ICONCRAFT COFFEE FEST คาเฟ่ฮิต-เมล็ดกาแฟไทยในที่เดียว

งานกาแฟ

ไปเดินห้างกันเถอะ ไม่ได้ชวนไปเอาแอร์เฉย ๆ แต่อยากชวนไปให้กำลังใจพวกเขา ซึ่งเป็นกลุ่มร้านคาเฟ่ที่รวมสุดยอด “เมล็ดกาแฟ” ทั่วไทยมาไว้ในที่เดียว ในงาน “ICONCRAFT COFFEE FEST-ไอคอนคราฟต์ คอฟฟี่ เฟส” ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม ย่านเจริญนคร ที่จัดงานแบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนร้านคาเฟ่มาให้ทุกคนได้ลิ้มลองความอร่อยของกาแฟคราฟต์สัญชาติไทยตลอดเดือนพฤศจิกายนของปีนี้

ไอคอนคราฟต์ เป็นพื้นที่งานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย บนชั้น 4-5 ไอคอนสยาม และชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ นอกจากจะเป็นพื้นที่ช็อปปิ้งท่องเที่ยวในเมืองเชิงผ่อนคลายแล้ว เป้าหมายของอีเวนต์คือต้องการส่งเสริมและผลักดันธุรกิจกาแฟไทยให้มี “เวที” ของตัวเอง

ลึก ๆ คือการสนับสนุนคนตัวเล็กที่อยู่ห่างไกล ในฐานะ “ต้นน้ำ” อย่างกลุ่มเกษตรกร รวมถึงผู้ปลูก และผู้แปรรูป สุดท้ายคือเหล่าบาริสต้า ผู้อยู่ปลายทาง ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้บริโภคได้มากที่สุด

ภายในงานมีกิจกรรมพิเศษทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เช่น เรียนรู้เทคนิคการชงกาแฟแบบ slow bar slow life โดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมสนุกไปกับกิจกรรมขนมน้ำตาล (ICONCRAFT Dalgona Game) เพลินไปกับขนมเบเกอรี่โฮมเมด

ร้าน “60พลัส”

สำหรับสายหวานยังมีช็อกโกแลต, ชา และน้ำผึ้ง ให้เลือกช็อปกันตลอดเดือนนี้

นอกจากนี้ ในงานยังเป็นแหล่งนัดพบของเมล็ดกาแฟสเปเชียลตี้ที่เป็นเมล็ดกาแฟไทยแบรนด์ดังจากทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทยมารวมกันไว้ถึง 70 แบรนด์ เช่น GRAPH, ROAST RUNNER, ROAST8RY, POUR OVER LAB, SIAMDRIPCO, AKHA AMA, BLUEKOFF, CHERRY CASK COFFEE, SIAS KOFFEE, ROASTER, PANGKHON COFFEE ROASTER, ASAMA, LOTS.SATHON, WBD และ REVER ROASTERS

ส่วนคอกาแฟคงชอบร้าน “Pour Over Lab” แล็บดริปกาแฟสุดเท่ ที่นำเสนอกาแฟในสไตล์การทดลองในห้องแล็บวิทยาศาสตร์ โดยมี coffee professional มาแนะนำเรื่องกาแฟ specialty จุดเด่นของร้านคือ สามารถเลือกวิธีการชงกาแฟด้วยการดริปหลายรูปแบบ ไฮไลต์คือ เมนูซิกเนเจอร์ Orenji Dutch ที่หยิบกาแฟ cold drip มามิกซ์กับความหอมสดชื่นของส้มยูซุ เสิร์ฟในน้ำแข็งก้อนกลม ให้ความรู้สึกสดชื่นซาบซ่า

Pour Over Lab

อีกหนึ่งคาเฟ่ที่สาวกคนรักกาแฟชอบคือ คาเฟ่สไตล์มินิมอลสีขาว ร้าน Lots Sathon ที่มีกาแฟรสชาติดีจากเมล็ดกาแฟอราบิก้าจากไร่ดอยช้าง ผ่านกรรมวิธีคั่วแบบอ่อนถึงกลาง ในแบบฉบับของร้าน ในงานทุกคนสามารถสร้างสรรค์ latte art ด้วยตัวเอง เป็นการส่งความสุขผ่านถ้วยกาแฟ กับลายพิมพ์พิเศษในแบบแต่ละคน โดยเครื่องพรินต์ภาพลงบนกาแฟ ทำให้แก้วกาแฟธรรมดาแก้วหนึ่งกลายเป็นแก้วกาแฟที่สนุกสนานได้ในทันที

อีกช่วงจะเป็นร้านกาแฟเพื่อสังคมที่สนับสนุนเกษตรกรและคนพิเศษ เช่น ร้าน 60พลัส ที่ตั้งอยู่ถนนราชวิถี ถือเป็นร้านขนมคนพิการที่น่าสนใจ ดำเนินการโดย Yamazaki และ Mark Rin Chocolate เพราะเป็นร้านขายขนมและช็อกโกแลตคาเฟ่ที่มีกลุ่มคนพิเศษบริหารจัดการ เป็นร้านเบเกอรี่ที่ฝึกคนพิการให้มีงานทำจริง ๆ น่าชื่นชม

มาถึงร้านกาแฟสัญชาติไทย Siam Drip Co กาแฟสไตล์โอมากาเสะที่ครีเอตโดยฝีมือคนไทย แต่ละแก้วมีเอกลักษณ์ชัดเจนในเรื่องรสชาติ เพราะเจนจัดเรื่องเมล็ดกาแฟ ส่งผลให้บาริสต้าดึงเอารสชาติหลักของเมล็ดออกมาได้อย่างเต็มที่ ก่อนจะผสมกับผลไม้ไทยแท้ที่ช่วยกันเสริมรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น

วันที่ 19-30 พฤศจิกายน พบกับร้านกาแฟที่เป็นจุดหมายปลายทาง คอฟฟี่เลิฟเวอร์ต้องชิมความหอมอร่อยจาก GRAPH Coffee กาแฟคราฟต์จากเชียงใหม่ ร้านที่เกิดจากการเดินทางท่องเที่ยวจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง ผ่านถนนที่คดเคี้ยวราวกับเส้นกราฟ เหมือนชีวิตที่มีขึ้นมีลง ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นและที่มาของชื่อร้าน ร้านนี้คัดเลือกเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีจากการลงพื้นที่ไปทำความคุ้นเคยกับเกษตรกรในไร่ต่าง ๆ ทั่วไทย นำมาทดลองและชงอย่างพิถีพิถัน จนเป็นกาแฟที่มีส่วนผสมใหม่ ๆ รวมถึงรูปแบบของกาแฟ Nitro เป็นร้านแรก ๆ ในเชียงใหม่อีกด้วย

ที่สำคัญ ไอคอนคราฟต์ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดเสวนาเรื่องการยกระดับธุรกิจกาแฟ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำด้วย พร้อมชมการดริปกาแฟสไตล์ slow bar, speed bar และ cold-infused brew

สุดท้ายทุกคนสามารถชิมกาแฟจากคาเฟ่ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชน และเกษตรกรจากภาคเหนือ, ตะวันตก, อีสาน และใต้ ท่ามกลางบรรยากาศแคมปิ้ง เพื่อต้อนรับปลายฝนต้นหนาวที่กำลังมาเยือน เช่น Love Earth Coffee Roastery ร้านกาแฟจากเชียงใหม่ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสรรหาเมล็ดกาแฟคุณภาพและสร้างโรงคั่วกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง

ร้านกาแฟ Brew Flavor กาแฟ cold-infusion ชงด้วยการอินฟิวส์น้ำเย็นเข้าในกาแฟ แล้วดึงรสชาติออกมา โดยใช้เมล็ดกาแฟ specialty รสจัดจ้าน เข้มข้น ใส ไม่มีตะกอน

Xanthocarpa Coffee & Roastery

ใครชอบสไตล์ slow bar coffee ขอแนะนำ Xanthocarpa Coffee & Roastery ที่ดึงรสชาติผ่านกระบวนการ drip และ flair espresso จากเมล็ดกาแฟ yellow arabica และผ่านการคั่วและเบรนด์ จนเป็นกาแฟที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์

คั่นด้วยการเลือกซื้อผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ จากกลุ่มสหกรณ์เส้นด้ายและการทอ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของผู้ทอผ้าใน จ.อุดรธานี ที่มีปัญหาเรื่องรายได้ในช่วงโควิด-19 โดยใช้แนวคิด zero wasted concept เพิ่มมูลค่ากับวัสดุเหลือใช้ ย้อมผ้าด้วยกากกาแฟ และดึงสีธรรมชาติจากแก่นไม้ ดิน คราม มาเป็นสีสัน

Love Earth Coffee Roastery