“ธนสรรไรซ์” ฝ่าวิกฤตบาทแข็ง ส่งออกข้าวทะลุล้านตันครั้งแรกในรอบ4ปี

“ธนสรรไรซ์” ผงาด 4 ปีทุบสถิติส่งออกข้าวพุ่ง จาก 75,000 ตันทะลุ1 ล้านตันในปี”60 อานิสงส์รับออร์เดอร์อิหร่าน-ผ่านมาตรฐาน AQSIQ จีน ตั้งเป้าปี”61 ฝ่าวิกฤตบาทแข็ง-ข้าวเปลือกแพง ลุยตลาดเกรดพรีเมี่ยมเอเชีย-สหรัฐ-ยุโรป เพิ่มมูลค่า-ลุ้นออร์เดอร์อินโดฯประมูล 5 แสนตัน

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อ 3 ปีก่อน “ธนสรรไรซ์” ผู้ส่งออกน้องใหม่จากวงการโรงสีข้าว ก้าวขึ้นแท่นอันดับที่ 10 ผู้ส่งออกข้าวไทย แต่ล่าสุดในปี 2560 ธนสรรไรซ์ซึ่งขึ้นแท่น

ผู้ส่งออกข้าวเบอร์ 3 ประสบความสำเร็จในการผลักดันยอดส่งออกข้าวทะลุ1 ล้านตันแรกเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งยอดนี้ทำให้ธนสรรไรซ์ครองส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นสัดส่วน 8.7% ของการส่งออกไทย 11.48 ล้านตัน แม้จะยังเป็นรองกลุ่มเอเซียโกลเด้นท์ไรซ์ เบอร์ 1 และกลุ่มนครหลวงค้าข้าว เบอร์ 2

นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด และบริษัท พรีเมียมไรซ์ เอ็กปอร์ต จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้สามารถทำยอดส่งออกได้ถึง 1,070,000 ตัน  ถือเป็นปีแรกที่สามารถส่งออกได้ถึง 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นยอดที่เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ส่งออกได้ 916,143.91 ตัน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกขยายตัวนั้นเป็นผลดีจากที่ก่อนหน้านี้ ธนสรรไรซ์เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกได้รับคำสั่งซื้อข้าวหอมมะลิจากอิหร่าน 40,000 ตัน ซึ่งเป็นลอตแรกหลังจากตลาดนี้หายไปนานเป็นสิบปี นอกจากนี้ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากตลาดจีนมากขึ้น ภายหลังจากหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพ (AQSIQ) ของจีน ปรับหลักเกณฑ์มีการตรวจสอบรับรองรายชื่อผู้ส่งออกที่ผ่านมาตรฐานส่งออกข้าวไปจีน ซึ่งบริษัทธนสรรไรซ์ เป็น 1 ใน 49 รายที่ผ่านคุณสมบัติ ทั้งนี้ ตลาดจีนเป็นตลาดอันดับ 2 มีส่วนแบ่ง 20% รองจากตลาดแอฟริกา ที่มีส่วนแบ่งตลาด 50%

สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวในปี 2561 กลุ่มธนสรรไรซ์ตั้งเป้าหมายจะรักษาการส่งออกข้าวให้ไม่ต่ำกว่าปี 2560 ในปริมาณ 1.07 ล้านตัน โดยยังคงรักษาการส่งออกไปยังตลาดหลักแอฟริกา และตลาดเอเชีย ซึ่งยังมีแนวโน้มขยายตัวดี เพราะหลายประเทศประสบปัญหาภัยหนาวทำให้มีความต้องการซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงต้นปีทิศทางตลาดเอเชียน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซียกำลังเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง ทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องเปิดประมูลนำเข้าข้าวสารขาว 5% และข้าวขาว 25% ปริมาณ 500,000 ตัน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ตลาดคึกคัก พร้อมทั้งจะส่งเสริมการทำตลาดข้าวเกรดพรีเมี่ยม ในแบรนด์ “Premium Rice” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย โดยข้าวนี้จะเน้นส่งออกตลาดส่งออกสำคัญทั้งในกลุ่มเอเชีย สหภาพยุโรป และสหรัฐ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากปี 2559 ที่บริษัทได้ทดลองทำการเปิดตลาดข้าวถุงนี้ในประเทศไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม การส่งออกข้าวในปี 2561 ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกปี 2560/2561 ลดลง ทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับสูงขึ้นถึงตันละ 16,000 บาท ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นมาถึง 3% ผู้ส่งออกต้องปรับขึ้นราคาจำหน่ายสูงขึ้นตาม โดยขณะนี้ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิสูงตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% เพิ่มจากตันละ 380-390 เหรียญสหรัฐในปีก่อน เป็น 420-425 เหรียญสหรัฐแล้ว ประเด็นนี้อาจมีผลให้ผู้นำเข้าหลายตลาด โดยเฉพาะตลาดข้าวหอมมะลิอย่างจีน และฮ่องกง อาจหันไปซื้อข้าวหอมของประเทศอื่นได้ เช่น กัมพูชา ที่มีราคาถูกกว่าไทย

ส่วนความคืบหน้าในการศึกษาความเป็นไปการตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิมซึ่งได้เริ่มศึกษาเมื่อปลายปี 2560 คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการศึกษาชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2562 ว่าเหมาะสมจะตัดสินใจลงทุนหรือไม่