้าพื้นเมือง และร้านกาแฟ เป็นสิ่งที่หาไม่ยากเลยในตัวเมืองน่าน เรียกว่ามีให้เห็นอยู่แทบทุกมุมเมือง รวมทั้งโรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ หรือบูติคโฮเต็ล
จากตัวเมืองแหล่งเที่ยวที่คนมุ่งหน้าไปคือ อุทยานแห่งชาติขุนน่าน-ขุนสถาน และบ่อเกลือโบราณ ที่ อ.บ่อเกลือ จากถนนสาย 1080 ไป อ.บ่อเกลือ ระยะทาง 80 กม. แต่ด้วยความที่เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา จึงใช้เวลาเดินทางมากหน่อยกว่าจะถึงที่หมาย แต่ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะความคดเคี้ยวของถนนที่บางช่วงมองเห็นเป็น “เลข 3” สร้างความกรี๊ดกร๊าดให้กับคนเดินทาง ต่างบันทึกภาพด้วยมือถือคนละชอตสองชอต ความเพลิดเพลินนี้ทำให้เวลาที่คิดว่ายาวไกลสั้นลงในพริบตา
อ.บ่อเกลือ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขาสูง สลับซับซ้อน จุดเด่นของที่นี่ คือการต้มเกลือสินเธาว์ ซึ่งแต่เดิมมี 7 บ่อ ปัจจุบันบางบ่อเลิกกิจการไปแล้ว และยังไม่มีตัวเลขแน่นอนว่าเหลืออยู่กี่บ่อ ที่บ่อเกลือแห่งนี้ได้ชื่อเป็น แหล่งทำเกลือบนที่สูงแห่งเดียวของโลก
การต้มเกลือของชาวบ้านยังใช้วิธีแบบโบราณคือตักน้ำจากบ่อมาต้มหลาย ๆ ครั้ง ในโรงต้มที่มีเตาขนาดใหญ่ขึ้นรูปจากดินเหนียว วางกระทะใบเขื่อง แขวนตะกร้าไม้ไผ่สานใบเล็ก ๆ เพื่อใช้ใส่เกลือที่ต้มได้ให้สะเด็ดน้ำ เมื่อเกลือแห้งสนิทแล้วจะผสมไอโอดีนลงไป เพราะเป็นเกลือสินเธาว์จึงไม่มีสารไอโอดีนเหมือนเกลือทะเล เสร็จแล้วนำไปวางขาย มีทั้งเกลือสำหรับทำอาหาร เกลือสปาขัดผิว ดอกเกลือสำหรับบำรุงผิว นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากบ่อเกลือ ชาวบ้านยังนำไข่มาต้มกับน้ำเกลือ ได้ไข่ต้มที่รสชาติไม่เค็มมาก กำลังดี ขายให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
การแสวงหาความสุขท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศพื้นเมือง เป็นเสน่ห์ของเมืองน่านอย่างแท้จริง แต่เรื่องอย่างนี้อธิบายความรู้สึกกันได้ยาก หากอยากรู้ว่าเสน่หามนตราของเมืองน่านหนักหนาแค่ไหน เป็นสิ่งที่ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง