พรปีใหม่ จากผู้นำ 4 ศาสนา เป็นสิริมงคลสู้ปีที่เริ่มต้นอย่างยากลำบาก

ปีนี้คนทั้งโลกเริ่มต้นปีกันด้วยความยากลำบากที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักคือปัญหาโรคระบาดที่ยังรุนแรงในหลายภูมิภาคทั่วโลก

การใช้ชีวิตยังคงยากลำบาก เศรษฐกิจยังคงย่ำแย่ บางคน-บางครอบครัวสูญรายได้และเสียอาชีพการงาน การจะเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีความหวังนั้นช่างยากเหลือเกินสำหรับปีนี้ หากจะมีอะไรที่ช่วยให้มีความหวังมีกำลังใจขึ้นมาได้ หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่คนเรานับถือและยกไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ นั่นคือ “ศาสนา” หรือถ้าใครไม่นับถือศาสนาก็อาจจะเป็นอย่างอื่น แล้วแต่คนนั้น ๆ

ในโอกาสนี้ “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” จึงรวบรวมคำอวยพรปีใหม่ของผู้นำศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในประเทศไทย คือ พุทธ คริสต์ อิสลาม และพราหมณ์-ฮินดู มานำเสนอส่งต่อให้ผู้อ่านได้รับพร เป็นสิริมงคลและเป็นความหวังกำลังใจสู้กับปัญหากันต่อไป

ศาสนาพุทธ

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้เป็นประมุขแห่งคณะสงฆ์ในไทยได้ประทานพระคติธรรมและพรเนื่องในขึ้นปีใหม่ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ความว่า

“บัดนี้ บรรลุถึงอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2564 แล้ว ในเทศกาลเช่นนี้ของทุกปี ผู้คนต่างตั้งความหวังว่าชีวิตในปีใหม่จะดีกว่าปีเก่า ครั้นทบทวนวันเวลาในรอบปีที่ล่วงผ่าน เราทั้งหลายย่อมเห็นประจักษ์ว่า สถานการณ์ต่าง ๆ อันก่อให้เกิดความทุกข์ยากได้ถาโถมหลั่งไหลเข้ามามากเป็นประวัติการณ์ และยังคงดำเนินอยู่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ในวาระเถลิงศก จึงควรที่ทุกคนจะยกจิตใจให้สูงขึ้นด้วยเมตตาธรรม นำกระแสความร่มเย็นแผ่ออกไปสู่สมาชิกในครอบครัว มิตรสหาย เพื่อนร่วมชาติ และร่วมโลกนี้อย่างไม่มีประมาณ เร่งประสานน้ำใจกันอย่างจริงใจ คอยส่งความสุขให้กันและกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ เพื่อให้ทุกคนเกิดขวัญดี มีกำลังกายและจิตใจแกล้วกล้า ที่จะสามารถฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคให้ล่วงพ้นไปได้โดยสวัสดี

ปัญหาและอุปสรรคใหญ่ ๆ โดยเฉพาะในยามที่ชาติบ้านเมืองกำลังเผชิญภาวะวิกฤต ไม่ว่าจะทางความคิด ความเห็น ความเป็นอยู่ หรือโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าแต่ละคนแต่ละฝ่ายในชาติบ้านเมืองนั้น หนักแน่นมั่นคงใน ‘สามัคคีธรรม’ ต่างหวังดี หวังเจริญต่อส่วนรวมอย่างจริงใจ ก็ย่อมทำให้วิกฤตการณ์นานา สามารถคลี่คลายลงได้โดยเร็ว ทั้งนี้ มีข้อพิจารณาอยู่ว่าความสำเร็จประโยชน์แห่งสามัคคีธรรม ย่อมจะบังเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง เมื่อบุคคลแต่ละฝ่ายต่างเจริญ ‘เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม และเมตตามโนกรรม’ ต่อเพื่อนร่วมสังคมซึ่งอาจคิดเห็นแตกต่าง เริ่มตั้งแต่ผู้คนแวดล้อมใกล้ตัวในครอบครัว ในชุมชน ตลอดถึงในประเทศชาติ ขยายวงเรื่อยไปสู่เพื่อนมนุษย์ทุกผู้ทุกนามในโลกนี้

ผู้ปรารถนาความสุขในปีใหม่ จึงพึงสังวรไว้เสมอว่า การแก้ไขปัญหาของสังคมส่วนรวม ควรเริ่มต้นด้วยการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเมตตากรุณาต่อผู้คนทั่วไปอย่างเสมอหน้า ให้หยั่งรากลึกลงไปในจิตใจตนเอง ข่มใจให้ฉ่ำเย็นประดุจสายน้ำ อดทนอดกลั้นหนักแน่นประดุจแผ่นดิน เพื่อเพิ่มพูนขีดความสามารถสำหรับระงับยับยั้งความรู้สึกขุ่นข้องหมองมัว กระทั่งสามารถพลิกผันสถานการณ์แห่งความร้อนรุ่มให้ผ่านพ้นไป ด้วยท่าทีอันเป็นกัลยาณมิตร รู้จักประสานประโยชน์ อนุเคราะห์สงเคราะห์ สงบและสง่างาม แล้วในที่สุด เมล็ดพันธุ์แห่งความเมตตากรุณานั้น จะค่อย ๆ เติบโตผลิดอกออกผลเป็นความกลมเกลียวสมานฉันท์ แผ่กิ่งก้านสาขาแห่งสันติสุข ปกคลุมถิ่นฐานบ้านเมืองนั้นให้เป็นรมณียสถานได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณความดีที่ทุกท่านได้ร่วมกันสร้างสรรค์ จงดลบันดาลความร่มเย็นแก่ประชาชาติไทย ยังความชุ่มชื่นเบิกบานพระราชหฤทัยแด่ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อจักได้เสด็จสถิตธำรง ทรงเป็นมิ่งขวัญหลักชัยอยู่ยั่งยืนนาน กับทั้งดลบันดาลพสกนิกรจงภิญโญสโมสรด้วยความสุขเกษมศานต์ ตลอดพุทธศักราช 2564 นี้โดยทั่วกัน เทอญ”

Photo by AFP

ศาสนาคริสต์

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก แม้ปีนี้จะไม่ได้เป็นประธานในพิธีสวดมนต์วันส่งท้ายปีเก่าหรือพิธีมิสซาวันปีใหม่ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เนื่องจากพระอาการปวดสะโพก แต่พระองค์ทรงต้อนรับปีใหม่ด้วยคำอวยพร ผ่านการถ่ายทอดสดจากห้องสมุด Apostolic Palace เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา มีคำกล่าวบางช่วงบางตอนว่า

“สายตาของพระแม่มารีย์ที่เฝ้ามองเราอยู่ด้วยความอ่อนโยน ทำให้มั่นใจได้ว่า ณ เวลานี้ ท่านได้ประทานพรให้แก่เรา เพื่อให้เราเติบโตทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณ”

“นี่เป็นช่วงเวลาที่ความเกลียดชังและความแตกแยกได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างมาก เป็นช่วงเวลาที่เราได้สัมผัสกับความเป็นพี่น้อง เป็นเวลาแห่งการสร้างและไม่ทำลาย เพื่อที่จะดูแลกันและกัน”

“เป็นเวลาที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ เติบโตงอกงาม และเป็นเวลาแห่งสันติสุข”

ในระหว่างที่กล่าวคำอวยพรนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงชี้ไปที่ภาพเขียนฉากการประสูติของพระเยซู ที่ปรากฏภาพของนักบุญยอแซฟ และพระแม่มารีย์ซึ่งกำลังอุ้มพระกุมารเยซูในอ้อมแขน แล้วพระองค์ทรงกล่าวว่า

“พระแม่มารีย์เฝ้าดูแลเราด้วยความอ่อนโยน เช่นเดียวกับที่ท่านเฝ้าดูแลพระเยซู พระบุตรของท่าน”

“ขอให้แต่ละคนมั่นใจว่าปี 2021 จะเป็นปีแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและเป็นปีแห่งสันติสุขสำหรับทุกคน ปีที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจและความหวัง ซึ่งเรามีต่อพระแม่มารีย์ ผู้เป็นพระมารดาของพระเจ้าและพระมารดาของเรา ว่าท่านจะปกป้องคุ้มครองเราจากบนสวรรค์”

พระองค์กล่าวเจาะจงถึงการดูแลเยียวยากันจากโรคระบาดโควิด-19 ด้วยว่า

“วัฒนธรรมแห่งการดูแลผู้อื่นเป็นหนทางสู่สันติภาพ สอนให้เรารู้ว่าจำเป็นแค่ไหนที่เราจะต้องสนใจปัญหาและแบ่งเบาความกังวลของผู้อื่น”

“ขอพระแม่มารีย์ผู้ให้กำเนิด ‘เจ้าชายแห่งสันติ’ ผู้ที่กอดพระองค์ (พระเยซู) ด้วยความอ่อนโยนในอ้อมแขนของท่าน ขอทรงมอบความสันติสุขอันเป็นของขวัญล้ำค่าจากสวรรค์มาให้พวกเรา ซึ่งสิ่งนี้ไม่สามารถสร้างได้ด้วยกำลังของมนุษย์เพียงอย่างเดียว”

“ความหวังของข้าพเจ้าคือ อยากให้สันติภาพบังเกิดในจิตใจของชายหญิง ในครอบครัว ในสถานที่พักผ่อน สถานที่ทำงาน ในชุมชน และในประเทศต่าง ๆ …เราต้องการความสงบสุข และนี่คือของขวัญที่เราวอนขอ”

ศาสนาอิสลาม

นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ผู้นำกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย ผู้ที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามแก่รัฐบาล ได้กล่าวอวยพรเมื่อวันที่ 1 มกราคม ว่า

“ขอส่งความปรารถนาดีมายังทุกท่าน และขอให้ทุกท่านได้ตระหนักรู้ เพื่อการก้าวเข้าสู่อนาคตที่มั่นคง ทั้งการมีไมตรีจิตที่เกื้อกูล มีความเสียสละ มีความรักความสามัคคี มั่นคงอยู่ในคุณธรรมความดี และมีสุขภาพดี เพื่อการพัฒนาสังคม ให้มีความเจริญรุ่งเรือง”

ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู

พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานคณะพราหมณ์ เทวสถาน สำหรับพระนคร (โบสถ์พราหมณ์) ได้ส่งสาสน์อวยพรปีใหม่ ความว่า

“ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2564 ซึ่งเป็นวันสำคัญของปี เริ่มต้นปีใหม่ ขอพระอิศวร พระแม่อุมา พระขันธกุมาร พระพิฆเนศวร ขอพระพรหม พระแม่สุรัสวดี ขอพระนารายณ์ พระแม่ลักษมี พระแม่ภูมิเทวี ขอทวยเทพทุกองค์ในสากลจักรวาล ในอนันตจักรวาล ในไตรโลกธาตุ


ได้ทรงประทานพร ให้ชาวไทยทุกท่านมีความสุข มีความเบิกบาน มีสติสัมปชัญญะ มีสมาธิ ปราศจากโรคภัยทั้งปวง ขอองค์ปัญญาจงมีแก่ทุกท่าน ตั้งใจปฏิบัติตนเอง มีระเบียบวินัยอย่างจริงจังตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่ดี มีกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ขอความสำเร็จจงมีแด่ท่าน โอม ศานติ ศานติ ศานติ”