วิกฤตลูกหนังดัตช์วืดทั้ง “ยูโร-บอลโลก” มนต์ขลังกังหันเสื่อม

อาฮุย แผ่นดินใหญ่ : เรื่อง

น่าเสียดายที่ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย จะไม่มีทัพกองเชียร์อัศวินสีส้มที่สร้างบรรยากาศคึกคักเป็นสีสันในสนามและนอกสนามแบบที่เคย เนเธอร์แลนด์ ตกรอบคัดเลือก เวิลด์คัพ 2018 แบบน่าใจหาย แฟนบอลไม่ได้เห็นพวกเขาในรายการเมเจอร์มา 2 รายการใหญ่ติดต่อกัน

เนเธอร์แลนด์ ไม่ได้เล่นฟุตบอลยูโร 2016 แบบน่าผิดหวังมาแล้ว เวลาผ่านไปอีกเกือบ 2 ปี แฟนบอลของพวกเขายังต้องเจอความผิดหวังครั้งใหญ่อีกรอบ ถึงจะยอมรับว่าผิดหวังกับผลลัพธ์ แต่เชื่อว่าสถานการณ์ที่สาวกหรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับทีมเนเธอร์แลนด์ ต้องนั่งชมการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกผ่านหน้าจอโทรทัศน์ จะไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์มากนัก

ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ฟุตบอลโลก 2014 หลุยส์ ฟาน กัล เพิ่งพาทีมคว้าอันดับ 3 ด้วยการเอาชนะบราซิล เจ้าภาพ 3-0 แถมระหว่างทางยังถอนแค้นสเปน ทีมร่วมกลุ่ม จากที่เคยแพ้นัดชิงเมื่อปี 2010 ด้วยการถล่มเละ 5-1 แคมเปญนี้คือยุคสุดท้าย ที่อัศวินสีส้มมีทรงแข็งแกร่งเพียงพอขับเคี่ยวเพื่อไปสัมผัสแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์

นับตั้งแต่นั้นมา เนเธอร์แลนด์ โรยราลงอย่างน่าใจหาย ปัญหาสำคัญสำหรับเนเธอร์แลนด์ ที่แฟนบอลทุกคนสังเกตได้ คือ ไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายเลือดจากผู้เล่นยุครุ่งเรืองอย่าง อาร์เยน ร็อบเบน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์

ขณะที่ผู้เล่นชุดของดิ๊ก แอดโวคาท ที่ใช้เล่นรอบคัดเลือก ยังมี ไรอัน บาเบล หัวหอกวัย 30 ปี เป็นมรดกเดียวที่ยังหลงเหลือจากชุดแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี

เมื่อปี 2007 ขณะที่ รอยสตัน เดรนเธ ตัวริมเส้นเพิ่งประกาศแขวนสตั๊ด เปลี่ยนสายไปเป็นแรปเปอร์ในวงการดนตรีเรียบร้อยแล้ว

ขุมกำลังที่หลงเหลือให้พอใช้งานได้ มีผู้เล่นระดับ เมมฟิส เดปาย ปีกที่เคยถูกจับตา แต่ก็ล้มเหลวกับการค้าแข้งในทีมระดับท็อปของยุโรป นาน ๆ ทีจะได้เห็นฟอร์มเก่งของเดปาย ผู้เล่นที่เคยเป็นดาวรุ่งเนื้อหอมอย่าง เควิน สตรูทมัน ก็เจ็บบ่อยเกินไป จนไม่สามารถรักษาฟอร์มหรือพัฒนาตัวเองจากดาวรุ่งเป็นดาวเตะเต็มตัว

กลุ่มพลังหนุ่มอย่าง มาร์โก ฟาน กินเคล มิดฟิลด์วัย 24 ปี ที่เชลซีปล่อยให้ยืมตัวมา 4 ฤดูกาลติดกัน ก็ยังไม่ถึงขั้นพอจะฝากฝังความหวังไว้ กองหน้าอย่าง วินเซนต์ แยนเซ่น วัย 23 ปี ที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ยังอยู่ระหว่างเรียกความมั่นใจ

ผู้เล่นนอกเหนือจาก อาร์เยน ร็อบเบน ดาวเตะที่แบกทีมเต็มบ่าอยู่แล้ว นักเตะที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้มีไม่เกิน 5 คน ซึ่งแฟนบอลมองว่าหลายรายก็ยังต้องเกร็งลุ้นให้ฟอร์มดีกันอีกด้วย อย่าง ดาลีย์ บลินด์ กองหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล ส่วนดาวโรจน์อย่าง นาธาน อาเก้ และ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ 2 กองหลังในพรีเมียร์ลีก ที่ฟอร์มน่าจับตาก็ยังใหม่เกินไปที่ทีมชาติชุดใหญ่จะฝากความหวังแบบปัจจุบันทันด่วน

เกิดอะไรขึ้นกับลีกดัตช์ ซึ่งเคยเป็นแหล่งผลิตนักเตะชั้นยอด และบุคลากรลูกหนังฝีมือดีสู่ยุโรป สถาบันอย่างอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และตัวลีกโดยรวมก็ถดถอยพอสมควร เห็นได้ว่าไม่สามารถสู้กับฟุตบอลยุคใหม่ที่เล่นกันรวดเร็ว เฉียบคม เน้นประสิทธิภาพควบคู่ไปกับความยืดหยุ่น

ไม่เพียงแค่การถ่ายเลือดนักเตะ ลองกวาดสายตาไปหาสตาฟโค้ช หรือผู้จัดการทีมที่มีฝีมือในวงการ รายชื่อที่มีก็ยังไม่พ้น หลุยส์ ฟาน กัล, กุส ฮิดดิงก์, ดิ๊ก แอดโวคาต (หน้าเดิมที่วนไปมาแทบทั้งนั้น) หรือที่มีชื่อช่วงหลังอย่าง โรนัลด์ คูมัน ซึ่งมักมีกระแสให้ดึงจากสโมสรเอฟเวอร์ตัน มาทำงานให้ลูกหนังดัตช์โดยตรง

แนวทางที่สมาคมดัตช์พยายามดึงคนใกล้ชิดในวงการอย่าง แดนนีย์ บลินด์ มาทำงาน ก็แสดงให้เห็นอีกว่ากลุ่มคลื่นลูกหลังมีไม่กี่คนที่ฝีมือถึงขั้น ผลงานย่ำแย่ช่วงต้นรอบคัดเลือก จนต้องเรียก ดิ๊ก แอดโวคาต มาหวังกู้สถานการณ์ สุดท้ายก็ไม่ทันการ แถมท้าย แอดโวคาต ยังไม่วายพลาดท่าตูมใหญ่อีกต่างหาก

แอดโวคาต เสียฟอร์มเมื่อสบประมาทสวีเดน ทีมร่วมกลุ่มที่แย่งชิงตั๋วบอลโลกช่วงท้ายรอบคัดเลือกกลางงานแถลงข่าวว่า ไม่สามารถชนะลักเซมเบิร์ก ในเกมสำคัญด้วยสกอร์ 8-0 เพื่อผลักความกดดันให้ดัตช์ในนัดสุดท้ายแน่นอน ซึ่งแอดโวคาตหน้าแตกยับ เมื่อไวกิ้งยิงด้วยสกอร์ตามที่นักข่าวถามความคิดเห็นเป๊ะที่ 8-0 ทำให้ทีมกังหันแทบหมดโอกาสเข้ารอบ เมื่อนัดสุดท้ายต้องชนะสวีเดนด้วยสกอร์ห่างอย่างน้อย 7 ลูก

สมาคมลูกหนังดัตช์ย่อมเตรียมรื้อระบบเพื่อกู้วิกฤตวงการฟุตบอลเจ้าของต้นตำรับปรัชญาลูกหนังที่ทั่วโลกตื่นตะลึงเมื่อกลางยุค 70 นอกเหนือจากการถ่ายเลือด

ผู้เล่นสำหรับสู้ศึกแคมเปญยูโร 2020 เป็นเป้าหมายเฉพาะหน้าที่สำคัญ ซึ่งการตกรอบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 2 ครั้งติด อาจหมายถึงอันดับโลกที่ส่งผลต่อการจัดวางทีมในโถเพื่อจับสลากแบ่งสายในแคมเปญต่าง ๆ


เมื่อดูความเป็นไปได้ในเส้นทางระยะสั้น ดูท่าเนเธอร์แลนด์ มีงานหนักหน่วงเป็นพิเศษสำหรับการฟื้นฟูทีมให้พร้อมสู้ศึกในปี 2020 ในระยะยาว คงกินเวลาอีกหลายปีกว่าจะถ่ายเลือดนักเตะ ยกระดับบุคลากร และปลุกความแข็งแกร่งให้สโมสรและลีกในประเทศให้กลับมารุ่งเรืองถึงครึ่งหนึ่งของยุคโททอลฟุตบอล หรือแค่ระดับเข้าชิงฟุตบอลโลกแบบปี 2010 ก็หนักหนาสาหัสมากแล้ว