เปิดเกาะไฮเอนด์ นาวโอพี ท่องเที่ยวเชื่อม 2 ฝั่งอันดามัน

หากพูดถึงฤดูการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงนี้ หลายคนคงนึกถึง “อากาศหนาวเย็น” ในภาคเหนือ หรือ “ภูเขาสูง”

ในแต่ละจังหวัดทางภาคเหนือ พูดได้ว่าเป็น “จุดหมายปลายทางหลัก” ของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งจะเริ่มวางแผนเตรียมเที่ยวกันตั้งแต่เดือน พ.ย.จนถึงต้นปีหน้าทีเดียว

แต่ความสวยงามในช่วงนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ในภาคเหนือเท่านั้น ใครจะรู้ว่าจังหวัดทางใต้ของประเทศไทยอย่าง “ระนอง” น่าดึงดูดไม่แพ้กัน

ระนองเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีครบเครื่อง ทั้งภูเขา น้ำตก และทะเล อีกทั้งยังเป็นจังหวัดเล็กที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก หากนักท่องเที่ยวกลุ่มไหนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย ระนองนับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจมาก

อย่าง “ภูเขาหญ้า” ภูเขาลูกเตี้ย ๆ ที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่มาเมืองระนองแล้วต้องแวะให้ได้ หากไปเที่ยวนอนเต็นท์ในช่วงฤดูฝน บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ หรือหากจะมาช่วงซัมเมอร์ ภูเขาหญ้าก็จะกลายเป็นสีเหลืองอร่ามสวยไปอีกแบบ หรือจะเป็น “น้ำตกปุญญบาล” น้ำตก 3 ชั้นที่โด่งดังไม่แพ้ที่ใด ส่วน “บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” เรียกได้ว่ามาระนองทั้งทีต้องห้ามพลาด บ่อน้ำร้อนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งเมื่อปี 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เคยเสด็จประพาสมา ณ ที่แห่งนี้ด้วย

หรือจะท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ก็สามารถเลือกได้ เพราะเมืองระนองมี “พระราชวังรัตนรังสรรค์” (จำลอง) อยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำร้อนดังประจำจังหวัด เป็นพระราชวังที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จฯ ประทับแรมที่ จ.ระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ไฮไลต์ของฤดูการท่องเที่ยวประจำปีนี้ คือ การเชื่อมโยง 2 ประเทศ ไทยและเมียนมา ขณะเดียวกันถือเป็นการเปิดตัวเกาะเปิดใหม่ป้ายแดง “เกาะนาวโอพี”

ซึ่งอยู่ริมขอบทะเลอันดามันกับมหาสมุทรอินเดีย เรียกได้ว่าข้ามฝั่งไปอย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนแค่ใบเดียวเท่านั้น เกาะน้องใหม่แห่งนี้เพิ่งเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา และหากพูดถึงระดับความสวยใสของน้ำทะเลพูดได้ว่า “ระดับไฮเอนด์” ไม่แพ้ความสวยของทะเลไทยแต่อย่างใด ธรรมชาติบริสุทธิ์ผุดผ่อง หาดทราย น้ำทะเลสวยบาดใจ

ส่วนโลกใต้ผืนน้ำรอบ ๆ เกาะ ก็มีทั้งทุ่งปะการัง สัตว์ทะเลแสนสวย และดงดอกไม้นานาพรรณ ก็มีให้เห็นกันแทบทุกชนิด มองเพลิน ๆ จะรู้สึกเหมือนภาพวาดใต้น้ำทะเลลึก

“คิน หม่อง วิน” ประธาน บริษัท วิคตอเรียคลิฟฟ์ทราเวลแอนด์โฮเต็ล จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานเกาะนาวโอพี (Nyaung Oo Phee Island) นาน 70 ปี โดยมี “สมชาย จิตรมงคล” หนุ่มสัญชาติไทยเชื้อสายพม่า ผู้จัดการ รับหน้าที่หลัก ๆ ในการดูแลด้านการท่องเที่ยวฝั่งระนองและเกาะนาวโอพี บอกว่า การเดินทางจากแกรนด์อันดามัน (ฝั่งระนอง) มาถึงที่ท่าเรือเกาะสองของเมียนมาเพื่อทำเรื่องผ่านแดน โดยใช้สปีดโบตจะใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ส่วนการเดินเรือไปถึงเกาะนาวโอพีจากท่าเรือเกาะสอง จะใช้เวลาราว ๆ 1 ชั่วโมง 30 นาที

“คิน” เจ้าของสัมปทานและเป็นเจ้าของโรงแรมวิคตอเรียคลิฟฟ์แห่งเดียวบนเกาะ อธิบายถึงที่พักบนเกาะว่า ปัจจุบันมีห้องพักทั้งหมด 24 ห้อง แบ่งเป็น 2 แบบ คือ ห้องพักแบบติดแอร์ 12 ห้อง และแบบเต็นท์มีอยู่ 12 หลังซึ่งจะนอนได้สูงสุดเต็นท์ละ 4 คน โดยปีนี้เตรียมขยายเฟส 2 โดยตั้งใจว่าจะเพิ่มห้องพักอีก 21 ห้อง และต้องการปรับแต่งเฟส 2 ให้เป็นแบบวิลล่า เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น

“ตอนนี้เราสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 80 คน หากเฟส 2 เสร็จเรียบร้อย จะทำให้เรารองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ขณะที่วิคตอเรียคลิฟฟ์เป็นโรงแรมเดียวบนเกาะนาวโอพี ดังนั้น สะดวกสบายที่นักท่องเที่ยวจะได้รับแบบไม่ลบล้างวัฒนธรรมเดิม ๆ ของชาวพม่า ถือเป็นเสน่ห์ของเกาะนาวโอพี หากแขกมาพักที่แห่งนี้ก็สามารถใช้ประโยชน์จากวิลล่าของโรงแรมได้อย่างเต็มที่”

ผู้จัดการโรงแรมอธิบายถึงไฮไลต์ของเกาะแห่งนี้ว่า มีจุดดำน้ำที่สำคัญ ๆ ถึง 7 ไดรฟ์ ตัวอย่างเช่น อ่าวมาดาม เด่นในเรื่องมีหาดทรายขาวละเอียด จนนักดำน้ำต่างยกนิ้วให้เป็นอันดับหนึ่ง, ทุ่งดอกไม้ทะเล (กัลปังหา) จุดดำน้ำตื้นที่สามารถดำได้ง่าย ๆ และมองเห็นดอกไม้นานาชนิดสีสันต่างกันออกไป, เกาะเลสเตอร์ จุดเด่น คือ ปะการังอ่อนสีขาว แดง ชมพู และส้ม ผสมปนเปกัน,

เกาะภูเขาไฟ ที่นี่จะเห็นโลกใต้ทะเลเป็นเหมือนดงดอกไม้ทะเลตูม ๆ ส่วนใหญ่เป็นสีม่วง เขียว และเหลืองอ่อน สีของดอกไม้จะขึ้นอยู่ช่วงฤดูที่เราไป, อ่าวผักกาด ที่ปะการังดูคล้าย ๆ กับดอกกะหล่ำสวยอีกแบบ และบ้านปลาไหลมอเร่ ริมหาดเทอเรซ ที่ใกล้กับบริเวณของโรงแรมมากที่สุด ระดับความสวยไม่แพ้กัน เด่น ๆ ก็สายพันธุ์ปลาไหลมากมาย เป็นต้น

นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีการแสดงต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวพม่าสลับปรับเปลี่ยนชุดต่อชุด สนุกสนานกันตลอดทั้งคืน

ส่วนเรื่องอาหารถือว่าถูกปากชาวไทยแน่ ๆ เพราะส่วนใหญ่รสชาติอาหารของคนที่นี่ไม่ต่างจากเรานัก ผิดเพี้ยนไปเพียงเล็กน้อย แต่รวม ๆ แล้วบวกกับบรรยากาศรอบ ๆ ที่สวยงามตระการตามาก ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่เปอร์เฟ็กต์อีกหนึ่งทริป